NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1219 เผชิญหน้ากับโทชิโอะ คามิยะอีกครั้ง

บทที่ 1219 เผชิญหน้ากับโทชิโอะ คามิยะอีกครั้ง

“โทชิโอะ คามิยะ เลิกพูดมากกับมันได้แล้ว รีบลงมือเถอะ ฝีมือของพวกมันสี่คนต่างก็แข็งแกร่งไม่น้อย ถ้าหากดูดกลืนพลังของพวกมันสี่คนเข้าไป พวกเราทุกคนล้วนสามารถทะลวงสู่แดนครึ่งเทพได้!”

แววตาที่ฮอว์กินส์จ้องมองพวกหลี่ฝางนั้นเต็มไปด้วยละโมบ หลังจากที่อาซาโทสได้ช่วยเขาไปจากเงื้อมมือของหลี่ฝางเมื่อครั้งที่แล้ว อาซาโทสก็ได้มอบเคล็ดวิชาอย่างหนึ่งให้เขา สามารถเพิ่มพลังการฝึกฝนของตัวเองด้วยการดูดกลืนพลังของคนอื่น

ตอนแรกโทชิโอะ คามิยะไม่เห็นด้วยกับการใช้เคล็ดวิชาแบบนี้ แต่เขาก็ใจเต้นขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้เห็นฮอว์กินส์ที่สู้ตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งกว่าตัวเองขึ้นมาได้ภายในหนึ่งวัน

โทชิโอะ คามิยะได้ดูดกลืนพลังของนักรบในสำนักที่มีพลังการฝึกฝนค่อนข้างสูงไปแทบหมด ส่วนฮอว์กินส์นั้นยิ่งได้จับนักรบมาเกือบร้อยคนเพื่อเพิ่มพลังการฝึกฝนของตัวเอง

ถึงแม้พลังของฮอว์กินส์ในตอนนี้จะยังไม่ถึงขั้นแดนเทพ แต่ก็สามารถสัมผัสถึงประตูเทพได้อย่างเลือนราง

การมาที่ซากปรักหักพังลึกลับ ในครั้งนี้ หนึ่งก็เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออาซาโทส สองก็เพื่อเอาพลังของหลี่ฝางมาเป็นของตัวเอง

ถึงแม้พวกเขาไม่มีความหวังที่จะเป็นเทพแล้ว แต่ทะลวงถึงแดนครึ่งเทพก็ได้เหมือนกัน

หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของฮอว์กินส์ สิบสองอัศวินอีสองคนก็ได้มีท่าทางพร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อ ความสามารถของพวกเขาอยู่เหนืออาคาอูและปันปู ไม่แน่ว่าพวกอาคาอูจะสู้พวกเขาได้

ถึงแม้ฮอว์กินส์จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู่ยี่เทียน แต่ถ้าเขาร่วมมือกับสองอัศวินนั่น กู่ยี่เทียนก็อาจจะต้านไว้ไม่ได้ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะถูกลิขิตให้เป็นการต่อสู้ที่เหนื่อยพอสมควร

“เลิกพูดมากได้แล้ว ไปตายซะ!” ไม่มีเวลาที่จะมาสูญเสียอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว แม้ว่าให้คนพวกนี้ยากที่จะจัดการ หลี่ฝางก็จะต้องจัดการกับพวกเขาให้หมด

หลังจากที่ตะโกนออกมาเสียงดัง หลี่ฝางก็ได้ลงมือเป็นคนแรก เดิมทีเขาคิดจะถือโอกาสที่โทชิโอะ คามิยะไม่ทันตั้งตัว แล้วฆ่าหรือทำให้หนึ่งในสามคนที่เหลืออยู่ได้รับบาดเจ็บหนักก่อน คิดไม่ถึงว่าโทชิโอะ คามิยะจะเดาความคิดของหลี่ฝางออก และได้ลงมือสกัดกั้นกระบวนท่านี้ของหลี่ฝางเอาไว้

“ท่านหลี่ คู่ต่อสู้ของคุณคือฉัน” โทชิโอะ คามิยะจ้องมองดวงตาของหลี่ฝาง และกล่าวอย่างเย็นชา

หลี่ฝางเม้มริมฝีปากแน่นไม่ได้เอ่ยอะไร แววตากลับแหลมคมขึ้นมาอีกหลายเท่า เขาพลิกมือล็อกข้อมือของโทชิโอะ คามิยะเอาไว้ แค่ออกแรงก็ได้หักซ้ายของโทชิโอะ คามิยะไป

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา คงเจ็บจนลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นแล้ว แต่โทชิโอะ คามิยะกลับเหมือนคนที่ไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่แม้แต่จะกะพริบตา พลันออกแรงก็ได้ต่อแขนของตัวเองกลับคืนอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็ใช้ขาซ้ายของตัวเองเกาะขาซ้ายของหลี่ฝางเอาไว้แล้วออกแรงงอ คิดจะเอาคืน แต่น่าเสียดายที่หลี่ฝางรับกระบวนท่านี้เอาไว้ได้ ร่างกายไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย จากนั้นทั้งสองคนก็ได้เริ่มสู้กันแบบประชิดตัว

พูดตามตรง ตอนที่คนฝีมือใกล้เคียงกันต่อสู้กัน มีดดาบปืนอะไรนั่นต่างก็ไม่จำเป็น สู้แบบประชิดตัวโดยไม่ใช้อาวุธ ยิ่งไปกว่านี้การต่อสู้แบบประชิดตัวแบบนี้นั้นมันทรงพลังกว่าการต่อสู้แบบธรรมดาหลายพันเท่า

เดิมทีที่หน้าประตูทางเข้ามีรูปปั้นหินคนยักษ์ขนาดใหญ่สององค์วางอยู่ มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับพระพุทธรูปเล่อซาน หลี่ฝางใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาหนึ่ง จากนั้นก็ขว้างไปทางโทชิโอะ คามิยะ

ความเร็วและพลังของมัน เรียกได้ว่าเป็นขีปนาวุธขนาดเล็ก โทชิโอะ คามิยะกลับไม่หลบเลยด้วยซ้ำ ยกกำปั้นขึ้นมาและลอยเข้าใส่รูปปั้นหิน ต่อยจนรูปปั้นหินแตกจระจาย

หลี่ฝางเองก็ไม่ได้คิดจะใช้รูปปั้นหินทำอันตรายโทชิโอะ คามิยะอะไรมากมาย เขาแค่ต้องการหาเวลาไปจัดการกับสองอัศวินที่กำลังสู้กับอาคาอูและปันปูอยู่เท่านั้นเอง

“ระวัง!” เสียงตะโกนของโทชิโอะ คามิยะพึ่งจะดังขึ้นมา หัวของหนึ่งในอัศวินก็ได้ถูกหลี่ฝางเด็ดลงมาเสียแล้ว เมื่อเห็นพวกของตัวเองถูกฆ่า อัศวินอีกคนก็ได้พุ่งเข้าโจมตีหลี่ฝางอย่างบ้าคลั่ง

เดิมหลี่ฝางคิดจะจัดการกับอัศวินคนนี้ไปด้วย แต่โทชิโอะ คามิยะได้มาถึงด้านหน้าแล้ว ถูกประกบเอาไว้ตรงกลาง ในสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หลี่ฝางได้เลือกรับเอาหมัดของอัศวินคนนี้เอาไว้

ถึงแม้จะเป็นพลังของแดนสุดกำลังภายในเท่านั้น แต่ถูกชกเข้าแบบนี้หลี่ฟานยังคงได้รับบาดเจ็บภายใน แต่สิ่งที่ต้องแลกกับการทำให้เขาบาดเจ็บก็คือต้องแลกด้วยชีวิต อยู่ภายใต้เงื้อมมือของหลี่ฝางอัศวินคนนั้นยังรับได้ไม่ถึงสองกระบวนท่า ก็ได้หมดลมหายใจไปเหมือนกับอัศวินคนก่อนหน้านั้นแล้ว

“หลี่ฝาง! ฉันจะฆ่าแก!” โทชิโอะ คามิยะในตอนนี้สู้จนดวงตาแดงก่ำ หลังจากที่ได้ตวาดออกมาด้วยความโมโหแล้วก็ได้โจมตีอย่างรุนแรงมากขึ้น หลี่ฝางเหวี่ยงร่างไร้ลมหายใจของอัศวินคนนั้นไปที่โทชิโอะ คามิยะ จากนั้นก็เว้นระยะห่างกับเขาออกมาออกรวดเร็ว

“พวกคุณสองคนไม่ต้องเข้ามา! ผมจะสู้กับเขาเอง!” เห็นอาคาอูและปันปูจะเข้ามาช่วยตัวเอง หลี่ฝางจึงรีบตะโกนห้ามพวกเขาเอาไว้

ความสามารถของอาคาอูและปันปูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโทชิโอะ คามิยะเลยสักนิด ถ้าหากพวกเขาเข้ามาช่วย จะเป็นการเพิ่มปัญหาเท่านั้น เมื่อได้ยินที่หลี่ฝางกล่าวอาคาอูและปันปูก็เข้าใจขึ้นมาทันที จึงพยักหน้าให้กับหลี่ฝาง แล้วหันไปช่วยกู่ยี่เทียน

ไม่นานหลี่ฝางก็ได้สู้กับโทชิโอะ คามิยะโดยไม่อาจสลัดหลุดอีกครั้ง เมื่อสักครู่ตอนที่หลี่ฝางอยู่ในสภาพสูงสุดสามารถสู้เสมอกับโทชิโอะ คามิยะ แต่ในตอนนี้เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือของอัศวินคนนั้น ได้รับบาดเจ็บภายใน ชีพจรภายในเดินได้ไม่สะดวก ทำให้เขาค่อย ๆ สู้อย่างลำบากขึ้นมา

หลี่ฝางที่กำลังสู้กับโทชิโอะ คามิยะอย่างดุเดือดอยู่นั้นจู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกขึ้นมา การเคลื่อนไหวของหลี่ฝางหยุดชะงักเล็กน้อย ถึงแม้จะแค่ 0.01วินาที แต่ 0.01วินาทีนี้สำหรับโทชิโอะ คามิยะแล้วเพียงพอที่จะเอาชีวิตของหลี่ฝาง

เขาหรี่ตาลง มืออยู่ในสภาพกรงเล็บเหยี่ยวแล้วคว้าเข้าไปที่หัวใจของหลี่ฝางทันที หลี่ฝางสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก รีบกำมือสองข้างขึ้นขวางเอาไว้ที่หน้าอก สกัดกั้นการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตของโทชิโอะ คามิยะเอาไว้ได้

แต่แรงกระแทกมหาศาลทำให้เขาชนเข้ากับรูปปั้นหินอีกองค์ รูปปั้นหินที่แข็งมากนั่นพังทลายลง แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น หลี่ฝางก็ไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย เขาใช้แรงเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ออกแรงที่เท้าและพุ่งเข้าไปรับมืออีกครั้ง

“กู่ยี่เทียน นายแม่งรีบหน่อยสิวะ” นี่ไม่ใช่ว่าหลี่ฝางกลัวแล้วเรียกให้กู่ยี่เทียนมาช่วย แต่เพราะเขารู้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บตั้งแต่อยู่ตรงนี้ไม่ได้ ถ้าหากเพียงแค่สู้กับโทชิโอะ คามิยะ เขาก็ได้รับบาดเจ็บหนักเสียแล้ว เช่นนั้นเมื่อต้องสู้กับอาซาโทส เขายิ่งไม่มีโอกาสชนะ

กู่ยี่เทียนได้ยินเสียงของหลี่ฝาง เลยหันกลับไปดูแวบหนึ่ง เห็นหลี่ฝางตกเป็นรองโทชิโอะ คามิยะ ในใจก็ร้อนรนขึ้นมา ลงมืออย่างหนักแทบทุกกระบวนท่า แต่กระบวนท่าของฮอว์กินส์กลับแปลกประหลาดมาก

ร่างกายของเขาคล่องแคล่วราวกับไม่ใช่ร่างกายของมนุษย์ เหมือนงูอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เขาจะจับก็จับไม่ได้

“อาคาอู ปันปู พวกคุณสองคนช่วยผมไปสกัดเขาเอาไว้ พวกเรารีบสู้รีบจบ” เห็นอาคาอูและปันปูสลัดหลุดออกมาได้ กู่ยี่เทียนก็ได้รีบเรียกพวกเขาให้มาช่วยทันที

อาคาอูและปันปูพยักหน้า ไม่พูดอะไรมากแล้วพุ่งเข้าหาฮอว์กินส์ มีพวกเขาสองคนช่วย ต่อให้ท่าร่างของฮอว์กินส์คล่องแคล่วว่องไว ก็ได้ค่อย ๆ ตกเป็นรอง

กู่ยี่เทียนมองหาโอกาสที่เหมาะสม ถือโอกาสตอนที่ฮอว์กินส์สู้กับอาคาอูและปันปูอยู่ เขาพุ่งเข้าไปอย่างกะทันหัน ฝ่ามือของเข้าซัดทะลุหน้าอกของฮอว์กินส์ไป

“แก……” ฮอว์กินส์ตายตาไม่หลับจ้องมองกู่ยี่เทียน ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลง พูดออกมาได้หนึ่งคำก็หมดลมหายใจไปทันที

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท