NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1176 สาวน้อยที่น่ารัก

บทที่ 1176 สาวน้อยที่น่ารัก

“เจ้านาย ถึงแม้คุณหนูวี่เฟยจะเป็นคนที่โดดเด่นในสังคม แต่ว่าคุณเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลยนะ ฉันคิดว่าคุณจีบเธอได้อย่างวางใจ คนรวยอย่างคุณ คุณหนูวี่เฟยจะต้องเทใจให้คุณแน่นอน”

หญิงวัยกลางคนนั้นดูถูกหลี่ฝางไว้มาก เลยต้องพูดให้ดีหน่อย เพราะมองหลี่ฝางที่มีใจให้ฉินวี่เฟยออก เลยเริ่มสนับสนุนให้เขาไปจีบฉินวี่เฟย

หลี่ฝางได้ยินดังนั้นก็หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา ตอนนี้เกรงว่าเขาจะควักใจออกมา ฉินวี่เฟยเองก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเอง

เมื่อสังเกตเห็นอารมณ์ที่ตกต่ำของหลี่ฝาง หญิงวัยกลางคนก็เอากุญแจให้ก่อนจะออกไป ปล่อยให้หลี่ฝางอยู่ในห้องคนเดียวอยู่นาน

ตั้งแต่ฟ้ามืดค่ำจนฟ้าสว่าง ตั้งแต่ฟ้าสว่างจนมืดค่ำ วันมันผ่านไปแบบนี้ จนกระทั่งท้องร้องออกมา หลี่ฝางถึงได้ออกไปหาอะไรกิน

ตอนแรกเขาอยากจะกลับไปที่สถานตากอากาศสักหน่อย เพื่อไปหาพวกโหจื่อ แต่เมื่อมีเรื่องกับฉินวี่เฟย เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว ตอนนี้เขาคิดว่าจากนี้สักพักจะไปหากู่ยี่เทียน แล้วจะเข้าไปซากปรักหักพังลึกลับอีกครั้ง

หลี่ฝางขับรถไปที่ตลาดกลางคืน ก่อนจะนั่งลงที่ร้านเกี๊ยวข้างทาง ถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีเงินมาก แต่ว่าก่อนที่พ่อของเขาจะกลับมาเขาจนมากจริงๆ อาหารข้างทางแบบนี้เป็นที่ที่เขามักจะมาเป็นประจำ ที่สามารถอิ่มได้ในราคาไม่กี่สิบบาทเท่านั้น

“พี่ชาย คุณอยากกินอะไรเหรอ?พ่อฉันทำเกี๊ยวอร่อยมากเลยนะ รับรองได้เลยว่าคุณกินแล้วจะต้องอยากกินอีก”

หลี่ฝางเพิ่งจะนั่งลงที่โต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีคนอายุราวๆ สิบสามสิบสี่ปี เป็นสาวน้อยที่มัดผมหางม้าเดินเข้ามา ก่อนจะมองเขาแล้วพูดขึ้นเสียงหวาน

ถึงแม้สาวน้อยคนนั้นจะแต่งตัวอย่างตัวมอมแมม แต่ดวงตาของเธอนั้นกลับมีประกาย บนใบหน้าเองก็มีรอยยิ้มที่สดใส ทำให้รู้สึกสบายอารมณ์

“ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ ก็เอามาให้ฉันสักชามเถอะ ถ้าเกิดอร่อยเหมือนกับที่คุณพูด เดี๋ยวพี่จะให้ลูกอมเป็นรางวัล”

หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปจับผมของสาวน้อย ในแววตาก็มีความเอ็นดู ความเอ็นดูนี้ไม่ได้มีความคิดที่สกปรกเลย มันเป็นเพียงความเอ็นดูต่อสาวน้อยอย่างบริสุทธิ์

ใครจะไปรู้ว่าสาวน้อยกลับจะตีมือของหลี่ฝางออกไป ก่อนจะเบะปากพูด “อย่ามาจับหัวคนอื่นสิ เดี๋ยวตัวไม่สูงนะ อีกอย่างฉันเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่เอาขนมอะไรหรอก ถ้าพี่คิดว่าอร่อยจริงๆ จากนี้ก็มากินให้บ่อยๆ ก็แล้วกัน”

หลี่ฝางหัวเราะเพราะสาวน้อยคนนี้ เป็นเด็กอยู่แท้ๆ แต่ทำเป็นผู้ใหญ่เสียอย่างนั้น “โอเคๆ คุณชมฝีมือของพ่อมาขนาดนี้แล้ว ฉันอยากชิมจะแย่อยู่แล้ว”

“แหะๆ พ่อฉันทำเกี๊ยวได้อร่อยที่สุดในโลกเลย พี่ชายรอกินเถอะ!” ตอนที่สาวน้อยพูดถึงพ่อของตัวเอง ก็มองชายวัยกลางคนที่กำลังยุ่งอยู่ที่ร้านข้างทาง

หลังจากที่สั่งให้หลี่ฝางแล้ว สาวน้อยก็วิ่งไปหาชายวัยกลางคนคนนั้น พลางพูดเหมือนนกกระจิบกับชายคนนั้น แถมยังเอาผ้าเช็ดเหงื่อให้ชายวัยกลางคนคนนั้นด้วย

บางทีในใจของเด็กทุกคน พ่อนั้นคงเป็นเหมือนที่พักพิง เมื่อเห็นท่าทีของพ่อลูกสองคน หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงพ่อของตัวเอง ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

ผ่านไปสักพัก สาวน้อยก็ยกถาดที่มีถ้วยของเกี๊ยวมากมายอยู่ แถมยังมีถ้วยไชเท้าดองเล็กๆ ด้วย

“พี่ชาย นี่เป็นไชเท้าดองที่ฉันทำ พ่อบอกว่ามันไม่ค่อยมีรสชาติ ไม่ให้ฉันเอามาขาย ฉันเลยถือเป็นของแถมละกัน คุณลองชิมดูเถอะว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง”

สาวน้อยเอาเกี๊ยวกับไชเท้าดองมาวางตรงหน้าหลี่ฝาง ก่อนจะมองเขาด้วยแววตาคาดหวัง ในแววตาก็มีความตึงเครียด เกรงว่าหลี่ฝางจะบอกว่าไม่อร่อย

หลี่ฝางนั้นมีอารมณ์มืดมนแต่เพราะสาวน้อยเลยอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย เลยยิ้มไปกินไชเท้าดองไป

จริงๆ ด้วย รสของไชเท้าดองนั้นมันธรรมดา ไม่ถึงขั้นที่จะขายได้ แต่เมื่อเห็นท่าทีตั้งตารอคอยของสาวน้อย หลี่ฝางก็ไม่อยากทำให้เธอเสียความมั่นใจ เลยพูดชมขึ้นมา

“ไชเท้าดองมันอร่อยมากเลยนะ ฉันว่าพ่อของคุณน่าจะมีมาตรฐานมากเกินไปแล้วล่ะ ฉันคิดว่ามันเอาออกมาขายได้เลยนะ”

ใครจะไปรู้ว่าสาวน้อยกลับกลอกตาใส่ พลางเบ้ปากพูด “พี่ก็ชมเกินไป แสดงไม่เนียนด้วย ฉันอยู่ในระดับไหนฉันเองก็รู้ แต่คุณยังชมฉัน ฉันเองก็ดีใจนะ คุณรีบกินตอนร้อนๆ เถอะ เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อย”

ตัวเป็นเด็กแต่หัวไวเรียบร้อย ตัวเองชมเธอด้วยความหวัง เธอยังมาขัดตัวเองอีก หลี่ฝางยิ้มพลางส่ายหัว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ก้มหน้ากินเกี๊ยวต่อ

ยังไม่ต้องพูด เกี๊ยวนี้มันรสชาติดีจริงๆ หลี่ฝางกินเกี๊ยวหมดอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองถ้วยที่เหลือแต่น้ำแกง หลี่ฝางนั้นเหมือนจะยังอยากกินอยู่เล็กน้อย และอยากจะกินอีกชาม กลับพบว่าชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้ากลับมีชายกำยำสามสี่คน

สาวน้อยสั่นอยู่ด้านหลังชายวัยกลางคน ดวงตามีความกลัว ชายกำยำเหล่านั้นร้ายกาจมากขึ้น แถมยังพังโต๊ะ คนที่กินข้าวอยู่นั้นก็ตกใจจนรีบหนีไป

“คุณๆ ทุกคน พวกคุณใจเย็นก่อน อย่าทำลายข้างของเลย!ตอนนี้ฉันไม่มีเงินจริงๆ พวกคุณยืดเวลาอีกหน่อยได้ไหม?ฉันจะรีบเอาเงินมาให้พวกคุณ!”

เมื่อเห็นร้านข้างทางที่ตัวเองสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงถูกพังเละเทะ ชายวัยกลางคนก็ปวดใจ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ เลยทำได้เพียงร้องขอชายร่างกำยำ

คนรอบๆ เข้ามาล้อมรอบ ก่อนจะชี้พลางพูดไปเรื่อย แต่กลับไม่มีใครกล้าออกหน้าให้พ่อลูกที่น่าสงสารคู่นี้เลย

ไอ้หัวล้านที่อยู่ข้างหน้านั้นโอ้อวดเป็นอย่างมาก ตอนอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนก็พังรถทำกับข้าวของเขา เกี๊ยวที่ยังไม่ได้ต้มก็หล่นลงกับพื้น ก่อนจะเลอะฝุ่นเต็มไปหมด

“พวกคุณมันเลว!อย่ามาทำลายเกี๊ยวของพ่อฉันนะ!” สาวน้อยร้อนใจ ก่อนจะยืนออกมาจากด้านหลังของชายวัยกลางคนแล้วผลักไอ้หัวล้าน แววตาก็จ้องชายกำยำด้วยความโกรธ เหมือนมีแมวเข้ามาผลักเท่านั้น

“โอ๊ะ คิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวคุณแรงไม่เบา กล้ามาทำร้ายข้าด้วย” ไอ้หัวล้านยื่นมือมาปัดฝุ่นที่เสื้อผ้า ก่อนจะมองสาวน้อยอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะหันไปพูดกับทั้งสองคนด้านหลัง

“อย่าคิดว่าตาแก่หลี่ดูไม่มีอะไร ลูกสาวของเขานั้นดูดีไม่น้อย ถ้าเอาไปให้พี่หลิว จะต้องขายได้ราคาแน่นอนเลยล่ะ”

ทั้งสองคนได้ยินไอ้หัวล้านพูด ก็เริ่มมีรอยยิ้มร้ายกาจ เลยมีความคิดสกปรกของตัวเอง “ฮ่าๆ นี่มันความคิดที่ดีเลยนะ ที่พี่หลิวชอบสาวน้อยที่สุดเลย พวกเราเอาลูกสาวของเขาไปขัดดอกดีกว่า”

“พวก พวกคุณอย่ามากลั่นแกล้งคนอื่นให้มันมากเกินไปนะ!ถ้าวันนี้พวกคุณกล้ามาแตะต้องลูกสาวฉัน ฉันจะทำให้พวกคุณจบชีวิตไปเลย!” เมื่อเห็นพวกเขาสนใจลูกสาวตัวเอง ตาแก่หลี่ก็โกรธเป็นอย่างมาก จากนั้นก็ดึงลูกสาวมาอยู่ด้านหลัง ก่อนจะเอามีดบนเขียงขึ้นมาพลางมองชายหัวล้านเหล่านั้นอย่างไม่ละสายตา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน