NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1121 ผมเป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัย

บทที่ 1121 ผมเป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัย

“หลี่ฝาง แฟนของฉัน” ฟางหยู่ถงกล่าวจบ ก็หันไปยิ้มสดใสให้กับหลี่ฝาง แตกต่างกับท่าทางเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง และกล่าวกับหลี่ฝาง: “ท่านนี้เป็นหนึ่งในพันธมิตรทางธุรกิจของครอบครัวเรา ชื่อถังเต๋อหยวน”

เมื่อได้ยินฟางหยู่ถงแนะนำตัวเองและแนะนำหลี่ฝาง แววตาของถังเต๋อหยวนจู่ ๆ ก็ได้หม่นหมองลง

แต่แววยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เขากล่าวเหมือนกับว่าทุกอย่างปกติดี: “เอ๊ะ? เรื่องตั้งแน่เมื่อไหร่กันเหรอเนี่ย? ทำไมผมไม่รู้เลยล่ะ? ไม่ทราบว่าพี่หลี่ท่านนี้ทำงานอะไรเหรอครับ?”

ได้ยินถังเต๋อหยวนถามเช่นนี้ ฟางหยู่ถงเองก็เกิดอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเหมือนกัน เพราะว่าเธอรู้เรื่องของหลี่ฝางน้อยมาก พูดได้แม้กระทั่งว่า รู้เพียงแค่ชื่อเท่านั้นเอง

หลี่ฝางยิ้มน้อย ๆ และได้ให้คำตอบที่ทำให้ทุกคนอึ้งทึ่ง

“รปภ.”

“พี่หลี่เลิกล้อเล่นได้แล้ว” หลี่ฝางยิ้มออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้: “พวกเราจริงจังกันหน่อย”

ในฐานะที่เป็นคุณหนูหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลฟาง ฟางหยู่ถงจะชอบพนักงานรักษาความปลอดภัย? เป็นธรรมดาที่ถังเต๋อหยวนจะรู้สึกไม่เชื่อในทันใด

“ผมเป็นรปภ. จริง ๆ ทำงานอยู่ที่อาคารจินโอว คุณจะลองไปตรวจสอบดูเองก็ได้” หลี่ฝางกล่าวด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย

ทันทีทันใด ถังเต๋อหยวนและฟางหยู่ถงต่างตะลึงงันไปเล็กน้อย

ชายที่มีพลังอันแข็งแกร่ง ที่สามารถจัดการกับศัตรูเป็นสิบกว่าคนได้อย่างง่ายดาย ศัตรูไม่มีแม้กระทั่งโอกาสในการตอบสนองคนนี้ บอกว่าตัวเองเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย?

พิทักษ์อะไร พิทักษ์โลกเหรอ?

คิดอยู่แบบนี้ ฟางหยู่ถงก็คิดว่าหลี่ฝางจะต้องหลอกถังเต๋อหยวนอยู่แน่ ๆ

แต่ทว่าถังเต๋อหยวนกลับเชื่อเข้าให้แล้ว ก็เขาไม่รู้นี่ว่าวันนั้นเกิดได้อะไรขึ้น เขาเชื่อจริง ๆ ว่าฟางหยู่ถงนั้นได้เอาพนักงานรักษาความปลอดภัยมาเป็นแฟน

ทันใดนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

แต่ทว่าหัวเราะไปได้สักพัก เขาก็รู้สึกว่าหัวเราะต่อหน้าฟางหยู่ถงเช่นนี้ มันทำให้ตัวเองดูไม่มีมารยาทเอาซะเลย เลยหันไปทำท่าทำทางกล่าวกับหลี่ฝาง: “อาคารจินโอวเป็นตึกศูนย์กลางการค้าเชียวนะ พี่หลี่จะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน พยายามเข้า ผมเชื่อว่าคุณทำได้!”

คำพูดเหยียดหยามเช่นนี้ทำให้ฟางหยู่ถงโมโหขึ้นมาทันที ไม่อยากที่จะพูดมากกับถังเต๋อหยวนอีก จึงดึงหลี่ฝางจากไป

ในเวลานี้ที่ด้านหลังห้องโถง เป็นห้องรับรองแขกที่เงียบสงบ สามารถนั่งอยู่ตรงนี้ได้ ต่างก็เป็นบุคคลระดับสูงที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้และพวกคนตระกูลฟาง ต่างก็กำลังอวยพรวันเกิดให้กับคุณย่าฟาง

ฟางหยู่ถงเดินเข้ามาดูอยู่ครู่หนึ่ง และก็พาหลี่ฝางจากไปทันที

เธอกระซิบเสียงเบา: “อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยมาใหม่ ตอนนี้ที่ข้างในคนเยอะเกินไป”

แต่ทว่าในตอนที่หลี่ฝางเหลือบมองอย่างรวดเร็วเมื่อสักครู่นั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นหยางเทียนลี่อยู่ข้างในนั้นด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา

ณ เวลานี้ ก็ได้มีหญิงสาววัยรุ่นสองคนเข้ามาหาฟางหยู่ถง จับมือฟางหยู่ถงและพูดคุยกัน

ทั้งสามคนต่างก็เป็นผู้หญิงรูปร่างหน้าตาสะสวย รวมอยู่ด้วยกัน สดใสสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

หลี่ฝางที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็พลันต้องพลอยกลายเป็นจุดศูนย์รวมของสายตาแห่งความอิจฉาอยู่ไม่น้อย

“หยู่ถง บอกมาซะดี ๆ เลย มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!” หญิงสาวที่มีรูปร่างสูงโปร่งหนึ่งในสองคนแสร้งทำท่าทางดุร้ายกล่าวหยอกล้อ

“นั่นน่ะสิ ยังไม่รีบแนะนำให้พวกเรารู้จักอีก” หญิงสาวอีกคนที่มีหน้าตาทะเล้นน่ารักก็ได้กอดฟางหยู่ถงเอาไว้ ขณะเดียวกันนั้นก็ได้ใช้แววตาอยากรู้อยากเห็นพิจารณาหลี่ฝางอยู่ตลอดเวลา

สีหน้าของฟางหยู่ถงแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย เธอพลันรู้สึกเขินอายขึ้นมา

เมื่อก่อนเธอเองก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอกับหลี่ฝางยังเป็นคู่รักจอมปลอมอีก มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกเขินอายขึ้นไปกว่าเดิม

ดังนั้นเมื่อเพื่อนสนิททั้งสองคนพูดแบบนี้ เธอก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรแล้ว

แอบมองหลี่ฝาง กลับพบว่าเขาไม่ได้มีอารมณ์ใด ๆ เลย ราวกับไม่ได้สนใจคำพูดของทั้งสองคนเลยสักนิด จู่ ๆ ในใจของฟางหยู่ถงก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมา

“พวกเธออย่าใจร้อนสิ ให้ฉันค่อย ๆ แนะนำ” ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ฟางหยู่ถงก็ยังคงแนะนำทั้งสองคนให้หลี่ฝางรู้จัก

“นี่คือสวู่เจินเจิน” เธอชี้นิ้วไปทางหญิงสาวที่มีรูปร่างสูงโปร่ง จากนั้นก็ชี้ไปทางหญิงสาวหน้าตาน่ารัก: “นี่คือข่งจู พวกเธอต่างก็เป็นเลวของฉัน!”

“เธอสิเป็นเพื่อนเลว!” ข่งจูแสร้งทำเป็นบนด้วยความไม่พอใจ: “พวกเธอสองคนต่างก็เป็นเพื่อนเลว!”

“ใช่แล้ว ต่างก็เป็นเพื่อนเลว!” ฟางหยู่ถงยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ

“หึ!” ข่งจูทำปากจู๋ ท่าทางน่ารักแบบนั้นทำให้หลี่ฝางแทบทนไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปหยิกแก้มของเธอ

“เอาล่ะเอาล่ะ หยู่ถง ตอนนี้ถึงเวลาเธอแนะนำแฟนของเธอให้พวกเรารู้จักแล้ว!” สวู่เจินเจินกลับไม่ได้ลืมเรื่องนี้ไป: “อย่าคิดว่าจะกลบเกลื่อนไปได้!”

หลี่ฝางยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ และเอ่ยปากขึ้นเอง: “ผมชื่อหลี่ฝาง สวัสดีสาว ๆ ทั้งสองคน”

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวทั้งสองคนเองก็เอ่ยทักทายหลี่ฝาง และพิจารณาหลี่ฝางอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นกว่าเดิม

เพราะถึงยังไง ฟางหยู่ถงก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน เพราะวิสัยทัศน์ของเธอในอดีตนั้นสูงมากเกินไป ผู้ชายดี ๆ ตามจีบเธอมากมาย แต่ไม่มีสักคนที่ทำให้เธอใจเต้นได้

วันนี้ได้พบกับผู้ชายที่สามารถเอาฟางหยู่ถงมาครอบครองได้จริง ๆ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าหลี่ฝางมีจุดที่แปลกใหม่ตรงไหน

พวกเธอพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่รอบหนึ่ง ในที่สุดข่งจูก็กล่าวขึ้น: “คุณหลี่สุดหล่อรีบเล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ ว่าคุณคว้าหัวใจหยู่ถงของพวกเรามาได้ยังไง?”

ไม่โทษที่พวกเธอถามแบบนี้ เพราะพวกเธอมองไม่เห็นความพิเศษใด ๆ ในตัวหลี่ฝางเลยจริง ๆ

พูดถึงหน้าตา หลี่ฝางนับได้แค่ว่าหล่อเพียงเล็กน้อย คนที่หล่อกว่าเขาพวกเธอก็เคยเห็นมาเยอะเท่าไหร่แล้ว

พูดถึงบุคลิก หลี่ฝางที่จงใจปิดบังตัวเองก็มีบุคลิกที่แสนธรรมดาเช่นกัน ไม่มีอะไรที่โดดเด่นเลย

พูดได้แม้กระทั่งว่า เลือกเอาชายหนุ่มที่อยู่ในงานออกมาสักคน มองดูเผิน ๆ ยังอาจจะดูโดดเด่นกว่าหลี่ฝางเสียอีก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท