NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1203 สูญเสียพลัง

บทที่ 1203 สูญเสียพลัง

“หึ สัตว์ประหลาดดำพวกนั้นคิดว่าแบบนี้ก็สามารถขังครึ่งเทพอย่างพวกเราได้เหรอ? ช่างน่าตลกจริง ๆ”

จะต้องรู้ว่าหลี่ฝางที่ได้เข้าสู้ขั้นครึ่งเทพแล้วนั้นสามารถลอยบนอากาศได้ คุกดึกดำบรรพ์ที่ธรรมดาเช่นนี้กักขังเขาเอาไว้ไม่ได้หรอก หลังจากที่กล่าวประโยคนี้เสร็จไป หลี่ฝางก็คิดจะเคลื่อนย้ายพลังเพื่อทำลายกรงเหล็ก แต่เขาก็ต้องยิ้มไม่ออกในวินาทีต่อมา

พลังอันแข็งแกร่งเดิมทีที่อยู่ในร่างของเขานั้นได้หายไปอย่างแปลกประหลาด หลี่ฝางที่ไม่อาจยอมรับได้ว่าตัวเองได้กลายเป็นคนธรรมดาไปแล้วนั้นถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่

นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน? ทำไมเขาถึงใช้พลังของตัวเองไม่ได้ล่ะ?

ราวกับไม่ยอมรับชะตาชีวิต หลี่ฝางได้ลองใช้พลังอยู่อีหลายครั้ง แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีใด พลังอันแข็งแกร่งที่เดิมทีอยู่ในร่างของเขานั้นก็ได้หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา

“เลิกเสียแรงเปล่าได้แล้ว เมื่อกี้ฉันได้ลองไปกว่าครึ่งชั่วโมง ใช้พลังออกมาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว” กู่ยี่เทียนมองดูหลี่ฝางที่ยังคงไม่ตายใจ จึงเกลี้ยกล่อมอย่างท้อแท้ใจ

ความคิดในตอนที่เขาพึ่งจะฟื้นขึ้นมานั้นเหมือนกับหลี่ฝางไม่มีผิด คิดว่าแค่ทำลายคุกแห่งนี้เก่า ๆ แห่งนี้ก็สามารถออกไปได้แล้ว แต่พอลองขับเคลื่อนพลังดูถึงรู้ว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

“แม่งเอ๊ย! ฉันจะต้องฆ่าพวกไอ้พวกสัตว์ประหลาดตัวดำนั่นอย่างแน่นอน!” หลี่ฝางที่พยายามดิ้นรนอยู่ครึ่งค่อนวันสุดท้ายก็ทำได้เพียงยอมรับความจริงอย่างโมโห เขาซัดหมัดเข้าใส่กำแพงหินพลางร้องตะโกนอย่างอึดอัดใจ

“หลี่ฝาง นายรู้จักพวกสัตว์ประหลาดที่จับพวกเรามาเหรอ?” เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

ก่อนที่จะสลบไปนั้นเขาเองก็เห็นเงาร่างทะมึนนั่นเหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนนั้นสติเลือนราง กู่ยี่เทียนไม่กล้าที่จะมั่นใจมาโดยตลอด และยังคิดว่าตัวเองนั้นดูผิดไป

“ก่อนหน้านี้เคยเจอมาครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่ สัตว์ประหลาดสีดำนั่นแปลกประหลาดมาก เคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่ว และซ่อนร่องรอยของตัวเองได้อย่างชำนาญทีเดียว ครั้งที่แล้วฉันใช้ความพยายามไปอย่างมากก็จับมันไม่ได้”

สัตว์ประหลาดตัวดำที่สะกดรอยตามหลี่ฝางเมื่อครั้งที่แล้วมีแค่ตัวเดียว หลังจากที่ถูกเขาโจมตีมันก็ไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลย ดังนั้นในตอนนั้นหลี่ฝางเลยไม่ได้ใส่ใจ คิดไม่ถึงว่าเมื่อกลับมาที่ซากปรักหักพังลึกลับ ในครั้งนี้ ตัวเองกลับถูกสัตว์ประหลาดตัวดำลอบทำร้าย นอกจากนี้เขายังมั่นใจได้ว่าสัตว์ประหลาดชนิดนี้ไม่ได้มีเพียงตัวเดียว อาจจะมีอยู่มากมายหลายตัว

“ทำไมสัตว์ประหลาดตัวดำนั่นต้องจับพวกเราด้วย? จับมาแล้วทำไมต้องเอาพวกเรามาขังไว้ที่นี่ด้วยล่ะ? พวกมันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”

กู่ยี่เทียนรู้สึกว่าตอนนี้สมองของตัวเองไม่พอใช้ ตามหลักแล้วในซากปรักหักพังลึกลับ แห่งนี้นอกจากตัวเอง หลี่ฝางและพวกอาซาโทสก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว ตอนนี้กลับมีพวกสัตว์ประหลาดตัวดำนั่นโผ่ออกมามันเรื่องอะไรกัน?

สัตว์ประหลาดตัวดำพวกนี้จับเขาและหลี่ฝางมา หรือว่าพวกมันจะเป็นพวกเดียวกันกับอาซาโทส?

“รายละเอียดหลัก ๆ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้พลังของพวกเราทั้งสองคนถูกผนึกเอาไว้ ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา ต่อให้ออกไปจากกรงเหล็กนี้ได้ ก็ปีนออกไปจากหน้าผาสูงชันนี้ไม่ได้ ฉันคิดว่าพวกเรารออยู่ที่นี่ให้พวกสัตว์ประหลาดตัวดำนั่นขึ้นมาหาเองดีกว่า”

คิดไปคิดมาหลี่ฝางที่คิดหาวิธีไม่ออกก็เลยเลิกคิดไป และนอนลงบนพื้น หาท่าสบาย ๆ และนอนหลับไป เมื่อเห็นท่าทางสบายใจไร้กังวลเช่นนี้ของหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนโมโหแทบทนไม่ได้ ในขณะที่กำลังคิดจะลากหลี่ฝางขึ้นมาจากพื้นนั่นเอง ที่ด้านหลังก็ได้เกิดลมพัดกระหน่ำขึ้น

เห็นเพียงสิ่งมีชีวิตคล้ายปีศาจตัวหนึ่งหยุดอยู่ที่ด้านนอกกรงเหล็ก บนหลังของสัตว์ประหลาดตัวนั้นมีปีกอยู่สามคู่ เมื่อกางปีกออกนั้นแสงสว่างแทบจะถูกบดบังไปหมด

เนื่องจากมีแสงส่งมาจากด้านหลัง ทำให้พวกหลี่ฝางเห็นรูปลักษณ์ของสัตว์ประหลาดนั่นได้ไม่ชัดเจน แต่ดูจากโครงร่างแล้วก็สามารถเดาได้ว่ามันไม่ค่อยจะน่าดูสักเท่าไหร่นัก

เห็นเพียงในมือของสัตว์ประหลาดตัวนั้นถือห่อผ้าเอาไว้ ปากก็เอ่ยอะไรบางอย่างที่พวกหลี่ฝางฟังไม่เข้าใจ และได้โยนห่อผ้านั่นเข้ามาในคุก

“นี่! ทำไมพวกแกต้องจับพวกเรา!” เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังจะหมุนตัวจากไป หลี่ฝางก็ตะโกนใส่มันขึ้นมา

ไม่รู้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นฟังไม่เข้าใจที่หลี่ฝางพูดหรือไม่อยากจะใส่ใจหลี่ฝางกันแน่ กระพือปีกอยู่สองครั้งแล้วบินลงไปจากหน้าผา

ในเมื่อคนอื่นไม่สนใจตัวเอง หลี่ฝางก็ทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้เพียงวางความสนใจทั้งหมดไปที่ห่อผ้าสีดำที่อยู่บนพื้นนั่น

“นายไม่กลัวตายหรือไง? ถึงได้กล้าใช้มือเปล่าไปจับของบ้า ๆ นั่น! ใครจะไปรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ถ้าเกิดเป็นพวกอาวุธลับ หรือยาพิษขึ้นมาจะทำยังไง!”

กู่ยี่เทียนเห็นหลี่ฝางยื่นมือออกจะไปจับห่อผ้าที่อยู่บนพื้น ตกใจจนคว้าเข้าไปที่แขนของหลี่ฝางห้ามเขาเอาไว้

“ตอนนี้พวกเราได้ตกเป็นเชลยของพวกมันแล้ว ทำมันต้องทำในสิ่งที่ไม่จำเป็นด้วยล่ะ? ไม่เป็นไรหรอก นายวางใจเถอะ” หลี่ฝางตบที่มือของกู่ยี่เทียนเบา ๆ เป็นการบอกให้เขาปล่อยตัวเอง

คำพูดนี้เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร ถ้าหากเจ้าสัตว์ประหลาดสีดำนั่นคิดจะฆ่าพวกหลี่ฝางก็คงไม่รอมาจนถึงตอนนี้หรอก เมื่อเข้าใจจุดนี้แล้ว กู่ยี่เทียนเองก็ขยับใกล้เขาไปด้วย

เดิมทีหลี่ฝางคิดว่าในห่อผ้านี้จะมีอะไรแปลก ๆ อยู่ข้างใน พอเปิดออกดูถึงพบว่าของที่อยู่ข้างในนั้นเป็นน้ำและธัญพืชอัดแผ่น

“นี่ นี่มันหมายความว่ายังไง?”

กู่ยี่เทียนมองสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าแล้วเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ยังจะหมายถึงอะไรอีกล่ะ สัตว์ประหลาดตัวเมื่อกี้นั่นกำลังให้อาหารพวกเราอยู่ไงล่ะ” หลี่ฝางนั้นไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย หลังจากที่ชะงักไปสักพักแล้วก็เริ่มหยิบของที่อยู่ในนั้นขึ้นมาทาน

กู่ยี่เทียนเห็นเขาทานอย่างเอร็ดอร่อยแบบนั้น หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักก็ได้ฉีกธัญพืชอัดแผ่นขึ้นมาหนึ่งชิ้น

จะใส่จะอะไรมากก็ไม่ได้ ตอนนี้เขาและหลี่ฝางต่างก็เป็นเพียงคนธรรมดา จะไม่ทานอาหารก็คงไม่ได้

ต่อให้เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นใส่ยาพิษลงไปในอาหาร เขาก็ขอเป็นผีที่อิ่มตาย

“เอ่อคือ……พวกคุณใช่หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนหรือเปล่า?”

ในขณะที่พวกเขาสองคนกำลังจัดการกับธัญพืชอัดแผ่นอยู่นั่นเอง จู่ ๆ เสียงผู้หญิงที่ล่องลอยและหยาบกระด้างก็ได้ดังขึ้นในคุกที่กว้างขวางว่างเปล่า

มันทำให้พวกเขาตกใจสะดุ้งโหยง ธัญพืชอัดแผ่นคำโตติดอยู่ที่คอของหลี่ฝาง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนกู่ยี่เทียนนั่นก็ได้พ่นเศษธัญพืชอัดแผ่นออกมาโดนใบหน้าของหลี่ฝางเต็ม ๆ

“ใครน่ะ? ใครทำลับล่อ ๆ อยู่ตรงไหน? รีบไสหัวออกมานะ!” ครั้งนี้กู่ยี่เทียนตกใจขึ้นมาจริง ๆ เขาสะดุ้งโหยงจนกระโดดลุกขึ้นมาจากพื้น และตะคอกออกไปในอากาศ

หลี่ฝางรีบดื่มน้ำลงไปสองอึก พยายามกลืนธัญพืชอัดแผ่นที่ติดอยู่ที่คอลงไปอย่างยากลำบาก

ไม่ใช่เพราะพวกเขาขวัญอ่อน ในคุกแห่งนี้นั้นเคว้งคว้างว่างเปล่า นอกจากหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนแล้วก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อีกเลย จู่ ๆ ก็มีเสียงของคนอื่นดังขึ้นมา แถมเสียงนั่นยังล่องลอยแบบนี้ แล้วใครจะไปทนไหวกันล่ะ!

“พวกคุณไม่ ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ใช่คนเลว ฉันชื่อแคทเธอริน ถูกขังอยู่เอาไว้ในคุกที่อยู่ด้านล่างของพวกคุณ”

เมื่อเห็นพวกหลี่ฝางถูกตัวเองทำให้ตกใจ แคทเธอรินก็รีบกล่าวอธิบายทันที ประโยคนี้พูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ รู้สึกเหมือนกับว่าแคทเธอรินนั้นตื่นเต้นกว่าพวกหลี่ฝางเสียอีก

เมื่อได้ยินคำพูดของแคทเธอริน หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนถึงได้วางใจลง แต่พอคิดไปคิดมา เรื่องนี้มันไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่นี่

พวกเขาไม่รู้จักกับแคทเธอรินเลยด้วยซ้ำ แล้วเธอรู้ชื่อของหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนได้ยังไง?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท