NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1204 แม่มด

บทที่ 1204 แม่มด

ความสงสัยนี่พึ่งจะผุดขึ้นมาในหัวของหลี่ฝาง เสียงของแคทเธอรินก็ได้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันเป็นแม่มด มีความสามารถในการทำนายอนาคตและอ่านสมองของคน ฉันไม่เพียงรู้ชื่อของพวกคุณสองคน ฉันยังรู้อีกด้วยว่าที่พวกคุณมาที่อูนัสในครั้งนี้ก็เพื่อจัดการกับผู้ชายที่ชื่ออาซาโทส”

คำพูดของแคทเธอรินทำให้หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนต้องตะลึงงันอีกครั้ง ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาได้มาถึงจักรวาลมาร์เวล อย่างไรอย่างนั้น มีแม้กระทั่งแม่มด ยิ่งไปกว่านั้นแม่มดคนนี้ยังสามารถทำนายอนาคตได้อีกด้วย? มันชักจะน่าพิศวงมากเกินไปแล้ว

“จักรวาลมาร์เวลเหรอ? นั่นมันที่ไหนกันน่ะ? ตอนนี้พวกเรายังคงอยู่บนโลก เพียงแต่ว่าพวกเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกภายนอก พวกเราชาวอูข่าคอยปกป้องอูนัสมาทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่บรรพบุรุษ ปกป้องดูแลสมบัติแห่งอูนัส

แคทเธอรินสัมผัสได้ถึงความคิดของหลี่ฝาง และมีความสนอกสนใจต่อจักรวาลมาร์เวล ที่หลี่ฝางกล่าวถึงเป็นอย่างมาก เธอถูกชนเผ่าเลี้ยงดูเพื่อให้เป็นแม่มดมาตั้งแต่เกิด เรียนรู้ความสามารถในการทำนายอนาคตและอ่านสมองของคนกับแม่มดรุ่นก่อน ไม่เคยออกไปจากผืนแผ่นดินแห่งนี้เลย

เดิมทีเธอและชนเผ่าของเธอนั้นใช่ชีวิตกันอย่างมั่นคงสงบสุข จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้มีคนจากโลกภายนอกบุกรุกเข้ามา ทำลายความสงบของอูนัส คนที่บอกว่าตัวเองเป็นนักรบเหล่านั้นมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ไม่เพียงทำลายผืนแผ่นดินแห่งนี้อย่างป่าเถื่อน ทั้งยังบุกเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาอีกด้วย

“ชาวอูข่า? คุณหมายถึงสัตว์ประหลาดตัวดำพวกนั้นน่ะเหรอ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฝางได้ยินชื่อชนเผ่านี้ แต่ฟังจากน้ำเสียงของแคทเธอรินแล้ว น่าจะหมายถึงสัตว์ประหลาดตัวดำพวกนั้น

“เอ่อ……ชนเผ่าของฉันถึงแม้หน้าตาจะไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไหร่ แต่พวกเขามีจิตใจที่ดีมาก ไม่เคยทำร้ายผู้คนในโลกภายนอกอย่างพวกคุณเลยสักครั้ง”

เมื่อได้ยินหลี่ฝางพูดถึงเผ่าพันธุ์ของตัวเองเช่นนั้น แคทเธอรินไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้โมโห

เพราะถึงยังไงชนเผ่าอูข่านั้นก็มีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกับผู้คนที่อยู่ในโลกภายนอกเป็นอย่างมาก

“เหลวไหล ไม่ลงมือกับพวกเรา แล้วจับพวกเราสองคนมาที่นี่ทำไม?”

กู่ยี่เทียนนั้นสมกับที่เป็นผู้ชายตรงไปตรงมาจริง ๆ เขาไม่ได้นึกถึงว่าแคทเธอรินเป็นผู้หญิงเลยสักนิด ถึงได้ตะโกนคำหยาบออกมาตรง ๆ

เมื่อเขาพูดจบ แคทเธอรินก็ได้เงียบไปสองสามนาทีเต็ม ๆ เมื่อเห็นแคทเธอรินไม่ตอบกลับเป็นเวลานาน กู่ยี่เทียนก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา เลยกระโจนเข้าไปเกาะที่กรงเหล็กและตะโกนลงไปที่ข้างล่างหน้าผา

“นี่!แคทเธอริน คุณยังอยู่ไหม? ถ้ายังอยู่ก็ส่งเสียงหน่อย! ที่พวกเรามาที่ซากปรักหักพังลึกลับ นี้ไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อพวกคุณชาวอูข่า พวกเราเพียงแค่มาตามหาอาซาโทส คุณไปคุยกับชนเผ่าของคุณหน่อยดีไหม ให้พวกเขาปล่อยเราสองคนเถอะนะ?”

ในเมื่อแคทเธอรินบอกว่าเธอเป็นแม่มดของชนเผ่าอูข่า เช่นนั้นเธอจะต้องมีอำนาจสิทธิที่จะพูดอย่างแน่นอน ขอเพียงแค่เธอเอ่ยปาก สัตว์ประหลาดพวกนั้นก็น่าจะปล่อยพวกเขาไป กู่ยี่เทียนคิดอยู่เช่นนั้น ก็ได้ตะโกนลงไปที่ด้านล่างอีกสองสามประโยค

“แคทเธอริน พวกเราไม่ใช่คนเลวจริง ๆ ! เธอบอกให้ชนเผ่าของเธอปล่อยพวกเราไปเถอะนะ ขอแค่จัดการกับอาซาโทสได้แล้ว พวกเราสองคนจะรีบไปทันที!”

แต่ไม่ว่ากู่ยี่เทียนจะตะโกนยังไง แคทเธอรินก็ไม่ได้ตอบกลับมาอีกเลย หลี่ฝางเดินเข้าไปและตบไหล่เขาเบา ๆ : “เลิกตะโกนได้แล้ว ฝากความหวังไว้กับแคทเธอรินนั่นไม่ได้หรอก”

“ทำไมล่ะ? เธอเป็นแม่มดของชนเผ่าอูข่าไม่ใช่เหรอ? พวกสัตว์ประหลาดตัวดำนั่นน่าจะเชื่อฟังเธอนะ”

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะพลังถูกผนึกเอาไว้ หรือเพราะอะไร หลี่ฝางมีความรู้สึกว่าหลังจากที่เข้ามาในซากปรักหักพังลึกลับ แล้วกู่ยี่เทียนได้โง่ลงไปมาก

สถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้นั้นคือในคุก แคทเธอรินบอกว่าเธออยู่ในห้องที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอเองก็ถูกขังเอาไว้ไม่ใช่หรอกเหรอ?

“สมองนายไม่ได้ใช้งานมานานจนขึ้นสนิมแล้วรึไง? ถ้าหากพวกเขาเชื่อฟังแคทเธอริน เธอจะถูกจับขังเอาไว้ที่นี่เหมือนพวกเราได้ยังไงล่ะ?”

กู่ยี่เทียนได้เอ๋อไปโดยสิ้นเชิง เขารู้สึกว่าตัวเองที่เกาะกรงเหล็กตะโกนอยู่เมื่อสักครู่นั้นช่างโง่สิ้นดี

ให้แคทเธอรินช่วยตัวเองออกไปวิธีนี้ใช้ไม่ได้แล้ว กู่ยี่เทียนก็หงอยลงโดยสิ้นเชิง เขานั่งก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น ท่าทางเหี่ยวแห้งโรยรา

“แคทเธอริน คุณบอกกับผมได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเผ่าของคุณ”

หลี่ฝางค่อนข้างจะปล่อยวาง เขานั่งลงที่ข้างกรงเล็กและเริ่มพูดคุยกับแคทเธอรินขึ้นมา และเขาก็ไม่สนว่าแคทเธอรินจะตอบเขาหรือไม่ นั่งอยู่ตรงนั้นและกล่าวเพียงลำพังอย่างได้รสชาติ

ในตอนที่กู่ยี่เทียนคิดว่าหลี่ฝางบ้าไปแล้วนั่นเอง ก็พลันมีเสียงตอบกับจากแคทเธอริน

“เมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่แล้วอาซาโทสได้นำสิบสองอัศวินบุกเข้ามาในชนเผ่าของฉันอย่างกะทันหัน ฆ่าคนในเผ่าไปมากมาย เขาไม่เพียงบังคับให้ฉันทำนายอนาคต แถมยังบีบให้ฉันมอบกุญแจที่ใช้เปิดเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ออกไปอีกด้วย”

เป็นเช่นนี้นี่เอง และนี่ก็สามารถอธิบายได้แล้วว่าทำไมแม่มดประจำเผ่าถึงได้ถูกจับขังเอาไว้แบบนี้

คาดว่าชนเผ่าอูข่าในตอนนี้คงได้ตกอยู่ในมือของอาซาโทสไปเสียแล้ว กลายเป็นเครื่องมือของอาซาโทสไปโดยสิ้นเชิง

จากน้ำเสียงที่สั่นคลอนของแคทเธอรินหลี่ฝางสามารถฟังออก ภาพเหตุการณ์ในตอนที่อาซาโทสบุกยึดชนเผ่าอูข่านั้นจะต้องโหดเหี้ยมอำมหิตมากแน่นอน

“คุณทำนายอนาคตได้ว่ายังไงบ้าง?”

แม้ว่าหลี่ฝางจะคาดเดาเกี่ยวกับอนาคตได้จากหินเฮยสวนได้บ้างเล็กน้อยแล้ว แต่เขาก็ยังคงอยากได้ยินจุดจบที่ไม่เหมือนกันจากปากของแคทเธอริน

“พวกคุณพ่ายแพ้”

สั้น ๆ เพียงแค่สี่คำก็ทำให้หัวใจของหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนตกลงสู่ก้นเหวทันที

ผ่านไปนานพอสมควร หลี่ฝางถึงได้ฉีกยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เอาหัวพิงที่กรงเหล็ก มองกู่ยี่เทียนพลางกล่าวหัวเราะเยาะตัวเอง

“เหล่ากู่ ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกเราคงรอดกลับไปไม่ได้แล้ว”

กู่ยี่เทียนลูกกระเดือกขยับไปมาอยู่สองสามครั้ง เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา ภายในคุกตกอยู่ในความเงียบขึ้นมาทันที

“หินเฮยสวน? หลี่ฝางหินเฮยสวนอยู่ในมือของพวกคุณหรือเปล่า?”

ทันใดนั้นเอง เสียงของแคทเธอรินก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง เรื่องที่หลี่ฝางมีหินเฮยสวนอยู่ในมือนั้นทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“มีหินเฮยสวนแล้วยังไง สุดทท้ายแล้วก็แพ้ให้กับอาซาโทสอยู่ดี”

พูดได้ว่าในตอนนี้หลี่ฝางได้ตายใจไปแล้ว ถึงขึ้นที่เขายอมรับความจริงที่ว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้กับอาซาโทส

“คุณรอเดี๋ยวก่อน ฉันต้องทำนายอีกครั้ง”

หลังจากที่แคทเธอรินเอ่ยประโยคนี้จบก็เงียบหายไปโดยสิ้นเชิง หลี่ฝางและกู่ที่เทียนกลับไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจเธอ ต่างก็จมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง

พูดตามตรง หลายวันมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฝางใช้เวลามาพิจารณาเรื่องราวของตัวเองอย่างจริงจัง

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้อาการของเมี๋ยวชุ่ยเป็นยังไงบ้าง หลี่ฝางรู้เพียงว่าเธอได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่หลัก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้างนั้นกลับไม่รู้เลย

ส่วนทางด้านฉินวี่เฟยนั้นคิดว่าคงยังไม่ยอมยกโทษให้เขาสินะ คำที่เธอกล่าวในคืนนั้นดังอยู่ในหัวของหลี่ฝางครั้งแล้วครั้งเล่า

ส่วนหยางฉง เขาไม่ตอบข้อความของเธอมาเป็นเวลานานขนาดนี้ คงกำลังตามหาชายหนุ่มที่ชื่อหลี่ฝางไปทั่วทุกหนแห่ง

เขามีความพวกมากมายอย่างจะบอกกับพวกเธอจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีโอกาสอีกแล้ว

อาซาโทสบุกโจมตีชนเผ่าอูข่าอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ บีบบังคับให้แคทเธอรินมอบกุญแจเปิดเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ออกมา คิดว่าเคล็ดลับในการเป็นเทพที่เขาเอ่ยถึงจะต้องอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าอูข่าเป็นแน่

นี่หมอนั่นก็เข้าไปหลายวันมากแล้ว ต่อให้ตอนนี้หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนกล้าที่จะเข้าไปขัดขวางเขา เกรงว่าคงสายไปแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท