NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1229 ยอมแพ้

บทที่ 1229 ยอมแพ้

เสือดำที่อยู่ตรงหน้าของทั้งคู่เสี้ยววินาทีกลับปรากฏตัวด้านหลังท่านชายป๋ายยู่ ในตอนนี้ร่างกายของเขาเหมือนกับสัตว์ประหลาดมากขึ้นไปทุกที อ้าปากคิดที่จะกัดเข้าที่ลำคอของท่านชายป๋ายยู่

“ป๋ายเจินเจิน! ระวัง!” นักพรตเต้าฝ่าใช้กำลังอย่างแรง ลากท่านชายป๋ายยู่ไว้ที่ด้านหลังของเขา แต่แขนของเขาหลบไม่ทันถูกเคี้ยวของเสือดำบาดเข้า ทันใดนั้นเลือดสีแดงสดย้อมชุดของเขาไปกว่าครึ่ง

“ไอ้หมาจาง!ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?” ท่านชายป๋ายยู่รีบลากนักพรตเต้าฝ่าให้ออกห่างจากเสือดำ

นักพรตเต้าฝ่าหยิบยันต์สีเหลืองออกมายัดเข้าปาก ก่อนที่จะจิ้มที่แขนของตนเองหลายที ห้ามเลือดเอาไว้ได้

“ไอ้ตัวนี้มันประหลาดมาก เราต้องรีบจบให้เร็วที่สุด! ป๋ายเจินเจิน เราไม่ได้ร่วมมือกันมานานหลายปี ไม่รู้ว่ายังมีความเข้าอกเข้าใจกันไหม ประเดี๋ยวแกต้องตามกระบวนท่าของฉันให้ทันนะ”

นักพรตเต้าฝ่าต่างจากนักรบทั่วไป เขาเป็นศิษย์ของสำนักภูเขาเสือ มีความสามารถหยินหยางของเต๋าที่ทรงพลัง ยันต์สีเหลืองสามารถทำให้เขาที่ได้รับบาดเจ็บฟื้นฟูกำลังได้อย่างรวดเร็ว เลือดเนื้อนอกอาบในทีแรกค่อยๆ สมานกันอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินประโยคของเขา ท่านชายป๋ายยู่เผยรอยยิ้มความมั่นใจ นัยน์ตาของเขาขรึมขึ้นมา “ความสามารถของฉันแกสบายใจเถอะ กลัวก็แต่เดี๋ยวแกจะเป็นตัวถ่วงของฉัน!”

จบประโยค ท่านชายป๋ายยู่คำรามอย่างเกรี้ยวกราด พลังพวยพุ่ง พลังงานแผ่ออกไปทุกหนแห่ง พัดพาลมอันรุนแรง ทำให้หงส์แดงและคนอื่นๆ ที่อยู่ห่างออกไปพันลี้ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่

เขาควักเอากระบี่อ่อนออกมาจากเอว พุ่งไปทางเสือดำอย่างเยือกเย็น

นักพรตเต้าฝ่าเองก็หยิบเอากระดาษยันต์ออกมาหนึ่งปึก ท่องอุบอิบพร้อมตามขึ้นไปติดๆ

พริบตาทั้งสามสู้กันเป็นวง ว่องไวจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การต่อสู้ที่ไม่ถึงสามนาทีแท้ๆ แต่ในสายตาของทุกคนราวกับว่าผ่านไปแสนนาน

เสือดำที่อวดเบ่งในทีแรกเริ่มรับมือไม่ไหว ภายใต้การโจมตีของเงาร่างสีขาวและสีเขียวทั้งสองราวกับสัตว์ร้ายติดกับ จอห์นและนิคไม่คิดเลยว่าสองคนนั้นที่ดูเหตุการณ์จะมีฝีมือที่ไร้เทียมทานขนาดนี้ ทีแรกพวกเขาคิดว่าจัดการพวกหลี่ต๋าคางและมังกรฟ้าให้สิ้นซากก็พอแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกลางคัน

“นิค! ถึงเวลาแล้ว! ถ้ายังไม่ฉีดยาระงับให้กับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่จะกลับมาไม่ได้อีก!” จอห์นจ้องมองนาฬิกาที่ข้อมือของเขา เวลาค่อยๆ แปรผัน เขาไม่สามารถทนรอต่อไปได้อีก

คุณค่าของพวกเขาทั้งสามมากกว่าหลี่ฝางมาก หากพวกเขาจบลงที่นี่เพราะต่อกรกับหลี่ฝางละก็ การสูญเสียนี้สำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างใหญ่มากโข

นิคจ้องมองเสือดำที่เริ่มขาดการควบคุม กัดฟันกรอดนัยน์ตาฉายแววไม่พอใจ “จอห์น พาพี่ใหญ่ถอยทัพ!”

จอห์นรอคำนี้มานานแล้ว ไม่ทันที่นิคจะจบประโยค เขาก็มุ่งไปทางเสือดำเสียแล้ว ฉีดยาระงับสามเข็มเข้าที่ลำคอของเสือดำ อีกฝ่ายถึงได้ค่อยๆ สงบลง

“อ้าว มีผู้ช่วยมาด้วย จัดการทีเดียวเลยแล้วกัน” ท่านชายป๋ายยู่กำลังสนุก ไม่คิดเลยว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะถูกควบคุมเสียได้ ในใจของเกิดไม่พอใจเล็กน้อย

กำลังคิดที่จะจู่โจม นิคก็ลอยมาทางนี้ด้วยรอยยิ้มหยัน “ท่านทั้งสอง เราเป็นนักรบจากประเทศญี่ปุ่น การมาประเทศจีนในครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินท่าน นี่เป็นเพียงความบาดหมางส่วนตัวของเรากับตระกูลหลี่เท่านั้น ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองจะใจกว้าง ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหม?”

ประเทศญี่ปุ่น?

นักพรตเต้าฝ่าและท่านชายป๋ายยู่เมื่อได้ยินประโยคนั้นมองหน้ากัน ก่อนที่นักพรตเต้าฝ่าจะจ้องมองนิคพร้อมกล่าวถาม

“ในเมื่อพวกคุณเป็นคนญี่ปุ่น ถ้างั้นพานาโซนิค ซากุระงิเป็นอะไรกับแก?”

เมื่อนิคได้ยินชื่อพานาโซนิค ซากุระงิก็นิ่งไปเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่รู้ว่าพวกเขาถามเรื่องนี้ไปทำไมกัน แต่ก็ตอบไปตามความจริง

“เป็นอาจารย์ปู่ของเรา แต่อาจารย์ปู่อายุมากแล้ว ออกจากวงการต่อสู้ไปนานแล้ว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของวงการต่อสู้อีก”

“ดูเหมือนว่าวงการต่อสู้ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ไม่คิดเลยว่าคนรุ่นหลังของพานาโซนิค ซากุระงิจะคิดค้นยาที่อันตรายแบบนี้ เอาเถอะ วันนี้เราสองคนเห็นแก่พานาโซนิค ซากุระงิปล่อยพวกแกไป หลังจากนี้หากเราพบว่าพวกแกก่อปัญหาที่ประเทศจีนอีก อย่าคิดที่จะมีชีวิตกลับไปที่ประเทศญี่ปุ่นอีก”

ท่านชายป๋ายยู่กล่าว ก่อนเก็บดาบอ่อน โบกมือให้กับนิค ให้พวกเขาออกไป

แม้นักพรตเต้าฝ่าจะไม่พูดอะไร แต่ก็หลบไปด้านข้าง ถือว่ายอมรับการกระทำของท่านชายป๋ายยู่

นิครู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้สภาพของพวกเขาจะอยู่นานไม่ได้ หากอยู่ต่อไป พวกเขาสามคนคงจะต้องจบชีวิตที่นี่ เขาโค้งคำนับให้กับท่านชายป๋ายยู่และนักพรตเต้าฝ่า แบกเสือดำพร้อมกับจอห์นคิดที่จะจากไป

“รอเดี๋ยว! กูยังไม่ได้คิดบัญชีกับมึง คิดจะหนีงั้นหรือ? ไม่มีทาง!”

ในเวลานี้เอง เสียงของไท่ซางดังขึ้น พลังมหาศาลในหมัดเดียวของเขา โจมตีไปที่นิค

สภาพของนิคในตอนนี้แม้ว่าจะรับหมัดของไท่ซางได้ แต่จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ในขณะที่นิคยกแขนขึ้นเตรียมตอบโต้ จอห์นกลับยืนอยู่ข้างหน้าเขา รับหมัดที่ทรงพลังของไท่ซางแทนเขา

“แม่งเอ๊ย คืนพี่สะใภ้ของฉันมา!” ชายผิวขาวที่รับหมัดของเขาได้ สายตาของไท่ซางแทบลุกเป็นไฟ

ตลอดทางเขากับส้าวส้วยไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ไล่ตามฉินวี่เฟยมาตลอดทาง ใครจะไปรู้เขาเพิ่งมาถึงก็เห็นชาวต่างชาติหลายคนนี้กำลังจะหนีไป ไท่ซางไม่สามารถกลืนความโกรธแค้นนี้ได้เลย

จอห์นหน้านิ่งไม่พูดสักแอะ มุ่งไปที่ไท่ซางโดยไร้การเตรียมตัวแม้แต่น้อย ดีที่ส้าวส้วยสายตาหลักแหลม พุ่งที่ตัวไท่ซางอย่างรวดเร็ว รับหมัดแทนเขา

การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ ผลแพ้ชนะเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

ส้าวส้วยที่ต่อสู้กับจอห์นเองก็ต้องตกใจในพลังที่กล้าแกร่งนี้เช่นเดียวกัน หากสู้กับผู้ชายคนนี้ขึ้นมาจริงๆ ส้าวส้วยไม่กล้ารับประกันเต็มร้อยว่าจะชนะได้ ครั้งนี้เป็นความวู่วามของไท่ซางจริงๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท