เหลียงเชี่ยนพูดไม่ออกกับคำพูดของหลี่ฝาง ทีท่าความเจ็บปวดที่แสดงเหลียงเชี่ยนดูออกว่าหลี่ฝางยังรักฉินวี่เฟยอยู่ เพียงแต่ที่เธอไม่เข้าใจ ในเมื่อหลี่ฝางยังรักฉินวี่เฟย ทำไมถึงยังไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น?
หรือว่าจะเป็นอย่างที่คนอื่นว่า ภรรยาในบ้านไม่ดีเท่ากับหญิงข้างนอก?
“อันหน้านี้ผมความจำเสื่อม ลืมว่าตัวเองคือใคร ลืมเรื่องในอดีตทั้งหมด และลืมวี่เฟยที่รอผมมาตลอด หลังจากนั้นผมได้เจอผู้หญิงคนหนึ่ง เธอช่วยผมที่ใกล้ตายในตอนนั้นเอาไว้ ดูแลผมอย่างดี อยู่ด้วยกันทุกวันทำให้ผมตกหลุมรักเธออย่างห้ามไม่ได้”
“จนหลายวันก่อนผมถึงได้ฟื้นความจำ แต่ตอนนั้นได้สายไปแล้ว ความผิดมหันต์นี้จนผมไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับวี่เฟยยังไง ลังเลอยู่หลายวันถึงได้กลับมาหาเธอ ยังไงซะหากพูดความจริงกับวี่เฟย ผมรู้ดีว่าหากต้องการให้วี่เฟยให้อภัยผมเป็นเรื่องยาก แต่ผมก็ยังอยากรองสักตั้ง ผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเขาจบไปแบบนี้”
ประโยคสุดท้าย หลี่ฝางกล่าวอย่างมุ่งมั่น ขอเพียงแค่คราวนี้เขารอดกลับมาจากซากปรักหักพังลึกลับได้ เขาก็จะจีบวี่เฟยใหม่แน่นอน รักษาผู้หญิงที่รักเขาให้ดี
“นายพูดง่าย ประธานฉินคราวนี้เธอเสียใจมาก นายคิดว่าเพียงคำพูดหวงแหนไม่กี่ประโยคจะชดเชยกันได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ทางนั้นยังมีสาวงามอีกหนึ่งคนไม่ใช่หรือไง? นายคืนดีกับประธานฉิน แล้วเธอจะทำยังไง?”
เหลียงเชี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองบน แม้การนอกใจจะมีสาเหตุ แต่เหล่านี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเขาในใจเหลียงเชี่ยนเป็นผู้ชายสารเลว ยังไงซะการนอกใจก็เป็นเรื่องจริง ผู้หญิงคนนั้นก็มีตัวตนอยู่จริง จะคลี่คลายได้ในประโยคสองประโยคได้ยังไง
เมื่อนึกถึงหยางฉง หลี่ฝางเองก็ไร้หนทาง หากไม่ได้ผ่านเหตุการณ์ในหินเฮยสวนหลายชั่วโมงนั้น เขาก็ยังรู้จักใจจริงๆ ของตนเองเสียที
หากต้องเลือกระหว่างหยางฉงและฉินวี่เฟยคนใดคนหนึ่ง หลี่ฝางก็ยังจะเลือกฉินวี่เฟย ความสัมพันธ์หลายปีลึกซึ้งกว่าเวลาเพียงไม่กี่เดือน
“รอผมกลับมา ผมจะตัดขาดจากเธอ แล้วใช้ชีวิตกับฉินวี่เฟย” หลังหลี่ฝางทำการตัดสินใจ เขาบอกกับเหลียงเชี่ยนอย่างมุ่งมั่น
“เหอะ พูดปากเปล่า รอนายตัดขาดกับผู้หญิงคนนั้นก่อนแล้วค่อยพูด” แม้หลี่ฝางจะกล่าวประโยคด้วยความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม แต่เหลียงเชี่ยนก็ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
โบราณว่าไว้ ผู้ชายนอกใจมีแต่ไม่เคยกับนับไม่ถ้วน หลี่ฝางคือว่ามีคดีติดตัวแล้ว อยากจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่คงไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งพูดเยอะก็ไม่มีประโยชน์อะไร หลี่ฝางตัดสินใจที่จะยืนยันด้วยการกระทำแทนคำพูด รอเขาออกมาจากซากปรักหักพังลึกลับคุยกับหยางฉงให้รู้เรื่องแล้วกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสามยังไงซะก็ต้องมีผลลัพธ์
หลังรู้เรื่องราวความสารเลวของหลี่ฝาง ไม่ว่าหลี่ฝางจะพูดยังไงเหลียงเชี่ยนก็ไม่ยอมให้เขาพาฉินวี่เฟยไป ยังไงก็ต้องให้ฉินวี่เฟยอยู่ภายใต้สายตาของเธอ หลี่ฝางจึงมีแต่ต้องไปส่งฉินวี่เฟยที่บ้านของเหลียงเชี่ยน
“เหลียงเชี่ยน วี่เฟยรบกวนเธอด้วยนะ” หลี่ฝางจ้องมองวี่เฟยที่นอนหลับลึกบนเตียง กำชับเหลียงเชี่ยนอย่างอาลัย
เหลียงเชี่ยนเบะปาก “เรื่องนี้ไม่ต้องนายกำชับหรอก ฉันต้องดูแลประธานฉินให้ดีที่สุดอยู่แล้ว สารเลวหลี่ นายต้องจำสิ่งที่พูดในวันนี้ให้ดี นายไม่ตัดขาดกับผู้หญิงคนนั้นหนึ่งวัน ฉันก็จะไม่ให้นายพบกับฉินวี่เฟยหนึ่งวัน”
เมื่อนึกถึงภาพจุดจบการสอดส่องที่หินเฮยสวน หลี่ฝางนัยน์ตาสั่นหลอน อารมณ์สับสน “ผมหลี่ฝางพูดคำไหนคำนั้น แต่ต้องผมมีชีวิตกลับมา”
เมื่อจบประโยค หลี่ฝางจ้องมองฉินวี่เฟยด้วยความลึกซึ้งอีกครั้ง แทบจะอดยัดเธอเข้าไปในสายตาของเขาไม่ไหว เมื่อเหลียงเชี่ยนเห็นอย่างนั้นก็เกิดหวั่นไหวขึ้นมาบ้าง จึงเว้นช่องว่างให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ
แม้เธอจะไม่เข้าใจในเรื่องของโลกนักรบ แต่เธอก็รับรู้ถึงความอันตรายในนั้น ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ฝางไม่มีเหตุผลที่จะเอาชีวิตมาล้อเล่น ในเมื่อเขาบอกครั้งนี้อันตรายมาก คงจะเป็นเรื่องจริง
คนที่แม้แต่ความเป็นกับความตายยังให้คำตอบไม่ได้ ต่อให้เขาเป็นผู้ชายที่สารเลว เหลียงเชี่ยนก็ไม่ใจร้ายถึงขนาดแยกทั้งคู่ออก
“วี่เฟย ขอโทษ” นั่งอยู่บนหัวเตียงของวี่เฟย หลี่ฝางลูบไล้ใบหน้าของเธอเบาๆ พลันกระซิบแผ่วเบาครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉินวี่เฟยที่อยู่บนเตียงหลับไม่สนิทนัก คิ้วใบหลิวคู่นั้นขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย คงจะรับรู้ได้ถึงลมหายใจของหลี่ฝาง เธอประชิดเข้าหาหลี่ฝางอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ทีท่าของฉินวี่เฟยที่เพิ่งพาเขาแบบนั้นทำให้หลี่ฝางหวั่นไหว อดที่จะก้มหน้าลงบรรทมจูบเธอไม่ไหว “วี่เฟย รอผมกลับมานะ ผมรักคุณ”
เพราะยังมีเรื่องของหินเฮยสวนที่จะไม่คลี่คลาย หลี่ฝางอยู่ที่บ้านของเหลียงเชี่ยนนานไม่ได้ หลังล่ำลากับฉินวี่เฟยอย่างอาลัย เขาจึงวกกลับมาที่บ้านของตาแก่หลี่อีกครั้ง
กู่ยี่เทียนที่หลับไปแล้วในทีแรก ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ของหลี่ฝาง บอกว่าเขาได้ของวิเศษที่สุดยอดมา หลังจากนั้นก็ได้แชร์โลเคชันให้กับเขา ให้เขาไปรอเขาที่นั่นเดี๋ยวนี้
เมื่อหลี่ฝางมาถึงกู่ยี่เทียนกำลังพิงสูบบุหรี่อยู่ที่เสาไฟต้นหนึ่ง เมื่อเห็นรถของเขาจึงดับบุหรี่ พ้นเอาควันบุหรี่ออกมาพร้อมกล่าว “เรื่องราวจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?”
ไม่พูดอธิบายมาก หลี่ฝางก็รู้ว่าที่เขาถามคือเรื่องของตนกับฉินวี่เฟย ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่จะเดินไปยังห้องเช่าของตาแก่หลี่
รับรู้ได้ถึงความเศร้าของหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนจึงไม่ถามมาก เรื่องของความรู้สึกเขาไม่เข้าใจ แถมยังกับผู้หญิงสองคนอีกต่างหาก
หลี่ฝางได้เล่าเรื่องราวความเป็นไปคร่าวๆ ให้กู่ยี่เทียนฟังในโทรศัพท์แล้ว เพื่อความรอบคอบกู่ยี่เทียนได้ให้คนสืบประวัติของตาแก่หลี่แล้ว ไม่สืบก็ไม่รู้ พอได้สืบตกใจแทบแย่
ที่แท้ตาแก่หลี่มีชื่อเต็มว่าหลี่ฉี่หมิง ปีนี้อายุสี่สิบห้าปี แต่ก่อนเขาเป็นทายาทสายตรงตระกูลหลี่ซื่อแห่งอีสาน และเคยเป็นผู้ที่มีอิทธิพลโด่งดัง เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ดาราดังคนนี้ถึงได้ตกอับกะทันหัน และสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย ตระกูลหลี่ซื่อออกโรงทั้งตระกูลก็ไร้ข่าวคราวร่องรอยของเขาแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าหลี่ฝางไอ้หมอนี่โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แม้แต่ทานอาหารมื้อเย็นก็ยังพบกับคนในตำนานแบบนี้ได้
“ทำไมเรื่องดีๆ ถึงได้ให้นายพบเข้าจนหมดเลย หินเฮยสวนอะไรนั่นที่นายว่าฉันรองสืบดูแล้วนะ ที่หลี่ฉี่หมิงพูดโดยส่วนมากถูกหมดเลย แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาไม่รู้ คือหินเฮยสวนไม่เพียงแต่สามารถกักเก็บพลังเพื่อให้คนดูดซับเท่านั้น แถมยังใช้วิธีพิเศษเพื่อดูดพลังของคนอื่นได้ด้วย”
เมื่อหลี่ฝางได้ยินอย่างนั้น ในหัวเกิดไอเดียสุดเจ๋ง เขายังไม่ทันได้พูดอะไร กู่ยี่เทียนก็มองเขาทะลุปรุโปร่ง ตัดความคิดของเขาจนเตลิด
“ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ตอนแรกฉันก็มีความคิดที่จะใช้หินเฮยสวนเพื่อดูดพลังของอาซาโทส แต่หลังจากนั้นก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป เพราะการใช้หินเฮยสวนดูดพลังของคนอื่นมีกฎอยู่หนึ่งข้อ นั่นคือแดนของนายต้องอยู่สูงกว่าคนที่นายจะดูดพลังเขา ไม่อย่างนั้นก็จะถูกฝ่ายตรงข้ามดูดแทน”