NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1180 เมามายที่บาร์

บทที่ 1180 เมามายที่บาร์

“สาวน้อย……เอ้ย……พวกพ้อง รีบมาดูเถอะว่าใครโทรมา” ตาแก่หลี่ปรี่เข้ามาหาหลี่ฝางที่กลั้นขำด้วยความรู้สึกไม่ดี หลังจากที่พูดออกไปก็รีบออกไปปลอบลูกสาว

หลี่ฝางมองท่าทีน้อยใจอย่างตาแก่หลี่ ก่อนจะส่ายหัวแล้วยิ้มๆ ก่อนจะเปิดโทรศัพท์ออกมาก็พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่ได้รับเจ็บแปดสาย เหลียงเชี่ยนเป็นคนโทรมา หลี่ฝางนั้นรีบลุกมาจากเตียง ก่อนจะโทรกลับไปโดยไม่ทันคิด

เหลียงเชี่ยนเป็นผู้ช่วยที่เก่งของฉินวี่เฟย และก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอ ในตอนนี้ที่เธอโทรมาหา นั่นก็ต้องเป็นเรื่องของฉินวี่เฟยแน่นอน

โทรศัพท์มันดังอยู่นานก่อนจะรับสายได้ อีกอย่างเสียงทางเหลียงเชี่ยนนั้นมันวุ่นวายมาก เหมือนจะอยู่ที่บาร์ หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา “เหลียงเชี่ยน?เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

“พี่หลี่ฝาง คุณอยู่ที่ไหนล่ะ?คุณรีบมาดูประธานฉินเถอะ เธอดื่มทั้งคืนเลย ถ้าดื่มมากกว่านี้อาจจะเป็นอะไรไปก็ได้”

เสียงของเหลียงเชี่ยนนั้นแหลมเสียดหูของหลี่ฝาง หลังจากที่ได้ยินว่าฉินวี่เฟยดื่มจนเมามายหลี่ฝางก็นั่งไม่ติดแล้ว

“ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหนแล้ว?ส่งที่อยู่มาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะไปหาเลย!” หลี่ฝางเก็บของของตัวเองไปก่อนจะเดินไปด้านนอก

“พี่ คุณจะไปแล้วเหรอ?” เมื่อญาญาเห็นหลี่ฝางออกมาจากห้อง ก็รีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ตัวเล็กๆ จากนั้นก็ส่งเสื้อคลุมให้หลี่ฝาง

“อือ ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ อยู่กับคุณไม่ได้แล้ว” หลี่ฝางยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบผมของญาญา จากนั้นก็หันไปพูดกับตาแก่หลี่ “รุ่นพี่หลี่ พรุ่งนี้ฉันจะพาเพื่อนมา เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันละเอียดๆ นะ”

เมื่อออกมาจากบ้านของตาแก่หลี่ หลี่ฝางก็รีบไปที่บาร์ที่ฉินวี่เฟยอยู่ เขานั้นไม่ไว้ใจฉินวี่เฟย พวกเธอทั้งสองเป็นผู้หญิง เลยไปดื่มกันจนดึก นี่ไม่ได้จะให้คนอื่นเอาเปรียบได้เหรอ?

เมื่อคิดว่าบาร์จะมีข่าวรั่วออกไป หลี่ฝางก็ขับเร็วขึ้นไปอีก ถนนที่ต้องใช้เวลาราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ถูกเขาหดเหลือราวๆ สิบนาทีแล้ว

แต่ทางบาร์นั้น เหลียงเชี่ยนเองก็ร้อนใจไม่น้อยเลย เมื่อเห็นฉินวี่เฟยที่เมาไม่ได้สติก็ปวดใจและทำอะไรไม่ถูก “ประธานฉิน คุณเลิกดื่มก่อนเถอะ นี่มันห้าขวดแล้ว ถ้าดื่มต่อไปกระเพาะคุณจะต้องทะลุแน่ๆ ”

เมื่อเห็นเหลียงเชี่ยนจะแย่งขวดเหล้าจากตัวเอง ฉินวี่เฟยก็ผลักออก ก่อนจะกอดขวดเหล้าไม่ยอมปล่อยมือ “ฉันยังไม่เมา!คุณออกไป!อย่ามาขวางฉัน!”

เมื่อเห็นฉินวี่เฟยที่ร้องไห้ไปดื่มไป เหลียงเชี่ยนก็โกรธเป็นอย่างมากจน อดไม่ได้ที่จะด่าหลี่ฝางออกมา

“เห้อ จริงๆ เลยนะ ทำไมหลี่ฝางต้องทะเลาะกับประธานฉินนะ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเขารักประธานฉินมาก ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นชายเลวๆ คนหนึ่งเลยล่ะ!”

เมื่อด่าหลี่ฝางจบ เหลียงเชี่ยนนั้นมองไปรอบๆ ด้วยความกลัว ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะพาบอดี้การ์ดสองคนมาด้วย แต่ก็มีผู้ชายไม่น้อยที่มองเหมือนต้องจะกินเธอ

แววตากระหายที่ปกปิดไม่อยู่นั้นมันทำให้เหลียงเชี่ยนร้อนใจ “เมื่อไหร่หลี่ฝางจะมากันนะ!ชายบ้าพวกนี้ก็น่ารังเกียจจริงๆ ทำเหมือนไม่เคยเห็นผู้หญิงเลย บอดี้การ์ดสองคนสองคนนี้น่าจะไม่เป็นไรใช่ไหมเนี่ย?”

บางทีกลัวอะไรก็จะได้แบบนั้น เหลียงเชี่ยนทั้งบ่นเสร็จ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขา

“หยุดนะ อย่าเดินเข้าไปไม่อย่างนั้นอย่าโทษว่าเราไม่เกรงใจนะ” บอดี้การ์ดสองคนของฉินวี่เฟยเองก็อยู่ในหน้าที่ เมื่อเห็นชายคนนั้นเดินเข้ามา ก็รีบยื่นมือเข้ามาขวางเขาเอาไว้

“ฉันนับถึงสาม หลบให้คุณชายเดี๋ยวนี้”

ชายคนนั้นหน้าตาเหมือนมีเลศนัย ถึงแม้ตัวจะผอมกว่าพวกบอดี้การ์ด แต่ว่าโทนนั้นมันกดดันเป็นอย่างมาก และไม่ได้ใส่ใจเหล่าบอดี้การ์ดเลย แถมยังยื่นมือออกมานับเลขด้วย

“เหอะ พี่ ไอ้ตัวเตี้ยคนนี้เสียงดังไม่เบสเลย วันนี้ฉันอยากให้เขารู้สักหน่อยว่ากระดูกคนละเบอร์คืออะไร”

บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ค่อนข้างผอมได้เห็นดังนั้น ก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว พวกเขานั้นเป็นคนที่ได้เหรียญรางวัลระดับประเทศ ไอ้เตี้ยคนนี้กล้ามาหาเรื่องต่อหน้า คงจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ

บอดี้การ์ดอีกคนไม่ได้ขวาง แต่ย้ายเดินไปด้านข้าง ก่อนจะให้พื้นที่พวกเขาในการประลอง ในสายตาเขา คนผอมตรงหน้านั้นไม่ใช่คู่แข่งของพวกพ้องเลยด้วยซ้ำ เพียงไม่ถึงห้านาทีก็ถูกเตะฟุบลงบนพื้น

“ถึงเวลาแล้ว ดูเหมือนพวกคุณจะเลือกแล้วนะ กล้ามากจริงๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันจะเหลือพวกคุณให้เป็นศพเลย”

ชายคนนั้นหัวเราะเสียงเย็นชา ก่อนจะเก็บมือของตัวเองเอาไว้ เมื่อพูดไป บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็กระเด็นออกไป ก่อนจะชนกับชั้นวางเหล้ามากมาย จนแทบจะพิการเลยล่ะ

บาร์ที่คึกคักก็เงียบลง ชายหญิงที่กำลังเต้นกันต่างนิ่งอยู่ที่เดิมไปหมด ขนาดบอดี้การ์ดคนนั้น ยังตกใจจนอ้าปากค้างไป

แม่ง เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ?ตัวเองยังไม่ทันได้เห็นท่าทางของไอ้คนผอมเลย แต่คนก็กระเด็นลอยไปแล้ว

เหลียงเชี่ยนได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจนขาอ่อน เธอบอกว่าชายคนนี้มีความกล้า กล้ามาวัดกับบอดี้การ์ดสองคนนี้ ที่แท้ก็คือนักรบนี่เอง!

นี่จะจบเห่แล้ว!ไม่ต้องพูดถึงบอดี้การ์ดสองคนหรอก ถึงแม้จะมีสิบคน ก็ไม่น่าจะเป็นศัตรูของชายคนนี้ ทำอย่างไรดีๆ ?หลี่ฝางแกมันไอ้สารเลวจะเข้ามาไหม!

“เชอะๆ ไม่แพ้ใครเลยจริงๆ เป็นอย่างไร คุณยังอยากจะสู้กับฉันไหม?” ชายคนนั้นปัดมือของตัวเอง พลางหันไปถามบอดี้การ์ด

“ให้ตายเถอะ ข้าจะสู้กับแกแล้วนะ!” ถึงแม้จะรู้ความแตกต่างของตัวเองกับชายคนนี้ แต่ว่าบอดี้การ์ดที่เหลือนั้นยังปรี่เข้ามาอย่างไม่กลัวตาย

ถึงจะต้องตาย เขาเองก็ต้องตายอย่างมีศักดิ์ศรี!

ตอนแรกที่เขาบ่นและอยากจะปรี่เข้ามา ก็หลับตาเตรียมตัวตายแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่คิดเอาไว้นั้นยังไม่เข้ามาหาสักที

ผ่านไปไม่กี่วินาที บอดี้การ์ดถึงจะลืมตาขึ้นมา แล้วเห็นว่าคนตรงหน้านั้นเพิ่มมาอีกหนึ่งคน และเห็นว่าเขากันการโจมตีของชายคนนั้นด้วยมือข้างเดียว

“หลี่ฝาง!” เมื่อเห็นเงาที่ชัดเจนแล้ว เหลียงเชี่ยนก็ตะโกนชื่อของหลี่ฝางออกมาในขณะเดียวกันก็โล่งใจ

“พวกพ้อง หญิงสองคนนี้ฉันชอบก่อนนะ คุณมาตัดออกแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอกมั้ง?”

คนที่สามารถรับท่านี้ของตัวเองได้ ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นนักรบ ดังนั้นชายคนนี้เลยเก็บความโอ้อวดของตัวเองไว้ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นการปรึกษาแทน

เขานั้นมองออกแล้วว่าบอดี้การ์ดสองคนนั้นเป็นคนธรรมดา ถึงได้กล้าลงมือ การเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นแบบในวันนี้ เป็นผู้ฝึกเหมือนกับตัวเอง เลยต้องคอยคิดให้ดีๆ

“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน คุณสนใจเธอ อยากตายเหรอ?” เมื่อมองฉินวี่เฟยที่เมาจนไม่ได้สติแล้ว หลี่ฝางก็จริงจังขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม

“ให้ตายเถอะ ข้าว่าแกน่าจะเป็นนักรบเหมือนกัน ถึงได้เคารพคุณ ถ้าคุณไม่รับความเคารพนี้เอาไว้ อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน