NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1166 ความเพียรของไท่ซาง

บทที่ 1166 ความเพียรของไท่ซาง

ทั้งสี่คนบินได้อย่างรวดเร็ว หยางฉงได้มองกลับที่เควิร์คและผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในฝูงชนก็ออกมายืนข้างหลังหยางฉง

นี่คือแผนการซุ่มโจมตีของหยางฉงที่ได้จัดเตรียมไว้ตั้งแต่แรก

เควิร์ค มองดูผู้คนที่จ้องมองเขาอย่าง และเขาก็ชักปืนออกมาพร้อมลูกค้าก็หยิบอาวุธออกมาเช่นกัน

“งืม คงต้องมีคนตายเยอะแน่เลย?” ควิกยิ้มอย่างใจเย็นยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“รีบหนีไปซะ!” หยางฉงกล่าวอย่างเย็นชา

“คุณหยาง ไว้เจอกันวันหลังนะครับ” เควิร์คหัวเราะเสียงดังและหันหลังไปรับใครบางคน

“ให้ตายเถอะ ฉันอยากไป!” ซึ่งนอนอยู่บนพื้นโดยที่แกล้งตายอยู่ จู่ๆ ก็กระโดดขึ้นและตะโกนว่า: “ฆ่าพวกมัน ฆ่าพวกมันซะ!”

ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

มือปืนมองหน้ากัน

“คนเยอะแบบนี้…” คนๆนึงอดไม่ได้ที่จะกระซิบ

“จะฉันไปหาเธอหรือเปล่า!” หยางโล่จื้อ ตบที่หน้าชายคนนั้นอย่างจัง “ไปพวกยากจนอย่างพวกแกตายซะเถอะ ยิงพวกมันเลย”

เมื่อพูดเช่นเขาพร้อมที่จะคว้าปืนของเขา

“เพี๊ยะ!”หยางโล่จื้อโดนตบทรุดลงกับพื้น และมองที่หยางฉงอย่างไม่เชื่อสายตา

“น่าอับอายยิ่งนัก เอามันกลับบ้านไป!” หยางฉงดึงมือของเขาและพูดอย่างเย็นชา “ขังเธอไว้ซะ ใครกล้าปล่อยให้เขาเดินออกจากห้องไปแม้แต่ครึ่งก้าว มันจบไม่สวยแน่”

บอดี้การ์ดตอบรับคำสั่งและรีบพาหยางโล่จื้อกลับ

พาหยางโล่จื้อมองไปที่ไท่ซางด้วยความกังวล ศัตรูสามรุมหนึ่ง เธอไม่กล้าที่จะเดาเลยจริงๆ ว่าผลของการต่อสู้ของ ไท่ซางจะเป็นอย่างไร

ทั้งสี่ได้ต่อสู้จนตึกร้างพังเสียหาย

เมื่อหันกลับมา ไท่ซางหัวเราะอย่างเสียงดัง

“ไม่ต้องเปลี่ยนที่แล้ว ลงมือที่นี่เถอะ!”

ในชั่วพริบตา ไท่ซางได้เริ่มที่จะตอบโต้ทั้งสามกลับ

“ปรมาจารย์ไท่ซางต้องการจัดการพวกเราสามคนด้วยตัวคนเดียวเหรอ?”

“หนึ่งต่อสามมีอะไรแปลกไปงั้นเหรอ?” ไท่ซางพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้านายเคยทำสิ่งนี้มาก่อนฉันก็อยากทำได้บ้าง”

“ฮ่าฮ่า พวกแกถึงกับแลกชีวิตเป็นเดิมพันเพื่ออยากแกร่งขึ้นเชียวหรือ?

“แค่สามคนจะเอาอะไรมาสู้กับข้า”

ในเวลานี้ เควิร์ครีบเร่งเติมน้ำมันด้วยใบหน้าที่กังวล

“ถึงท่าเรือเมื่อไรก็ออกเรือได้ทันที ไม่ต้องกลัวใคร เร็วเข้า!”

“คุณชาย เรามีคนที่มีผู้ใช้กำลังภายในสามคน ต้องให้พวกเขาหนีไปด้วยไหม?” หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาถาม

“เจ้าโง่ พลังทั้งสามคนนั้นคิดว่าจะสู้หลี่ฝางได้เหรอ? เจ้าไท่ซางมันแสดงให้เห็นแล้ว ยังห่างไกลจากหลี่ฝาง” เควิร์ค พูดสอนอย่างดุเดือด

พวกเรารีบหนีให้ไกลจากที่นี่ก่อน เมื่อปัญหาจบแล้วเราค่อยกลับมา ทำไมต้องเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นด้วย”

“คุณชายเก่งจริง ๆ” บอดี้การ์ดมองอย่างชื่นชม

“นั่นสินะ นายท่าน ข้าคุ้นเคยกับมันแล้ว…” เควิร์คยังคงคุยโว และทันใดนั้นก็มีเสียงตลกดังขึ้นในหูของเขา

“ฮิฮิ นายเองก็รู้ตัวดี”

แค่ประโยคง่าย ๆ ก็ทำให้เควิร์คถึงกับตัวแข็งทื่อทันที

วินาทีถัดมา รถถูกผ่าครึ่งเควิร์คและคนอื่นๆ ก็กลิ้งไปมาราวกับน้ำเต้า เมื่อมองมาที่หลี่ฝางซึ่งได้ยกรถครึ่งหนึ่งไว้ในมือข้างหนึ่งราวกับยกโฟมด้วยใบหน้าที่สยดสยอง

“ตอนนี้แกคิดอยากจะชดใช้ยังไง…”

อาคารร้างเกิดแรงสั่นสะเทือนสั่นไหว ขณะนั้นไท่ซางพ่นเลือดออกมาเต็มปาก กระแทกกำแพงและล้มลงกับพื้น

บาดแผลเต็มร่างกายไปหมด หนึ่งต่อสามยังถูกโจมตีต่อ

“ไท่ซาง มอบตัวกับพวกเราซะ!”

คนสามคนกระโดดออกจากอาคารร้างนั้น โดยยังคงล้อมรอบเขาเป็นรูปสามเหลี่ยม

“Dynastyจะครองโลกใบนี้ทั้งใบ!”

“ฮ่าฮ่า เจ้าสวะทางสาม” ไท่ซางพ่นเลือดออกมาเต็มปากแล้วหัวเราะ “ขนาดสามรุมยังใช้เวลาจัดการฉันนานขนาดนี้ ยังเทียบไม่ได้แม้แต่เคซีตอนแรก เป็นความอัปยศของปรมาจารย์กำลังภายในจริงๆ”

“ดื้อดึงยิ่งนัก!”

ทั้งสามพ่นลมหายใจและโจมตีไท่ซางอีกครั้ง

อาคารร้างถูกปิดไว้แล้วและข้างนอกเต็มไปด้วยตำรวจนอกเพื่อป้องกันไม่ให้คนธรรมดาแอบเข้าไปแล้วโดนลูกหลงตาย

โครม….

ข้างในมีเสียงดังกึกก้อง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันและฝุ่นละอองพัดออกไปพร้อมกับลมแรงทำให้บริเวณโดยรอบเกิดพร่ามัว

ในชั่วขณะหนึ่ง ร่างเงาหายวับไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน

ในอีกด้านหนึ่ง หลิวฮุยหัวมองไปยังหน้าฝ่ายฝึกอบรม ที่ประจบประแจงกับตัวเองและพูดว่า: “ให้ผมรับช่วงต่อที่นี่ต่อหรือไม่ ปล่อยให้คนของคุณกลับไปเถอะ”

“ดีมาก ไม่มีปัญหา!” กัปตันพยักหน้าและยิ้มอย่างประจบสอพลอ ในใจมีความสุขอย่างร้อนรน

เมื่อมองดูท่าทางด้านนี้ เขารู้ได้ทันทีว่าต้องไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แน่ ดันมาพัวพันถอนตัวไม่ขึ้น ตอนนี้ถอนได้ถอนก่อน อย่าลังเล

ตอนนี้สถานการณ์ทางไท่ซางยิ่งลำบากขึ้นเรื่อยๆ เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และพลังทางร่างกายของเขายิ่งลดลงเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน ถ้ายังสู้แบบนี้ต่อไป

แม้ว่าทั้งสามคนนี้จะอ่อนแอกว่าเขา แต่เมื่อรวมกันสู้นั้นแข็งแกร่งกว่าเขาจริงๆ

ในการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ ไท่ซางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของพลังบางอย่าง พลังในร่างกายของเขาถูกกระตุ้นไปทั่วร่างกาย ทำให้รู้สึกว่าพลังค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับไท่ซางในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือร่างกายของเขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

กำลังภายในยิ่งอ่อนแอลงทุกที ตอนนี้เขาทำได้เพียงฝืนทนใช้พลังภายในออกมาละหากการต่อสู้ยืดเยื้อต่อไป เขาอาจจะไม่มีแรงจะหนีด้วยซ้ำ

หลี่ฝางยังไม่ออกมายิ่งทำให้ใจยิ่งกังวลมากขึ้น

ทันใดนั้นเขาได้เห็นร่างเงาที่ดูคลุมเครือของใครบางคน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท