NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1192 การบีบบังคับของหยางฉง

บทที่ 1192 การบีบบังคับของหยางฉง

ช่วงครึ่งเดือนมานี้ ต้าเซี่ยหลงเช่วได้รับข่าวนักรบหายตัวไปกว่าสิบราย นักรบพวกนี้อยู่ในกำลังภายนอกชั้นกลางไปจนถึงกำลังภายในชั้นกลาง ที่น่าแปลกคือหาร่างของนักรบเหล่านี้เจอ พบว่าพลังของพวกเขาทั้งหมดหายไป

เรื่องประหลาดแบบนี้ เกิดความโกลาหลใหญ่หลวงในวงการนักรบของประเทศจีน ทำให้ทุกคนต่างหวาดระแวงไปตามๆ กัน

“นี่มันปีศาจอะไรกัน ถึงได้ดูดพลังคนอื่นได้? อย่าให้ฉันได้เจอเลย พลังของฉันอุตส่าห์ฝึกมาไม่ง่ายเลยนะ”

หวางโหย่วเฉิงอ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับข่าวการหายตัวไปของเหล่านักรบ บ่นพึมพำคนเดียวอย่างหวาดระแวง

“โถ่ ปอดแหก ไอ้บ้านั่นยังไม่ได้เจอคุณปู่เฉินของแกอย่างฉันหรอกนะ ถ้าฉันเจอไอ้ปอดแหกนั่น ฉันจะระเบิดหัวหัวมันให้เละเลย!”

ไท่ซางที่อยู่อีกด้านสบถอย่างไม่พอใจ พลางมีความสุขกับการปรนนิบัติของสาวใช้ตระกูลหยาง พลางกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ

“เห้ยเห้ย ผมจะกล้าเทียบกับปรมาจารย์ฉินอย่างท่านได้ยังไง ฉันเป็นแค่นักรบกำลังภายในชั้นสูงเท่านั้น เจอคนแบบนี้ผมก็ต้องเป็นกังวลอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับท่าน ความสามารถกล้าแกร่ง ถ้าไอ้บ้านั่นเจอท่านละก็ คงตกใจจนฉี่ราดกางเกงแน่”

หวางโหย่วเฉิงเองช่วงนี้ก็ได้เห็นนิสัยของไท่ซางแล้ว ไอ้หมอนี่มีความชอบอยู่สองอย่าง ข้อแรกคือสาวสวย สองคือคนชมเชย

ต่อให้คุณมีความแค้นบาดหมางอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ขอแต่หาสาวสวยให้เขาสักคน แล้วกล่าวชื่นชมเขาสักหน่อย ความแค้นทุกอย่างก็หายกัน

“ฮ่าๆ อยู่แล้ว ไม่ดูซะบ้างเลยว่าฉันเป็นใคร!” เป็นไปตามคาด หลังไท่ซางได้ยินคำของหวางโหย่วเฉิงแทบจะลอยขึ้นฟ้า

ช่วงนี้เขาฟังคำสั่งจากหลี่ฝาง อยู่ที่ตระกูลหยางเพื่อช่วยเหลือหยางฉง พวกที่เซ่อซ่าถูกเขากำราบจนยอมจำนน ไม่มีใครกล้าแตะต้องตระกูลหยางอีก

แม้แต่สมาชิกตระกูลหยางเองที่ไม่ยอมรับในตัวหยางฉง ก็ถูกไท่ซางลงมือจัดการด้วยตนเอง ช่วงนี้หยางฉงคงสงบได้สักระยะ ไม่มีปัญหาอะไร

ทีแรกตระกูลหยางเคารพในตัวปรมาจารย์คนนี้อย่างมาก คราวนี้ยิ่งนับถือไท่ซางยิ่งไปกว่าเดิมอีก โดยเฉพาะคุณลุงทั้งหลายของหยางฉง ที่คิดหาทุกวิถีทางเพื่อยัดคนเข้าไปในห้องของไท่ซาง ไท่ซางรู้สึกตัวเขาแทบจะรับไม่ไหว

“เสี่ยวหลัน เดี๋ยวเธอไปสั่งห้องครัวให้ทำอัณฑะวัว บำรุงร่างกายให้ฉันหน่อย ช่วงนี้ฉันถูกพวกเธอทรมานจะแย่”

ไท่ซางกำชับกับหญิงสาวที่ใสซื่อกำลังทุบขาให้เขา

หญิงสาวที่ชื่อเสี่ยวหลันเองก็ไม่กล้าต่อต้าน ได้แต่ตอบรับด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ทีท่าเขินอายของเธอ บวกกับความสวยใสของเธอ ทำให้ไท่ซางแทบอดทนไม่อยู่

เพิ่งคิดที่จะลากเสี่ยวหลันกลับไปที่รถของตนเอง เมื่อหันหน้ากลับไปก็ได้พบกับหยางฉงที่เพิ่งกลับมาจากบริษัท

“ไท่ซาง! หยุดเดี๋ยวนี้!” หลังหยางฉงเห็นไท่ซาง รีบเร่งความเร็วของฝีเท้าและเรียกเขาเอาไว้ทันที เพียงแค่สองก้าวก็ถึงหน้าไท่ซาง พลันดึงหูของเขาเอาไว้

ไท่ซางขมขื่นแต่พูดไม่ออก เขาเป็นถึงปรมาจารย์ แต่กลับถูกหญิงสาวธรรมดาดึงหู แถมยังถูกคนอื่นเห็นอีกต่างหาก ขายขี้หน้าจะแย่

“แค่กๆ คุณหนูหยาง ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ผมขอตัวก่อน ปรมาจารย์ฉิน ผมไปก่อน!”

หวางโหย่วเฉิงเลือกทำตามโอกาสอย่างชาญฉลาด รู้ว่า ไท่ซางเป็นคนรักศักดิ์ศรี เขาทิ้งไว้ประโยคหนึ่งก่อนที่จะก้มหน้ารีบเผ่นทันที

“คือว่า พี่สะใภ้ มีอะไรค่อยๆ คุยกัน พี่เอามือที่บิดหูของผมอยู่ออกก่อนได้ไหม?”

ไท่ซางจ้องมองหยางฉงอย่างเอาอกเอาใจ ฉีกยิ้มจนปวดกาม

แต่หยางฉงกลับไม่หลงกล สั่งให้คนมัด ไท่ซางเอาไว้

ช่วงก่อนหน้าเธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องงานที่บริษัท ต่อให้หลี่ฝงไม่ได้ติดต่อเธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก หลังจากนั้นเมื่อจัดการเรื่องของที่บริษัทเสร็จสิ้น หยางฉงถึงได้พบว่าหลี่ฝางไม่สนใจเธอมาครึ่งเดือนแล้ว ถึงได้เริ่มรู้สึกว่าผิดปกติ

เธอรู้ว่า ไท่ซางเป็นลูกน้องของหลี่ฝาง เพราะงั้นจึงอยากได้ข่าวคราวจาก ไท่ซาง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อ ไท่ซางเห็นเธอราวกับหนูที่เจอแมว หลบแทบไม่ทัน

วันนี้เธอกลับมาจากที่บริษัทก่อนเวลา ถึงได้ทำให้ไท่ซางไหวตัวแทบไม่ทัน อุตส่าห์จับเขาได้ เธอไม่มีทางปล่อยมือเพื่อให้เขาหนีไปได้อีกแน่

“บอกมา หลี่ฝางไปไหนกันแน่? ทำไมนานขนาดนี้แล้วเขาไม่ส่งข้อความหาฉันเลย!”

ในมือของหยางฉงถือไม้ปัดขนไก่เอาไว้ พลางฟาดตีไท่ซางพร้อมคำรามถาม

ไท่ซางถูกจับปัดอยู่กับเก้าอี้ นอกจากลำคอที่สามารถขยับได้ ส่วนอื่นถูกปัดจนหมด แถมยังใช้เชือกที่หนากว่าปกติอีกต่างหาก ต่อให้เขามีความสามารถระดับปรมาจารย์ อยากจะหลุดออกจากพันธนาการก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

“โอ๊ย พี่สะใภ้ ผมบอกพี่แล้วนี่ ว่าลูกพี่ใหย่ไปทำภารกิจ อีกไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว พี่อย่าใจร้อนสิ”

ไท่ซางไม่กล้ามองสายตาของหยางฉง เขาเกรงว่าจะไม่ระวังหลุดปากไป

ก่อนที่หลี่ฝางจะเข้าไปที่ซากปรักหักพังลึกลับ เขาได้บอกกับไท่ซางแล้ว เขาได้ตัดสินใจที่จะตัดขาดกับหยางฉง แล้วใช้ชีวิตกับฉินวี่เฟย เพราะงั้นเขาจึงไม่ได้บอกหยางฉงเรื่องที่ไปทำภารกิจ ถึงขั้นไม่เคยตอบข้อความของเธอเลย

อันที่จริงเขาไม่ได้มีความเห็นมากนักเกี่ยวกับการกระทำของหลี่ฝาง ยังไงซะเขาเองก็เป็นผู้ชายสารเลวอย่างถ่องแท้ ผู้หญิงที่เคยนอนด้วยเกินร้อย ทุกคนเมื่อผ่านความสดใหม่ก็โยนทิ้ง

แต่หลี่ฝางกลับจะให้เขาอยู่เพื่อจัดการเรื่องราว ทำให้ไท่ซางลำบากใจอย่างมาก

หลี่ฝางนี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่ จะตัดขาดกับกับหยางฉงแล้ว แต่ก็ยังจะคอยดูแลเธออยู่แบบนี้ ทำให้ไท่ซางได้แต่ปลอบใจตนเอง

“แกโกหก! แกไม่กล้าจ้องตาฉันตอนพูดด้วยซ้ำ! แกพูดมาเดี๋ยวนี้ หลี่ฝางไปทำอะไรกันแน่!”

ประโยคขอไปทีของ ไท่ซาง หยางฉงไม่เชื่อแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ใช่ว่าหลี่ฝางไม่เคยออกไปทำภารกิจ ทุกครั้งเขาจะทิ้งข้อความให้หยางฉง นอกจากครั้งนี้ที่ไม่มี หรือจะบอกได้ว่าไร้ร่องรอย

ทำให้หยางฉงร้อนรน หยางฉงเป็นกังวลทุกวันว่าหลี่ฝางไปแล้วจะไม่กลับมาอีกเลย

“โอ๊ย พี่สะไภ้ บางเรื่องทำไมต้องให้ผมพูดชัดเจนขนาดนั้นด้วย? หลี่ฝางเขาไม่ใช่คนที่นี่ตั้งแต่แรก พี่ก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาความจำเสื่อม ตอนนี้เขาฟื้นความจำแล้ว ก็ต้องกลับไปทีที่เขาเคยใช้ชีวิต”

ไท่ซางหน่ายที่ถูกถาม เขาไม่ใช่คนที่จะแสร้งได้แต่แรกอยู่แล้ว จึงบอกเรื่องที่หลี่ฝางฟื้นฟูความทรงจำแก่เธอ

หยางฉงนิ่งอึ้ง อันที่จริงเธอเองก็รู้ว่าหลี่ฝางฟื้นความจำแล้ว แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือ ทำไมหลี่ฝางกลับไปแล้วไมาพาเธอไปด้วย

“เรื่องที่เขาฟื้นความจำฉันรู้แล้ว ฉันไม่ได้บอกว่าไม่ให้เขากลับไปสักหน่อย เขามีเรื่องอะไรบอกฉันได้ ฉันกลับบ้านไปพร้อมกับเขาได้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย”

“คุณไมมีปัญหา แต่อีกคนมี” เมื่อได้ยินอย่างนั้น ไท่ซางอดเหลือบตาขาวไม่ได้ ก่อนบ่นอุบเสียงแผ่ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท