NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1067 ปรับกล้องวงจรปิดดู

บทที่ 1067 ปรับกล้องวงจรปิดดู

ท่าทีของคนอื่นๆ ในสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้ดีกว่าคุณชายโล่เท่าไหร่ ทุกคนต่างคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในจินตนาการ

“ให้ตายเถอะ ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันนะ!”

ทุกคนต่างซุบซิบกันขึ้นมา

การทำให้เฟ่ยเหวินเย่าตามมาได้ แล้วให้ปรมาจารย์อู๋คุกเข่าลง เกรงว่าการแต่งกายที่ธรรมดาของเขา ท่าทีที่เป็นเหมือนขอทานนั้น ก็ทนไม่ได้ที่จะให้คนเหล่านี้ไม่สนใจได้

ในตอนนั้นเอง มีแขกตาไวคนหนึ่งเปิดตัวตนของหลี่ฝางออกมากะทันหัน “คนคนนี้ เป็นอันดับกำลังภายในหลี่ฝาง!”

“เขานั่นเอง!”

“นั่นสิ ฉันจำได้แล้ว ว่าคืนวันนั้นฉันเองก็ได้เข้าร่วมงานสังสรรค์นั้น!”

“เป็นเขาจริงๆ ด้วย นี่ต้องมีอะไรดีๆ ให้ดูแล้วแน่นอน”

ผู้คนเหล่านั้นต่างคุยกันไปต่างๆ นานา

แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นพูดกัน หลี่เหวยเหมือนจะรู้ได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองเพิ่งจะหาเรื่องใหญ่ไป แต่เขาไม่รู้ว่าอันดับของอันดับกำลังภายในนั้นเป็นอย่างไร

ถึงแม้จะได้ฟังคนรอบๆ คุยกันมากมาย เมื่อมองแววตาของหลี่ฝางก็ยังมีความเคารพอยู่มาก แต่เขาก็ยังกังวลใจ แต่กลับเห็นหลี่ฝางโบกมือเบาๆ เพื่อให้หลี่เหวยไม่ต้องกลัว

น่าประหลาด ที่ในใจของหลี่เหวยกลับสงบลงทันที

“อู๋เฉินเสียมารยาทต่อปรมาจารย์ ขอให้ปรมาจารย์ลงโทษด้วยเถอะ!”

ปรมาจารย์อู๋พูดเสียงดังด้วยความเคารพ

แต่ท่าทีของเขาแบบนี้นั้น กลับทำให้เฟ่ยเหวินเย่าตกใจ

พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี เฟ่ยเหวินเย่านั้นไม่เคยเห็นอู๋เฉินเคารพใครมากขนาดนี้มาก่อน

ตอนแรกเขาอยากจะพูดอะไรดีๆ สักหน่อย แต่เรื่องมันก็ผ่านไปทั้งแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าอู๋เฉินจะยอมคุกเข่าลงต่อหน้าหลี่ฝางแบบนี้ แถมยังคุกเข่าอย่างเต็มใจด้วย

ความรู้สึกที่มีให้เฟ่ยเหวินเย่า เหมือนกับว่าการที่อู๋เฉินคุกเข่าให้หลี่ฝางนั้น กลับเป็นเกียรติของอู๋เฉินอย่างไรอย่างนั้นเลย

ถึงแม้ว่าจะนบน้อมกับคนที่มีฐานะแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้เข้าใจมากมายว่าอันดับกำลังภายในมันมีความหมายกับนักรบอย่างไร นักรบที่ไม่มีกำลังภายในคนหนึ่งเมื่อได้เห็นอันดับกำลังภายใน ในใจของเขาก็เกิดความเคารพเป็นอย่างมาก

หลี่ฝางในตอนนี้ ไม่ได้รู้สึกแย่กับท่าทีที่ปรมาจารย์อู๋เคารพ

เขาไม่ได้ทำให้ปรมาจารย์อู๋ลำบากใจ ก่อนจะโบกมือพลางพูดออกไป “เอาล่ะ ลุกขึ้นเถอะ”

ในใจของอู๋เฉินนั้นสงบลง เพราะรู้ว่าหลี่ฝางจะไม่ทำให้เขาลำบากใจ เลยรีบลุกขึ้น ก่อนจะยืนอยู่ด้านข้างอย่างเป็นระเบียบ

หลี่ฝางไม่ได้เสียเวลาไปกับปรมาจารย์อู๋ แต่หันไปถามหลี่เหวย “ทำไมพวกคุณถึงทะเลาะกันแบบนี้?”

เมื่อหลี่เหวยได้ยินหลี่ฝางถามคำนี้ ก็โกรธขึ้นมา ก่อนจะตะโกนพลางชี้ไปที่คุณชายโล่ “นายคนนี้ใส่ร้ายว่าฉันไปทำนาฬิกาเขาพัง ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนมาชนเห็นๆ อีกอย่างนาฬิกาของเขามันชนจนแตกง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน ทำมาจากกระดาษหรือไง?”

หลี่เหวยไม่เข้าใจว่าทำไมคุณชายโล่ถึงตามตัวเองไม่หยุด หลี่ฝางนั้นนึกถึงแววตาที่คุณชายโล่มองนิ่งหรงหรง ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรได้

หลี่ฝางหันหัวมามองคุณชายโล่ ก่อนจะตะโกนออกมา “คุณชายโล่ใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินหลี่ฝางเรียกเขา คุณชายโล่ก็ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

ตอนนี้เขารู้ตัวตนของหลี่ฝางแล้ว เลยไม่กล้าขัดขืนอะไรกับหลี่ฝางอีก

“คุณชายโล่ คุณทำแบบนี้กับเพื่อนฉัน มันไม่ถูกนะ” หลี่ฝางพูดเบาๆ

ถึงแม้น้ำเสียงจะเบาบาง แต่กลับมีความห้ามโต้แย้งอะไรซ่อนอยู่ ราวกับว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้นเป็นเรื่องมีเหตุผล

“นาฬิกาของฉันถูกเขาทำให้พังแล้ว หรือว่าฉันไม่ควรจะหาเขางั้นเหรอ?”

ถึงคุณชายโล่จะกลัวอยู่ในใจ แต่กลับไม่ยอมให้ในตอนนี้

ถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าตัวเองมีเหตุผล หลี่ฝางนั้นเป็นอันดับกำลังภายใน ต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็จะงี่เง่ามากไม่ได้?

ถึงแม้เขาจะคิดมาได้อย่างดี แต่ความคิดกับความเป็นจริงนั้นกลับมีความแตกต่างกันมาก

ท่านยังรอตัวเองอยู่ที่บ้านของโจวซู หลี่ฝางเลยมาเสียเวลากับคนตัวเล็กๆ แบบนี้ได้อย่างไร?

หลี่ฝางอึ้งไป ก่อนจะรีบลงโทษคุณชายโล่ด้วยตัวเอง

ในตอนนี้เอง ในที่สุดเฟ่ยเหวินเย่าที่พยายามจะหาโอกาสในการประจบหลี่ฝางนั้นก็ยืนต่อต้าน

เขาจ้องคุณชายโล่เบาๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีเมตตา “คุณชายโล่!ที่นี่ของฉันมีกล้องวงจรปิดนะ!”

เมื่อได้ยินเฟ่ยเหวินเย่าพูดออกมา ทุกคนก็ต่างมองเป็นตาเดียวกัน เพราะอยากรู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไร

เมื่อได้ยินเฟ่ยเหวินเย่าพูดคำว่า “กล้องวงจรปิด” ออกมา ในใจของคุณชายโล่ก็หนักอึ้ง

“ฉันว่า ลองดูสักหน่อยก็ดี เมื่อดูกล้องวงจรปิดก็จะรู้แล้ว พวกคุณคิดว่าอย่างไรบ้าง?”

เฟ่ยเหวินเย่าพูดอย่างเย็นชา

แต่สีหน้าของคุณชายโล่นั้นซีดเผือดลงไปแล้ว

แน่นอนว่าเขารู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นอย่างไร เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเฟ่ยเหวินเย่าจะออกมาทำให้เรื่องเสีย แล้วหักหน้าเขาต่อหน้าทุกคนแบบนี้

“พี่ใหญ่เฟ่ย ครอบครัวฉันร่วมงานกับคุณเป็นอย่างดีมาตลอด!”

คุณชายโล่ที่รู้สึกไม่มีทางไปนั้น อยากจะลองใช้วิธีนี้ข่มขู่เฟ่ยเหวินเย่า

ถึงอย่างไร ครอบครัวของพวกเขากับเฟ่ยเหวินเย่า ทุกปีต่างได้กำไรหลายร้อยล้าน เขาไม่เชื่อว่าเฟ่ยเหวินเย่าจะไม่สนใจ

เพียงแต่เฟ่ยเหวินเย่านั้นเป็นภารกิจอะไร มีเหรอว่าจะรับการข่มขู่ของเขาได้?

“เอากล้องวงจรปิดออกมา!” เฟ่ยเหวินเย่าจ้องคุณชายโล่อย่างเย็นชา ก่อนจะกำชับลูกน้อง

เมื่อถูกสายตาของเฟ่ยเหวินเย่าจ้องด้วยความเย็นชา คุณชายโล่นั้นเหมือนตกลงไปในนรก พลางเย็นยะเยือกไปทั้งตัว

เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมเฟ่ยเหวินเย่าถึงเลือกที่จะเสียธุรกิจหลายร้อยล้านต่อปี เพื่อหลี่ฝาง

เพียงไม่นาน ลูกน้องก็เอาคลิปกล้องวงจรปิดฉายลงบนจอขนาดใหญ่ที่ห้องโถง

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ เพียงไม่นานก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมองเห็นอย่างชัดเจน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท