NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1048 ทำให้แตกตื่นตกใจ

บทที่ 1048 ทำให้แตกตื่นตกใจ

เมื่อรวบรวมสติกลับคืนมาได้แล้ว หลี่ฝางก็มองดูหญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า

สำหรับข้อเรียกร้องของหวางซีเหยานั้น สุดท้ายแล้วหยางฉงก็ได้แต่ตอบตกลง

ตอนนี้บริษัทของเธอทางนั้นมีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย จึงไม่มีเวลาว่างเหมือนเมื่อสองสามวันก่อน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วเธอจึงรีบกลับไป

หวางซีเหยาก็เอากุญแจรถของตัวเองยื่นให้หลี่ฝาง ยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเราออกเดินทางกันเถอะ!”

หลี่ฝางก็หัวเราะขึ้นมา สตาร์ทรถแล้วไปตามทางที่หวางซีเหยาบอก ไม่นานนักก็มาถึงถนนสำหรับช็อปปิ้งที่ครึกครื้นสายหนึ่ง

เมื่อมาถึงที่นี่หวางซีเหยาก็เหมือนปลดปล่อยธรรมชาติของเธอออกมา หลี่ฝางที่ถูกลากให้เดินตามไปทั่วนั้น ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆเดินตามหลังไป

ระหว่างทางนั้นก็ได้พบเจอกับหนุ่มสาวหลายคู่ หลี่ฝางสังเกตเห็นท่าทางของผู้ชายแต่ละคนก็แทบจะเหมือนกับตัวเองทั้งนั้น หนำซ้ำยังมีสองคนเมื่อเดินสวนทางกับตัวเองยังพยักหน้าทักทายเล็กน้อย แสดงออกถึงรอยยิ้มที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน

พละกำลังฮึกเหิมในขณะที่ผู้หญิงกำลังช็อปปิ้งนั้น ทำให้หลี่ฝางรู้สึกสั่นสะท้าน!

ในขณะนี้ ทั้งสองคนก็มาถึงร้านขายของแบรนด์เนมมีชื่อแห่งหนึ่ง หลี่ฝางมองดูหวางซีเหยาที่ซื้อเสื้อผ้าชุดละแปดพันกว่าชุดหนึ่งอย่างไม่แยแส ในใจก็อดไม่ได้ที่จะแอบปาดเหงื่อ

เขาไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น อีกประเดี๋ยวถ้าถึงเวลาที่จะชำระเงิน ถ้าจะให้หวางซีเหยาเป็นคนจ่ายเอง มันจะไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยเหรอ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลี่ฝางก็แอบส่งข้อความถึงหยางฉงเพื่อขอยืมเงินจากเธอ มันน่าละอายจริงๆเลย!

ในขณะที่ทั้งสองคนยืนเข้าแถวเตรียมตัวจะชำระเงินอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากข้างหลัง

“เหยาเหยา!”

ทั้งสองคนหันไปมอง ก็เห็นเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ

“ไม่คิดว่าจะมาเจอแกที่นี่!”

หวางซีเหยาสีหน้าก็แสดงความดีใจ จับมือของหญิงสาวอย่างสนิทสนม แล้วตะโกนพูดว่า “หยุนหยุน คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าจะมาเจอแกที่นี่!”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว คุณคนนี้คือ…….”

“เพื่อนฉันเอง หลี่ฝาง!” หวางซีเหยาก็แนะนำอย่างเป็นกันเอง

หลังจากนั้น เธอก็หันไปพูดกับหลี่ฝางว่า “นี่คือเพื่อนร่วมห้องตอนอยู่มหาวิทยาลัย หยุนหยุน!”

“สวัสดีค่ะ หยุนหยุนกวาดสายตามองดูหลี่ฝางและหวางซีเหยาอย่างละเอียด ดูเหมือนกำลังคิดเดาความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่

“เออใช่แล้ว แนะนำให้ทุกคนรู้จักหน่อย!” หยุนหยุนก็กวักมือไปที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ในไม่ช้าก็มีผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา หยุนหยุนแนะนำว่า “นี่คือเพื่อนชายของของฉัน จางเฉิง!”

หน้าตาของจางเฉิงคนนี้ก็ดูไม่เลวทีเดียว เสื้อผ้าที่ใส่นั้นมองดูก็รู้ว่าราคาไม่ใช่ย่อมเยาเลย สายตาของเขากวาดมองไปตรงใบหน้าจรดเท้าของหวางซีเหยา ยื่นมือให้หวางซีเหยาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส

“สวัสดีครับ เห็นหยุนหยุนเคยพูดถึงคุณหลายครั้งแล้ว คนจริงสวยกว่าที่เธอพูดเสียอีกยินดีที่ได้พบคุณครับ”

เขาทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกทั้งยังใจกล้าที่จะจ้องหน้าหวางซีเหยาอย่างไม่ละสายตา

“สวัสดีค่ะ” หวางซีเหยาก็ทักทายด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา มือทั้งสองก็เกาะแขนของหลี่ฝางไว้ ทำเป็นแกล้งมองไม่เห็นมือที่ยื่นออกมาของจางเฉิง

จางเฉิงก็ดึงมือกลับมา แล้วพูดต่อไปว่า “ในเมื่อทุกคนต่างเป็นเพื่อนกัน งั้นเราไปเดินด้วยกันดีกว่ามั๊ย?”

ตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาของเขายังไม่เคยละออกจากตัวของหวางซีเหยาเลย สายตาที่ไม่มีความเกรงใจนั้นจ้องมองหวางซีเหยาจนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จึงรีบบอกว่า “พวกเรากำลังจะกลับแล้ว คงไม่ไปเดินกับพวกคุณหรอก”

พอดีในขณะนั้นคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าได้ชำระเงินเสร็จแล้วก็เดินจากไป หวางซีเหยาจึงรีบเอาเสื้อผ้าวางลงบนเคาน์เตอร์

“ทั้งหมดเก้าหมื่นสองค่ะ กรุณาแสดงบัตรสมาชิกของท่านด้วยได้ไหมคะ?” แคชเชียร์สาวพูดกับหลี่ฝางพี่ฟางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

หลี่ฝางพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่มี”

“ได้ค่ะ…….” แคชเชียร์สาวกำลังจะพูดต่อ จางเฉิงก็รีบเข้ามาใกล้ แล้วยื่นบัตรใบหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ใช้บัตรไดมอนด์ของฉันก็แล้วกัน”

“สวัสดีค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านมาเยือนร้านเรา” เมื่อแคชเชียร์สาวมองเห็นบัตรใบนั้นแล้ว น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานขึ้นมาทันที

จางเฉิงแกล้งทำเป็นพยักหน้าอย่างเรียบเฉย มองไปยังหลี่ฝางด้วยสายตาที่ดูถูก ขณะเดียวกันก็มองไปยังหวางซีเหยาอีกครั้ง เพื่อดูว่าตอนนี้เธอมีท่าทีที่จะชื่นชอบเขาบ้างแล้วยัง

ถ้าทำให้ใจเธอโอนเอนมาได้ละก็ อาจไม่แน่ก็จะได้…….

ในสมองของจางเฉิงที่ยังไม่ทันปรากฏความคิดที่สกปรกขึ้นมา ก็เห็นหวางซีเหยาหยิบบัตรที่เหมือนกันทุกอย่างออกมาใบหนึ่งแล้วยื่นให้กับแคชเชียร์สาว พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเราก็มีเหมือนกัน”

จางเฉิงถึงกับอึ้งไปสักครู่หนึ่ง มองดูหลี่ฝางทั้งสองคนชำระเงินแล้ว กำลังพูดร่ำลากับหยุนหยุน

จางเฉินที่มองดูหลี่ฝางสองคนกำลังจะเดินจากไปด้วยความรู้สึกผิดหวังและอารมณ์ที่ขุ่นหมอง อดไม่ได้ที่ด่าทอออกมาว่า “พวกเกาะผู้หญิงกิน มีอะไรน่าภูมิใจวะ!”

หลี่ฝางหยุดเดินทันที มองหน้าเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น

ชั่วพริบตาเดียว จางเฉิงก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนตกลงไปในนรก รอบๆบริเวณเต็มไปด้วยภาพที่น่ากลัวมากมายนับไม่ถ้วน ส่วนตัวเองกำลังถูกผีร้ายสองตนขนาบจับไว้ เตรียมจะโยนลงไปในกระทะทองแดง………

จางเฉิงตะโกนร้องเสียงดังลั่น พยายามเรียกสติกลับคืนมา จากนั้นก็คุกเข่าลงไปกับพื้น ถึงกับเหงื่อไหลท่วมศีรษะ

หยุนหยุนตกใจเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนชาย รีบยื่นมือไปพยุงเขาไว้ แล้วตะโกนถามว่า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

แต่หลี่ฝางก็ไม่ได้หันหลังกลับไปมองอีกเลย ได้แต่พาหวางซีเหยาจากไป

จางเฉิงค่อยๆคลานขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเล รู้สึกแต่ว่ามือไม้อ่อนแรงไปหมด ยิ่งรู้สึกว่าคนที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นมองเขาด้วยสายตาที่ผิดปกติ ในใจก็ยิ่งโกรธแค้นและอับอายมากยิ่งขึ้น หันหลังกลับแล้วรีบเดินจากไปอย่างไม่รีรอ

ในช่วงเวลาเดียวกันนั่นเอง ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง กำลังเปิดการสนทนาแผนปฏิบัติการลับขึ้น

“การลอบสังหารคราวนี้ก็ล้มเหลวอีกตามเคย”

“พละกำลังของเป้าหมายรู้สึกจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าคราวที่แล้วเสียอีก ถ้าหากยังไม่รีบจัดการสังหารให้เด็ดขาดละก็ เกรงว่าพวกเราจะไม่มีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้อีกแล้ว!”

“ฝ่าบาทมีพระราชโองการอะไรหรือเปล่า? ถ้าหากฝ่าบาททรงอนุญาตละก็ ส่งสิบสองอัศวิน……..”

“สิบสองอัศวินจะมาแตะต้องง่ายๆได้ยังไงกัน! แต่ว่า ฝ่าบาทก็ได้มีราชโองการใหม่ลงมาแล้ว”

“คืออะไรเหรอ?”

“มียอดฝีมือใหม่คนหนึ่งกำลังจะมาถึงภายในสองวันนี้ ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าให้พวกเราฟังคำสั่งจากยอดฝีมือคนนั้นด้วย”

“อะไรนะ? ยอดฝีมือมาจากไหนกัน ถึงขนาดต้องให้พวกเราฟังคำสั่งจากเขาด้วย!”

“ได้ข่าวมาว่า เคยเป็นคู่ปรับเก่าของเป้าหมายเรา และคุ้นเคยกับเป้าหมายเป็นอย่างดีด้วย”

เสียงทั้งหมดท่ากลางความมืดนั้นก็เงียบสงบลงไป ผ่านไปสักครู่หนึ่ง จึงมีเสียงหัวเราะที่เย็นชาดังขึ้นมา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ต้องดูว่าเขามีความสามารถอะไรบ้างแล้ว……”

เมื่อสิ้นเสียงพูดนี้แล้ว เสียงทั้งหมดก็เงียบหายไปจนหมดสิ้น ท่ากลางความมืดมิดก็ตกอยู่ในสภาพที่เงียบสงบ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน