NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1214 ผลักเธอจนล้ม

บทที่ 1214 ผลักเธอจนล้ม

คิดไม่ถึงว่าฉินวี่เฟยและหยางฉงจะเจอกันในสภาพเช่นนี้

“พี่ พี่ พี่สะใภ้วี่เฟย? ทำ ทำไมคุณก็อยู่ที่นี่ด้วยล่ะ?” หนึ่งหมัดของไท่ซางต่อยจนนักรบชาวญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้เขาที่สุดลอยออกไป ดวงตาเบิกกว้าง

นี่มันอะไรกันเนี่ย? ราฟาเอลล่ะ? ทำไมถึงไม่ได้อยู่กับฉินวี่เฟย? ผู้หญิงสองคนนี้อยู่ด้วยกัน จะเกิดเรื่องขึ้นหรือเปล่าเนี่ย?

ไท่ซางรู้สึกว่าชาติที่แล้วตัวเองจะต้องทำบาปมาแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นจะมาพบพี่ใหญ่อย่างหลี่ฝางในชาตินี้ได้ยังไง ตัวเองไปสร้างหนี้รักไปไม่พอ แล้วยังทิ้งความยุ่งเหยิงนี้ไว้ให้เขาจัดการ

“แค่มาทานข้าวเอง เรื่องนี้ขอบคุณพวกคุณมาก ฉันไปก่อนล่ะ” ฉินวี่เฟยกล่าวอย่างแข็งกระด้าง ตอนนี้หัวใจของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด สูญเสียความสามารถในไตร่ตรองไปโดยสิ้นเชิง

ที่พวกโหจื่อปกป้องผู้หญิงคนนี้ ก็หมายความว่าพวกเขารู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของแฟนอีกคนของหลี่ฝางแล้ว หลี่ฝางที่สมควรตาย ทางนั้นยังบอกกับเหลียงเชี่ยนว่าเมื่อเสร็จภารกิจจะกลับมาตามจีบตัวเองใหม่ ทางนี้ก็ได้พาแม่สาวคนสายกลับมาที่เมืองตงไห่แล้ว

เขาหมายความว่ายังไงกันแน่? เห็นตัวเองเป็นคนโง่หรือยังไง? แถมยังบอกว่าต้องการให้บ้านยืนหยัดอย่างมั่นคง ธงแดงโบกสะบัดอยู่ด้านนอก?

ฉินวี่เฟยยิ่งคิดยิ่งโมโห เธอแทบอยากจะวิ่งเข้าไปอยู่ที่ด้านหน้าของหลี่ฝางในตอนนี้ และสั่งสอนเขาหนัก ๆ เธอรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองได้รับบาดเจ็บหนักอีกครั้ง และยิ่งผิดหวังกับความรักในครั้งนี้ขึ้นไปกว่าเดิม

“เอ่อ……คุณหนูฉินรอเดี๋ยวก่อน……” หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้ว ทันใดนั้นหยางฉงก็ได้ร้องเรียกหยุดฉินวี่เฟยเอาไว้

ความจริงแล้วสถานการณ์ในวันนี้ก็อยู่นอกเหนือความคาดหมายของหยางฉง หลายวันมานี้เธอและหวางซีเหยาได้อยู่ที่สถานตากอากาศตลอดเวลา น้อยมากที่จะออกมาข้างนอก วันนี้ที่ได้มาที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้ ก็เพราะโรคสมาธิสั้นของหวางซีเหยาอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ อยากจะออกมาเดินเล่นบ้าง หยางฉงถึงได้พาพวกโหจื่อและไท่ซางมาที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้

แต่พวกเขาพึ่งจะนั่งได้ไม่นาน จู่ ๆ พวกนักรบถือดาบซามูไรก็บุกเข้ามา เหมือนจะเป็นคู่อริที่หลี่ฝางสร้างขึ้นเมื่อตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น เมื่อรู้ว่าหลี่ฝางได้ไปที่ซากปรักหักพังลึกลับ ก็เลยส่งคนมาแก้แค้น

โหจื่อและไท่ซางพลางคุ้มครองหยางฉงและหวางซีเหยาถอยออกไปด้านนอกพลางสู้กับนักรบพวกนั้น พึ่งจะมาถึงห้องโถงที่ชั้นหนึ่งก็พบเข้ากับฉินวี่เฟย

“คุณหนูท่านนี้ เหมือนว่าฉันจะไม่รู้จักคุณนะ ไม่รู้ว่าคุณเรียกฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?” เดิมทีฉินวี่เฟยไม่คิดจะสนใจหยางฉง แต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจกลับไม่ยอมอ่อนข้อขึ้นมา ก็เลยหยุดฝีเท้าลง และหันไปมองฉินวี่เฟยอย่างเย็นชา

ทั้งสองคนสูงพอ ๆ กัน เพียงแต่ว่าหยางฉงกำลังท้องอยู่จึงได้สวมรองเท้าส้นแบน ส่วนฉินวี่เฟยสวมรองเท้าส้นสูง ดังนั้นในตอนที่พวกเธอยืนอยู่ด้วยกัน จึงรู้สึกว่าฉินวี่เฟยสูงกว่าหยางฉงเล็กน้อย

หยางฉงพิจารณาฉินวี่เฟยที่ยืนอยู่ด้านหน้าของตัวเองอย่างละเอียด พลันพบว่าโครงหน้าของฉินวี่เฟยนั้นเหมือนกับตัวเองมาก เพียงแค่หน้าตาของฉินวี่เฟยสวยกว่าเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเหมือนดอกกุหลาบสีแดงที่ร้อนแรงงดงาม แต่อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าของหยางฉงค่อนข้างกระจุ๋มกระจิ๋ม ราวกับดอกลิลลี่ที่ถูกน้ำค้างในยามเช้า

ก่อนที่จะพบกับฉินวี่เฟยนั้น หยางฉงอยากรู้มาโดยตลอดว่าผู้หญิงแบบไหนกันแน่ ถึงได้ทำให้หลี่ฝางรักมานานหลายปี ตอนนี้ได้เจอ เธอเองก็เข้าใจแล้ว

ผู้หญิงที่มีเสน่ห์ส่องประกายแพรวพราวไปทั่วร่างกายของฉินวี่เฟย ถ้าหากเธอเป็นผู้ชาย ก็คงจะต้องตกหลุมรักฉินวี่เฟยเหมือนกันสินะ

นอกจากนี้ในที่สุดหยางฉงก็รู้แล้วว่าทำไมหลี่ฝางถึงได้ตกหลุมรักตัวเอง เพราะเธอมีหน้าตาคล้ายกับฉินวี่เฟย ที่แท้ถึงแม้หลี่ฝางจะสูญเสียความทรงจำไป แต่คนที่หลี่ฝางรักจากจิตใต้สํานึกก็ยังคงเป็นฉินวี่เฟย

นึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ หยางฉงก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในหัวใจ ถึงขนาดทำให้คนที่มีฐานะทางครอบครัวดีมาตั้งแต่เด็กอย่างเธอเกิดความรู้สึกต่ำต้อยขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้น เธอถึงขั้นอิจฉาริษยาฉินวี่เฟยขึ้นมาเล็กน้อย

ทำไมคนที่รู้จักกับหลี่ฝางก่อนไม่ใช่ตัวเอง?

ในขณะที่หยางฉงพิจารณาฉินวี่เฟยอยู่นั้น ฉินวี่เฟยเองก็ได้จับตาดูเธอเช่นกัน นอกจากนี้สิ่งที่หยางฉงไม่ทราบก็คือ ในขณะที่เธออิจฉาริษยาฉินวี่เฟยอยู่นั้น ในใจของฉินวี่เฟยเองก็อิจฉาเหมือนกัน

ฉินวี่เฟยจ้องมองหยางฉงที่แต่งหน้าบาง ๆ แววตาซับซ้อน มิน่าหลี่ฝางถึงได้หลงรักเธอ ทั่วทั้งร่างของผู้หญิงคนนี้แผ่ซ่านไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้คนเห็นแล้วอยากจะปกป้องเธอ

บางทีในสายตาของผู้ชาย ผู้หญิงแบบนี้ถึงนับว่าเป็นผู้หญิงจริง ๆ

ฉินวี่เฟยยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ถึงขนาดเกิดความรู้สึกเกลียดชังหยางฉงขึ้นมาเล็กน้อย เธอไม่อยากจะทะเลาะกับหยางฉงหรอกนะ รีบจากไปจะดีกว่า

“คุณหนูท่านนี้ ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวก่อนนะ” หลังจากที่พูดประโยคนี้จบ ฉินวี่เฟยก็หันหลังเดินจากไปทันที

ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะจากไปเพราะหลีกเลี่ยงการเกิดข้อพิพาทกับหยางฉง แต่น้ำเสียงที่เย็นชาและท่าทางไร้ความรู้สึกของเธอทำให้หยางฉงเกิดเข้าใจผิดขึ้นมา

หยางฉงคิดว่าเธอจากไปเพราะรังเกียจตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อจับมือของฉินวี่เฟยเอาไว้ ส่วนฉินวี่เฟยเองก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะเข้ามาจับตัวเอง จึงได้ออกแรงเหวี่ยงออกไปโดยสัญชาตญาณ

เดิมทีสถานการณ์การต่อสู้ก็วุ่นวายอยู่แล้ว บวกกับที่หยางฉงอาเจียนออกมาจนหมดแรง ถูกฉินวี่เฟยออกแรงเหวี่ยงออกไปแบบนี้ ร่างของเธอก็ได้ล้มลงไปบนพื้น

“โอ๊ย……เหยาเหยา ฉันเจ็บท้องจังเลย!” หลังจากที่ล้มลงไปบนพื้น หยางฉงก็รู้สึกเจ็บที่ท้องน้อยอย่างแรง เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเธอ

“พระเจ้า! เสี่ยวฉงเธอมีเลือดไหลออกมา!” หวางซีเหยามองเห็นสีแดงสะดุดตาที่อยู่บนชุดกระโปรงสีขาวของหยางฉง ก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที

ฉินวี่เฟยเองก็ตกใจเหมือนกัน ต่อให้เธอไม่เข้าใจยังไง ก็สามารถคาดเดาสถานการณ์ของหยางฉงได้ ภายในใจทั้งร้อนรนทั้งเสียใจ ที่ร้อนรนเพราะตัวเองได้ทำให้หยางฉงล้มลงโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่เสียใจเพราะคิดไม่ถึงว่าหยางฉงจะท้องลูกของหลี่ฝาง

“พี่สะใภ้! พี่สะใภ้คุณเป็นอะไร?” จัดการกับนักรบชาวญี่ปุ่นคนสุดท้ายเสร็จ เมื่อไท่ซางเห็นท่าทางของหยางฉงก็ร้อนรนขึ้นมาเหมือนกัน จึงได้รีบอุ้มหยางฉงขึ้นมาจากพื้น และวิ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว

“นี่! ฉินวี่เฟย! เธออย่าคิดหนีนะ! เป็นเธอที่ผลักเสี่ยวฉงล้มลงไป ถ้าเสี่ยวฉงและลูกบุญธรรมของฉันเป็นอะไรไปล่ะก็ ฉันจะไม่จบง่าย ๆ แน่!”

หวางซีเหยาจ้องมองฉินวี่เฟยที่ยืนตะลึงงันอยู่กับที่พลางกล่าวข่มขู่ด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร

“ฉัน……ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษ……” ในเวลานี้ฉินวี่เฟยไม่รู้ว่าควรพูดอะไรแล้ว ในหัวของเธอเต็มไปด้วยเรื่องที่หยางฉงท้องลูกของหลี่ฝาง

ในตอนที่เธอได้สติกลับคืนมา พบว่าตัวเองไม่รู้ว่าตัวเองได้มาอยู่ที่โรงพยาบาลสุขภาพแม่และเด็กแห่งเมืองตงไห่กับพวกโหจื่อตั้งแต่เมื่อไหร่

มองดูไฟฉุกเฉินที่ส่องแสงสว่างจ้าอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัด หัวใจของฉินวี่เฟยก็กระดอนขึ้นมาถึงลำคอ เธอสวดอ้อนวอนให้กับหยางฉงอยู่ภายในใจอย่างเงียบ ๆ หวังว่าหยางฉงจะไม่เป็นอะไร

ไม่ว่าจะยังไง เด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าเธอกับหลี่ฝางและผู้หญิงคนนี้จะมีบุญคุณและความแค้นอะไรกัน ก็จะทำร้ายเด็กไม่ได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน