NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1083 คนข้างๆ

บทที่ 1083 คนข้างๆ

“ทางนั้นเกิดอะไรขึ้น?”

ในเวลานี้ มิเอะและอิปเป้ โคบายาชิที่อยู่อีกด้านหนึ่งดูเหมือนจะพบว่าทางนี้มีบางอย่างผิดปกติ และอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยความสงสัย

ด้วยผู้คนมากมายรอบตัวขนาดนั้น หรือว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตที่ไหนมาแล้ว?

“ดูเหมือนว่าโชจิจะโค้งคำนับขอโทษชายหนุ่มคนหนึ่ง ดูท่าตัวตนของชายหนุ่มคนนั้นจะไม่ธรรมดาอย่างมาก” คนข้างๆ กล่าว

“โชจิ? ก็แค่เท่านั้นเอง!” อิปเป้ โคบายาชิในแววตามีความดูถูกเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัดเจน

โชจิอาจจะดูเก่งกาจอยู่บ้างสำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับเขาที่เป็นลูกชายคนโตของตระกูลในระดับท็อป นี่ก็แค่เท่านั้นเอง!

จากคำพูดของอิปเป้ โคบายาชิ มิเอะที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มแป้น จากนั้นก็กอดแขนของเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

ขอแค่เธอสามารถแต่งงานกับอิปเป้ โคบายาชิได้ เธอก็จะถือว่าได้ก้าวเข้าสู่ตระกูลเศรษฐีที่สูงขึ้นไปอีกขั้น ถึงเวลานั้นพ่อที่ชอบกดขี่ข่มเหงเธอก็ยังต้องนอบน้อมประจบประแจงกับเธอ!

ในเวลานี้หลี่ฝางยังคงรายล้อมไปด้วยผู้คน แต่หลี่ฝางกลับไม่สนใจที่จะมาสนทนากับคนเหล่านี้ โชคดีที่ริโกะชินหูชินตากับเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงสามารถจัดการกับคนที่เข้ามาประจบสอพลอเหล่านี้ได้

อีกทั้งความรู้สึกถูกคนเอาอกเอาใจแบบนี้นั้น ก็ทำให้ริโกะมีความสุขเช่นกัน

ตั้งแต่เล็กจนโต ฉากแบบนี้ได้แต่ปรากฏขึ้นในความฝันของเธอเท่านั้น

ในความเป็นจริง เธอก็ทำได้แค่ดูคนอื่นๆถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนอยู่ด้านนอกเท่านั้น เธอไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่ง ตนจะกลายเป็นตัวเอกในความฝันนั้น

ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นคุณอาสึกะที่นำพามาให้….

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตใจที่ซาบซึ้งของริโกะ ก็อดไม่ได้ที่จะตวัดมือทั้งสองข้างไปคล้องคอของหลี่ฝางเบาๆ จากนั้นจึงจูบเขาเบา ๆ บนหน้าครั้งหนึ่ง

“ขอบคุณค่ะ คุณอาสึกะ!”

ความรู้สึกอันอ่อนนุ่มที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันขัดจังหวะความสนใจของหลี่ฝาง เมื่อเห็นสีหน้าแดงก่ำเขินอายของริโกะ หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา

ทันใดนั้น เสียงไอของชายชราก็ดังขึ้น

เสียงไอนี้ดูคล้ายจะแฝงมาด้วยเวทมนตร์บางอย่าง หลังจากที่เสียงดังขึ้นในงาน ทั่วทั้งงานก็ค่อยๆเงียบลง

ทุกคนล้วนได้ยินอย่างชัดเจนและทุกคนล้วนรู้ว่านี่เป็นเสียงของใคร

“เป็นท่านโทชิโอะ!”

ทันใดนั้น เสียงทั้งหมดก็หายไป ทุกสายตาหันไปในทางเดียวกันในงาน การกระทำของทุกคนเองก็เปลี่ยนเป็นระมัดระวัง ราวกับว่ากลัวว่าเสียงของตนจะไปดึงดูดสายตาคนเข้า

และหลี่ฝางเองในที่สุดก็หลุดพ้นฝูงชนที่เข้ามาพัวพันรอบตัวได้และหันไปมองในทิศทางเดียวกับคนอื่นๆ

เห็นเป็นชายชรารูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่นั่น ด้านข้างมีโต๊ะไม้เล็กๆ ขณะที่ชายชรากำลังชงชาอย่างเอื่อยเชื่อย

ชายชราผู้นี้มองดูแล้วไม่ต่างจากชายชราข้างบ้านทั่วๆไป การเคลื่อนไหวเอื่อยเฉื่อยเชื่องช้า ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย

อย่างไรก็ตามชายชราที่ดูแล้วท่าทางธรรมดาคนนี้ กลับมีรอยแผลเป็นหนาทึบอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้กระทั่งบนใบหน้าของเขาก็ยังมีรอยแผลเป็นที่น่ากลัวขนาดใหญ่สามแถวที่ดูราวกับว่ามันแทบจะผ่าทั้งศีรษะของเขาออกจากกัน คล้ายกับตะขาบที่พันกันอยู่บนใบหน้าของเขา

นี่จะต้องผ่านการต่อสู้และอาการบาดเจ็บสาหัสแทบเอาชีวิตไม่รอดมามากมายขนาดไหนกัน ถึงได้ทิ้งร่องรอยมากมายขนาดนี้ได้?

“คน น่าจะมากันครับแล้วสินะ” ชายชราอายุร่วมร้อยปีเอ่ยปากขึ้น ด้านหนึ่งรินชาที่ชงเสร็จลงในแก้วสองถ้วย ถ้วยหนึ่งเป็นของตนเอง อีกถ้วยหนึ่งให้แก่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งตำแหน่งนั้น มีเพียงความว่างเปล่า

ทันใดนั้น ทุกคนก็ขยับตัวขึ้นมาและต้องการดูว่าใครกันที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะให้โทชิโอะ คามิยะรินชาให้เขาด้วยตนเองอีกทั้งยังได้รับเชิญให้นั่งกับเขา

สายตาของบางคนมองไปที่โนะชิมะ โคมุระซึ่งยืนอยู่ข้างหลังของเขา จากนั้นก็เคลื่อนสายตาจากไป

รัฐมนตรีของจักรพรรดิตัวเล็กๆคนหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมไม่คู่ควรที่จะนั่งข้างๆโนะชิมะ โคมุระ

จากนั้นก็มีคนหันไปหาอิจิโระ โคบายาชิ ซึ่งก็คือบิดาของอิปเป้ โคบายาชิ เจ้าบ้านของตระกูลโคบายาชิซึ่งเป็นตระกูลระดับท็อปของญี่ปุ่น

มีบางคนคาดเดาว่า บางทีตัวตนดังกล่าวอาจมีหน้าตาเพียงพอที่จะไปนั่งกับโทชิโอะ คามิยะได้

ทันใดนั้น อิปเป้ โคบายาชิที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ตื่นเต้นขึ้นมา

โทชิโอะ คามิยะเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นผู้นำของแก๊งยามาโตะ อาจถึงขั้นกล่าวได้ว่าเขาคือผู้มีอำนาจมากที่สุดในญี่ปุ่น พ่อของตนหากสามารถนั่งกับเขาได้ เกียรตินี้ ถือว่ามากเพียงพอสำหรับเขาแล้ว

ในเวลานี้รอบๆตัวหลี่ฝาง บรรดาผู้ที่เข้ามาชื่นชมเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับตัวเขาอีกต่อไปแม้แต่นิดเดียว นั่นเพราะเมื่อเทียบกับโทชิโอะ คามิยะแล้ว ไม่ว่าตัวตนของหลี่ฝางจะคืออะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

ส่วนริโกะซึ่งเป็นคนเดียวที่อยู่กับหลี่ฝาง เวลานี้ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเคารพเช่นกัน เธอมองไปที่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นโทชิโอะ คามิยะอย่างใกล้ชิดขนาดนี้!

ด้วยตัวตนเล็กๆแบบเธอ สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาแบบนี้ได้ อีกทั้งยังได้เห็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แบบใกล้ชิดขนาดนี้ ทั้งหมดล้วนถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งของเธอแบบหนึ่งแล้ว

ในขณะเดียวกันเธอเองก็สงสัย ถึงแม้จะบอกว่างานเลี้ยงน้ำชาวันนี้เป็นตระกูลคามิยะที่จัดขึ้น แต่ว่าสถานะอย่างโทชิโอะ คามิยะนั้น ทำไมถึงได้มาปรากฏตัวขึ้นในงานเลี้ยงน้ำชาได้?

ยิ่งไปกว่านั้น โทชิโอะ คามิยะยังถึงกับลงมือชงชาด้วยตนเอง การกระทำที่ไม่ธรรมดาดังกล่าว กระตุ้นความอยากรู้ของทุกคนขึ้นมาจริงๆ

ภายใต้ความสนใจของสาธารณชน สายตาของโคอิจิ คามิยะในที่สุดก็มองไปยังฝูงชนและเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “งานเลี้ยงน้ำชาวันนี้ บางทีอาจจะจบลงแล้ว”

เขาเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ ในท่าทางการแสดงออกที่สงบนิ่งแอบแฝงด้วยความกระตือรือร้นราวกับภูเขาไฟซ่อนอยู่

“มีสหายที่คาดไม่ถึงมาที่นี่ในฐานะแขก แม้ว่าฉันเพิ่งจะได้รับข่าวเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ก็ไม่อาจแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ได้ ได้แต่ต้องออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองเท่านั้น”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท