NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1212 สารภาพรัก

บทที่ 1212 สารภาพรัก

“เฟย บอดี้การ์ดคนนี้ไม่ใช่คุณจ้างมาเองหรอกเหรอ?” ถึงแม้ที่ราฟาเอลพูดเมื่อสักครู่จะไม่สมบูรณ์ แต่จ้าวเทียนหลินก็ได้ฟังอะไรบางอย่างออกมาได้บ้าง

ถึงว่าทำไมบอดี้การ์ดคนนั้นถึงได้ไม่ชอบเขาเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นคนที่ศัตรูหัวใจส่งมานี่เอง แค่ฟังจากความหมายของฉินวี่เฟยแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบเจ้านายของบอดี้การ์ดนี่สักเท่าไหร่

“ไม่ใช่” ฉินวี่เฟยไม่ค่อยอยากจะพูดเรื่องราฟาเอลกับจ้าวเทียนหลินสักเท่าไหร่นัก น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็ค่อนข้างจะเย็นยะเยือก

“ในเมื่อคุณไม่อยากจะพูดมันกับผม งั้นผมก็จะไม่ถามแล้ว วันนี้กว่าจะได้อยู่กับคุณสองต่อสอง ไม่รู้ว่าหลังจากที่ทานข้าวเสร็จ คุณพอจะให้หน้าผม ไปดูหนังกับผมสักเรื่องหน่อยได้ไหม?”

ถึงแม้จ้าวเทียนหลินจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็เข้าใจอารมณ์ของผู้หญิงเป็นอย่างดี เขาฟังออกว่าฉินวี่เฟยกำลังหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้ ก็เลยไม่ถามต่อ แต่หันไปคิดหาวิธีว่าจะเพิ่มความสัมพันธ์กับระหว่างตัวเองกับฉินวี่เฟยอย่างไรแทน

ฉินวี่เฟยจะไม่เข้าใจความคิดของจ้าวเทียนหลินได้ยังไง เดิมทีหญิงโสดชายโสดไปดูหนังด้วยกันนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่รู้ว่าทำไมฉินวี่เฟยถึงไม่ค่อยเต็มใจนัก เธอเงียบไปสักพัก และยังคงปฏิเสธจ้าวเทียนหลินไปอย่างอ้อมค้อม: “ฉันไม่ค่อยชอบไปในที่ที่มีคนเยอะนะค่ะ”

“นั่นมันไม่ใช่ปัญหา ถ้าหากคุณไม่ชอบไปในที่ที่มีคนเยอะ ผมก็สามารถเหมาโรงได้ ถ้าหากคุณไม่ชอบไปโรงภาพยนตร์สาธารณะ ผมก็สามารถพาคุณไปที่โรงภาพยนตร์ส่วนตัวของผมได้ เฟย คุณเข้าใจความหมายของผม ผมหวังว่าคุณจะให้โอกาสผมสักครั้ง ให้ผมได้รักคุณทะนุถนอมคุณ”

ตามจีบฉินวี่เฟยมานานขนาดนี้ จ้าวเทียนหลินก็ไม่อยากจะถอยให้แล้ว ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะมีฐานะไม่เลว เมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่นแล้วก็ค่อนข้างจะโดดเด่น แต่เขาจ้าวเทียนหลินก้ไม่ขาดผู้หญิง

ในสายตาของจ้าวเทียนหลินแล้ว ตัวเองได้อดทนตามจีบเธอมาแสนนาน ถ้าหากฉินวี่เฟยยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก นั่นก็คือไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด

ฉินวี่เฟยเกร็งมือของตัวเองที่ถูกจ้าวเทียนหลินจับเอาไว้ ภาพหลี่ฝางอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแวบขึ้นมาในสมอง ความรู้สึกอยากจะเอาคืนพลันผุดขึ้นมาในใจของเธอ และได้จับพลัดจับผลูรับปากจ้าวเทียนหลินไป: “งั้นก็ได้……”

“เยี่ยมไปเลย เฟย ขอบคุณที่ให้โอกาสผม” เมื่อเห็นฉินวี่เฟยพยักหน้า ภายในใจของจ้าวเทียนหลินนั้นได้ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อนึกถึงว่าอีกไม่นานตัวเองก็จะได้ครอบครองฉินวี่เฟย ร่างกายก็ได้รู้สึกร้อนวูบขึ้นมา

แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ความเป็นสุภาพบุรุษอ่อนน้อมถ่อมตนของตัวเอง จ้าวเทียนหลินทำได้เพียงระงับความปรารถนาที่อยู่ในใจ พยายามรักษาท่าทางสำรวมของตัวเองเอาไว้

ไม่นานฉินวี่เฟยและจ้าวเทียนหลินก็ได้มาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นที่ว่า ที่จริงแล้วฉินวี่เฟยเคยได้ยินชื่อร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้มาก่อน อยู่ที่เมืองตงไห่ก็มีชื่อเสียงไม่เบา นอกจากนี้ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้ยังรับลูกค้าแค่วันละยี่สิบคน ต้องการทานอาหารที่นี่ อย่างน้อยจะต้องนัดล่วงหน้าหนึ่งเดือน

จ้าวเทียนหลินสามารถจองที่ของร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้ได้ ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตระกูลได้แล้ว

“คุณชายจ้าวเชิญทางนี้ค่ะ” ทันทีที่พวกฉินวี่เฟยลงจากรถ พนักงานสาวสวมชุดกิโมโนก็ได้เข้ามาต้อนรับ นำทางให้พวกเขาอย่างเคารพนอบน้อม

“เฟย คุณคิดว่าร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้เป็นยังไงบ้าง?” จ้าวเทียนหลินคิดหาหัวข้อที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับฉินวี่เฟยมาตลอดทาง

เมื่อได้ยินที่เขากล่าว ฉินวี่เฟยถึงได้พิจารณาร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้ขึ้นมาอย่างจริงจัง มันตั้งอยู่ในใจกลางชุมชนคนมีเงินแห่งเมืองตงไห่ ถึงร้านจะไม่ใหญ่มากนัก แต่กลับมีพื้นที่โดยรวมกว่า 4,000 ตารางเมตร มีพื้นที่สีเขียวที่ดีมากเลยทีเดียว บูรณะสถาปัตยกรรมโบราณของญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นอกจากนี้พนักงานในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้ ล้วนเป็นหญิงสาวชาวญี่ปุ่นขนานแท้ หน้าตาไม่นับว่างามล่มเมือง แต่ก็นับว่าเหนือชั้น มีศิลปินมืออาชีพคอยทำการแสดง เพลงที่ทำการแสดงยังเป็นเพลงที่มีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นอีกด้วย

ทั่วทั้งร้านอาหารมีคุณภาพอยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้คนรู้สึกรื่นรมย์ แต่สำหรับสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมเช่นนี้ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ฉินวี่เฟยกลับไม่ชอบสักเท่าไหร่นัก คิดอยู่สักพักจึงได้กล่าวตามจริง

“สภาพแวดล้อมเงียบสงบ ฉันชอบมาก แต่ฉันไม่ค่อยชอบคนญี่ปุ่นสักเท่าไหร่”

“เอิ่ม……เป็นแบบนี้เองเหรอ งั้นครั้งหน้าพวกเราไม่มาแล้ว” จ้าวเทียนหลินคิดไม่ถึงว่าฉินวี่เฟยจะตอบตัวเองเช่นนี้ เขามีท่าทางเคอะเขินไปชั่วขณะ

ในขณะที่ทานอาหารนั้น ทั้งสองคนไม่ได้มีการสื่อสารอะไรมากนัก และส่วนมากจะเป็นจ้าวเทียนหลินที่เป็นคนพูดมากกว่า ฉินวี่เฟยฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ

นั่นมันทำให้จ้าวเทียนหลินท้อแท้เล็กน้อย ตามจีบมาเดือนกว่า เขากลับไม่ได้มีความคืบหน้าอะไรเลย

จะต้องรู้ว่าเขาได้เดิมพันกับคุณชายลูกเศรษฐีพวกนั้นเอาไว้ บอกว่าจะต้องเอาฉินวี่เฟยมาครอบครองให้ได้ภายในสองเดือน นี่เวลาก็ได้ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว เขากับฉินวี่เฟยไม่เคยแม้แต่จับมือกันด้วยซ้ำ นี่ถ้าแพร่งพรายออกไปคงไม่ถูกคนหัวเราะเยาะเอาหรอกเหรอ?

“เฟย ผมมีคำถามหนึ่งไม่รู้ว่าควรจะถามไหม แต่ผมอยากรู้จริง ๆ คุณจะตอบผมหน่อยได้ไหม?” จ้าวเทียนหลินวางอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารในมือลง และมองฉินวี่เฟยอย่างจริงจัง

“คำถามอะไร? คุณพูดมาก่อน” คลับคล้ายคลับคลา ฉินวี่เฟยทายว่าจ้าวเทียนหลินต้องการถามเรื่องของตัวเองกับหลี่ฝาง

“ผมได้ยินคนอื่นพูดมาว่า คุณเคยคบกับผู้ชายที่ชื่อหลี่ฝางมาก่อน ถึงขั้นที่ได้คุยกันเรื่องแต่งงานแล้ว ผมแค่อยากจะถามคุณว่า มันใช่เรื่องจริงหรือเปล่า?”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจ้าวเทียนหลินแล้วฉินวี่เฟยก็ได้เงียบไป มือทั้งสองข้างกำแน่นโดยไม่ตั้งใจ จริง ๆ แล้วในสายตาของคนอื่น หลี่ฝางไม่ได้ปรากฏตัวในเมืองตงไห่มาเกือบครึ่งปีแล้ว

หลายคนต่างก็ได้พูดลับหลัง บอกว่าหลี่ฝางได้ทิ้งฉินวี่เฟยไป และมีบางคนที่ถามฉินวี่เฟยเป็นนัย ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉินวี่เฟยก็ไม่เคยตอบเลยสักครั้ง

ตอนนี้จ้าวเทียนหลินได้ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉินวี่เฟยและหลี่ฝางซึ่ง ๆ หน้า ฉินวี่เฟยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

“เฟย ถ้าคุณไม่อยากจะตอบ งั้นก็ถือว่าผมไม่ได้ถามแล้วกัน ผมไม่สนว่าคุณกับหลี่ฝางได้ผ่านอะไรมาด้วยกันบ้าง มันล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผม ผมรู้เพียงว่าผมชอบคุณในตอนนี้ คุณเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ ผมชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับคุณ เฟย คุณเป็นแฟนกับผมได้ไหม?”

ดูจากท่าทางลังเลพูดไม่ออกของฉินวี่เฟยแล้ว จ้าวเทียนหลินก็เดาได้แล้วว่าฉันวี่เฟยได้เลิกกับหลี่ฝางแล้ว มั่นใจว่าฉินในตอนนี้ฉินวี่เฟยเป็นโสด จ้าวเทียนหลินก็ยิ่งมีความมั่นใจขึ้นไปอีก ถึงขนาดคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น และสารภาพรักกับฉินวี่เฟยอย่างลึกซึ้ง

ฉินวี่เฟยที่กำลังจมอยู่ในความรู้สึกถูกการสารภาพรักอย่างกะทันหันของเขาทำให้ตกใจ จ้องมองจ้าวเทียนหลินที่แววตาเต็มไปด้วยความรักอย่างตกตะลึง

นี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว ฉินวี่เฟยไม่ได้มีการเตรียมตัวเลยสักนิด ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น ถูกจ้าวเทียนหลินสารภาพรักแบบนี้ จะต้องตอบตกลงด้วยความดีอกดีใจไปนานแล้ว แต่หัวใจของฉินวี่เฟยในตอนนี้กลับสับสนยิ่งนัก

เธอเองก็ไม่ชัดเจนเหมือนกันว่าคิดยังไง ตามหลักเธอได้เลิกรากับหลี่ฝางไปแล้ว จะเริ่มต้นความรักใหม่ก็ไม่ผิดอะไร แต่หัวในของฉินวี่เฟยกลับต่อต้านจ้าวเทียนหลิน

“คุณชายจ้าว คุณ……คุณกะทันหันเกินไป ฉันยังไม่พร้อม เอ่อคือ……”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท