NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1056 คุณหลี่ คุณก็อยู่ด้วยเหรอเนี่ย

บทที่ 1056 คุณหลี่ คุณก็อยู่ด้วยเหรอเนี่ย

ส่วนคนอื่น ๆ ที่มุงดูเหตุการณ์อยู่รอบ ๆ ต่างมองดูอยู่อย่างเงียบ ๆ ด้วยแววตาเย็นชา และยั่วยวน ไม่มีใครที่กล้าก้าวยืนออกมาเลยสักคน

ภายในใจของจางเสว่และโจวหมิงค่อย ๆ สิ้นหวังลง

ถ้าหากโจวหมิงเพียงแค่ต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองและได้รับความทุกข์ทรมานทางเนื้อหนัง งั้นจางเสว่จะต้องเผชิญหน้ากับฝันร้ายเช่นไร เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด

ในขณะที่ดูเหมือนทุกอย่างจะจบลงแบบนั้น น้ำเสียงที่ราบเรียบก็ได้ดังขึ้นที่ข้างหูของทุกคน

“ไอ้หมูตอน ฉันให้โอกาสแกสักครั้ง ขอโทษเพื่อนฉันอย่างเคารพนอบน้อมซะ จากนั้นก้ไสหัวไปจากที่นี่ ฉันก็จะปล่อยแกไป เป็นยังไง?”

หลี่ฝางจ้องมองพี่หุยอย่างสงบพลางกล่าว

“แกว่ายังไงนะ?” พี่หุยนึกว่าตัวเองฟังผิดไป จึงถามขึ้นมาด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ: “แกพูดอีกครั้งสิ เมื่อกี้แกเรียกฉันว่ายังไงนะ?”

“หูไม่ดีหรือไง?” หลี่ฝางขมวดคิ้วเล็กน้อย และกล่าวซ้ำอีกครั้ง: “ฉันบอกว่า ไอ้หมูตอน! ตอนนี้แกฟังชัดเจนหรือยัง?”

ทั้นใดนั้น ทั่วทั้งพื้นที่ก็ฮือฮาขึ้นมา

ทุกคนต่างมองไปที่หลี่ฝางอย่างงงงวย คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าเรียกพี่หุยแบบนี้

ส่วนบนใบหน้าของพี่หุย ได้แสดงความโกรธที่เหมือนจะฆ่าคนได้ออกมาแล้ว

“เยี่ยม เยี่ยม หึ ๆ ดูเหมือนว่ามึงจะใช้ชีวิตมาพอแล้ว……”

“หัวหน้าหลี่!”

ความหวังเล็กน้อยได้ปรากฏขึ้นมาในหัวใจของโจวหมิง หัวหน้าของพวกเราร้ายกาจแบบนั้น หรือว่า จะทำตัวเป็นหมูกินเสือแกล้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อล้มฝ่ายตรงข้าม?

“แม่งเอ๊ย มึงพูดเหี้ยอะไร!” ลูกน้องคนหนึ่งของลูกพี่หุยพลันรู้สึกตัวขึ้นมา คว้าเอาขวดเบียร์ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาและฟาดลงไปบนหัวของโจวหมิง

แต่ทว่าวินาทีต่อมา ขวดเบียร์อีกขวดก็ได้ถูกฟาดลงไปบนหัวของลูกน้องคนนั้นด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด จนแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ

ร่างของลูกน้องคนนั้นโอนเอนไปมา “ฟุบ” และล้มฟุบลงไปกองอยู่บนพื้น ถูกฟาดจนสลบไป

“มึงแม่ง……”

ลูกพี่หุยกำลังจะตะโกนด่า วินาทีต่อมาด้านหน้าของเขาก็ได้มืดมัวไป จู่ ๆ เงาร่างของหลี่ฝางก็ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของเขา

ราวกับวิญญาณร้าย ทำให้พี่หุยที่อกสั่นขวัญแขวน ต่อยหมัดออกไปทางหลี่ฝางตามสัญชาตญาณ

แต่ทว่าเขาพึ่งจะยกกำปั้นขึ้นมา ก็เห็นว่าหมัดของหลี่ฝางได้ขยายใหญ่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ในรูม่านตาของเขา

“ตึง!”

ร่างของพี่หุยล้มหงายหลังไปทันที เลือดกำเดาไหลพุ่งออกมา เขาให้มือกุมจมูกและร้องครวญครางอยู่บนพื้น

“ลูกพี่!” ลูกน้องที่เหลืออีกสองคนลุกลี้ลุกลนเข้าไปพยุงพี่หุย แต่กลับพบว่าจมูกของเขาได้เปลี่ยนรูปร่าง ดั้งจมูกของเขาได้ถูกหลี่ฝางต่อยหักไปซะแล้ว

“รีบโทรโทรศัพท์……เรียกพี่ฉันมา……ฉันจะฆ่ามัน……”

พี่หุยพูดจาติด ๆ ขัด ๆ จากช่องว่างระหว่างนิ้วมือที่เขาใช้กุมจมูกเห็นได้ว่าฟันหน้าของเขานั้นได้ถูกต่อยหักไปหลายซี่

ลูกน้องทั้งสองคนลนลานขึ้นมาทันที ยังไม่รอให้พวกเขาเอ่ยปาก จู่ ๆ ก็มีขวดเบียร์ลอยเข้ามาอีกสองขวดและถูกฟาดจนแตกกระจายบนหัวของพวกเขา

ลูกน้องทั้งสองคนล้มลงไปพร้อมกัน

“อืม แบบนี้ดีแค่ไหน พี่น้องควรมีทุกข์ร่วมต้าน!” หลี่ฝางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

“แก……แกจะทำอะไร!” พี่หุยใช้ข้อศอกพยุงตัวเอนลงไปด้านหลังอย่างหวาดผวา: “แกรู้ไหมว่าพี่ชายฉันเป็นใคร!”

“เฮียเว่ยอะไรนั่นนะเหรอ?” หลี่ฝางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด: “แกเป็นไอ้หมูตอน พี่ชายแกคงไม่ใช่ไอ้หมูตอนเหมือนกันหรอกนะ? เมื่อกี้แกจะเรียกเขาไม่ใช่เหรอ? เรียกซะสิ!”

“แก……แกเก่ง แกรอเดี๋ยวเหอะ!” พี่หุยหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออกทันที

หลี่ฝางกลับหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาด้วยท่าทางเฉยเมย พลางดื่มเบียร์พลางมองดูพี่ฮุยโทรโทรศัพท์ ท่าทางสบาย ๆ

ในเวลานี้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ได้เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา

“ไอ้หนุ่มนั่นอายุน้อยไม่รู้อีโหน่อีเหน่จริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร”

“เฮ้อ ชอบอวดเก่ง ก็ต้องได้รับบทเรียน”

“อีกสักประเดี๋ยวก็จะมีเรื่องสนุก ๆ ดูแล้ว ไม่แน่ไอ้หนุ่มนั่นอาจจะถูกอัดจนฉี่ราดก็ได้”

……

“หัวหน้า คุณรีบหนีไปก่อนดีไหม!” เมื่อได้ยินคำพูดของผู้คนที่อยู่โดยรอบ โจวหมิงก็ได้ตื่นขึ้นมาจากความดีใจ และเริ่มเป็นกังวลแทนหลี่ฝางขึ้นมา

เพราะไม่ว่ายังไง นี่ก็เป็นถึงน้องชายของเฮียเว่ยเชียวนะ!

“หัวหน้า เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะผม ห้าล้านหยวน เดี๋ยวผมออกเอง!” โจวหมิงกัดฟันกล่าว

“ห้าล้านหยวน? หึ ๆ ๆ ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เงินจะแก้ไขปัญหาได้แล้ว!” เมื่อโทรโทรศัพท์เสร็จ พี่หุยก็” ได้ร้องเอะอะขึ้นมาอีกครั้ง: “พวกแกทุกคน ฉันจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!”

จู่ ๆ หลี่ฝางก็หัวเราะขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดประโยคนี้ของพี่หุย เขาคงลืมเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไปแล้ว

“โจวหมิง พวกนายกลับไปก่อนเถอะ”

เขาไม่อยากให้คนพวกนี้เห็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกสักครู่หรอกนะ ไม่งั้นพรุ่งนี้คงไม่ต้องไปที่บริษัทอีกแล้ว

“ผมไม่ไป! หัวหน้า ผมจะอยู่แบกรับกับคุณ! เฮียเว่ยจะฆ่าจะแกงผมก็จะทนรับทั้งนั้น!”

ถึงแม้ภายในใจของโจวหมิงจะกลัวสุดขีด แต่เขาก็ยังคงปากแข็งอยู่เหมือนเดิม

คนอื่น ๆ ต่างก็เงียบไป มีบางคนที่ถึงแม้อยากจะกลับไป แต่ก็กลัวเพื่อนร่วมงานจะดูถูกเอา จึงได้เพียงอยู่ที่นี่อย่างเงียบ ๆ

“ไม่เป็นไรหรอก พวกนายกลับไปเถอะ ฉันจะคุยกับเฮียเว่ยคนนั้นเอง” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ด้วยฝีมือของฉัน ต่อให้เกิดเรื่องอะไรก็หนีไปได้ทุกเมื่อ ถ้าพวกนายยังอยู่ฉันคงหนีไปไม่ได้”

พวกโจวหมิงนึกถึงฝีมือของหลี่ฝางขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงไปชั่วขณะ

บางที พวกเขาอยู่ที่นี่อาจจะเป็นตัวถ่วงของหลี่ฝางจริง ๆ ก็ได้

“หัวหน้า……พวกเราจะรอคุณอยู่ข้างนอก”

“โอเค”

ทุกคนมองดูท่าทางผ่อนคลายของหลี่ฝาง เหมือนกับว่าได้วางใจลงบ้างแล้ว จึงทำได้เพียงออกไปก่อน

มีหลี่ฝางอยู่ พี่หุยก็ไม่กล้าที่จะขัดขวาง จนกระทั่งทุกคนได้ออกไปกันหมดแล้ว พี่หุยถึงได้กล่าวขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม: “ไอ้หนุ่ม แกคอยดูเถอะ!”

เขาได้ตัดสินใจที่จะรอพี่ชายของเขามาแล้ว กำราบไอ้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ก่อนแล้วกัน แล้วค่อยไปลากตัวตัวผู้หญิงก่อนหน้านั้นมา

เวลาค่อย ๆ ผ่านไป ผู้คนต่างได้ออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีพวกคนที่ไม่กลัวตาย ยังไงก็จะต้องอยู่ดูเรื่องสนุกนี้ให้ได้

ทุกคนต่างก็คิดว่าหลี่ฝางจะต้องเละเป็นโจ๊กแน่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนที่คิดจะบันทึกภาพตอนที่หลี่ฝางถูกอัดเอาไว้ เพื่อสนองความชอบใช้ความรุนแรงของตัวเอง

“ดูสิว่าอีกเดี๋ยวแกจะตายยังไง!” บนใบหน้าชั่วร้ายของจางเฉิงที่หลบอยู่ที่มุมห้องมีรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมปรากฏขึ้นมา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกหลี่ฝางเมื่อสักครู่ ได้ถูกจางเฉิงที่บังเอิญอยู่ที่นี่เห็นเข้าอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนสายธุรกิจเมื่อหลายวันก่อน ทำให้หลายวันมานี้จางเฉิงค่อนข้างจะอึดอัด เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมแค่ไอ้หมอนั้นถลึงตาจ้องมองก็ทำให้เขาเข่าอ่อนไปซะแล้ว

ขายหน้าครั้งใหญ่แบบนี้ แต่กลับไม่รู้ว่าจะแก้แค้นยังไง ก็ทำให้จางเฉิงอึดอัดมากเหมือนกัน

ก็เพราะอารมณ์ไม่ดี เขาถึงได้มาดื่มเหล้าที่นี่ จากนั้นเขาก็ได้เห็นเหตุการณ์นี้เข้า

ทันใดนั้น จางเฉิงก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมา อยากจะดูว่าจุดจบของหลี่ฝางในวันนี้จะเละขนาดไหน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท