NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1218 โหจื่อบาดเจ็บหนัก

บทที่ 1218 โหจื่อบาดเจ็บหนัก

การต่อสู้เช่นนี้ โหจื่อไม่สามารถยื่นมือเข้ามาได้ เขาก็เลยไม่เข้าร่วมด้วย จ้องมองไปที่รถตู้ติดจะหาโอกาสไปช่วยฉินวี่เฟยและหยางฉง

ร่างกายของโหจื่อพึ่งจะขยับ ชายที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่กับไท่ซางคนนั้นกลับมาปรากฏขึ้นตรงหน้าของโหจื่ออย่างไม่น่าเชื่อ เห็นเพียงชายคนนั้นยิ้มอย่างโหดเหี้ยมออกมา และซัดฝ่าเข้าไปที่หน้าอกของโหจื่อทันที

“โหจื่อ!” ไท่ซางเองก็คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนั้นจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เขาทำได้เพียงตีให้ฝ่ามือของผู้ชายคนนั้นเอียงไปเล็กน้อย แต่ไม่สามารถช่วยโหจื่อออกมาได้

โหจื่อลอยปลิวออกไปเหมือนดั่งใบไม้ที่ร่วงโรย ตกลงไปบนพื้นและกลิ้งอยู่หลายตลบ เลือดสด ๆ ไหลออกมาจากปากของเขา เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกรถบรรทุกคันใหญ่วิ่งทับ ทั่วทั้งร่างกายไม่มีตรงไหนที่ไม่เจ็บ

โดยเฉพาะบริเวณหน้าอก ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจทำให้เขาอยากจะเป็นลมไปในทันที

ชายคนนั้นถึงแม้จะทำให้ไท่ซางได้รับบาดเจ็บ แต่ไหล่ซ้ายของเขาก็โดนไท่ซางซัดไปหนึ่งครั้ง มือข้างนั้นเกือบจะใช้การไม่ได้ เขาที่เข้าใจสถานการณ์ก็ไม่สู้ต่อไป และถือโอกาสหนีไปในตอนที่ไท่ซางไม่สังเกตทันที

หลังจากที่การต่อสู้จบลง รถตู้ก็ได้ขับออกไปไกลแล้ว ไท่ซางมองดูแผ่นหลังของชายที่ได้หลบหนีไปก็โมโหกัดฟันแน่นจนฟันแทบแหลกละเอียด หลังจากที่ตะโกนด่าออกมาด้วยความโมโหหนึ่งครั้งแล้วก็รีบวิ่งไปดูอาการบาดเจ็บของโหจื่อทันที

“โหจื่อ! โหจื่อเป็นยังไงบ้าง? อดทนไว้นะ! ฉันจะส่งนายไปโรงพยาบาลตอนนี้เลย!” ยังดีที่การโจมตีเมื่อสักครู่ของไท่ซางทำให้ฝ่ามือของชายคนนั้นเอียงไป ทำให้ไม่โดนหน้าอกของโหจื่อเต็ม ๆ ไม่อย่างนั้นละก็ที่นอนอยู่บนพื้นตอนนี้คงเป็นร่างไร้วิญญาณ

“แค่ก ๆ ……พี่ไท่ซาง ผมแค่ก ๆ ……ผมเจ็บมากเลย……แค่ก ๆ ……ผมใกล้จะตายแล้วใช่ไหม?”

โหจื่อใบหน้าซีดเซียวนอนอยู่บนพื้น มองดูไท่ซางพลางถามอย่างขาด ๆ หาย ๆ เขาพูดไม่กี่คำก็มีเลือดสด ๆ ไหลออกมาจากปากของเขาแทบทุกครั้ง ไท่ซางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองแทบจะระเบิดออกมา

เขาอุ้มโหจื่อขึ้นมาจากพื้นอย่างระมัดระวัง พลางวิ่งไปทางโรงพยาบาลพลางพูดปลอบใจโหจิ่อไป: “นายพูดบ้าอะไรของนาย มีฉันอยู่จะให้นายตายได้ยังไง! โหจื่อ ฉันจะบอกนายให้นะ นายห้ามตายเด็ดขาด! ต่อให้นายตายไปแล้ว ฉันก็จะต้องไปหาพญายมเพื่อจับตัวนายกลับมา!”

ฟังเสียงที่ทรงพลังของไท่ซาง โหจื่อก็ยิ้มออกมา เลือดสด ๆ คำโตไหลทะลักออกมาจากปากของเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็ย้อมเสื้อผ้าของทั้งสองคนจนเป็นสีแดง

สติของโหจื่อเริ่มเลือนราง เรื่องราวในอดีตฉายซ้ำขึ้นมาในหัวของเขาเป็นตอน ๆ

เขายังไม่ได้แต่งงานเลย หาเงินได้ยังไม่มากพอ จะตายไปแบบนี้ได้ยังไง? ลูกพี่ เมื่อไหร่คุณจะกลับมา? ผมคิดถึงลูกพี่ ขอโทษด้วย ผมปกป้องพี่สะใภ้เอาไว้ไม่ได้ ขอโทษ ที่ผมไม่ได้ทำตามสัญญาของเรา

ลูกพี่ ผมขอโทษ……

วินาทีสุดท้ายก่อนที่ไท่ซางจะหมดสติไป เงาร่างของหลี่ฝางก็ได้ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา

ส่วนหลี่ฝางที่อยู่ไกลถึงซากปรักหักพังลึกลับ ก็เหมือนกับรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาที่กำลังเดินข้ามน้ำตกจู่ ๆ ก็ใจสั่นขึ้นมาอย่างแรง ความกังวลที่อธิบายไม่ได้ทำให้เขาหยุดฝีเท้าลง

“เป็นอะไรไปเหรอ?” กู่ยี่เทียนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของหลี่ฝาง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยถามขึ้นมา

หลี่ฝางส่ายหัว สลัดความกังวลที่อยู่ในใจออกไป: “ไม่มีอะไร ฉันแค่จู่ ๆ ก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา เหมือนกับว่าได้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น”

“อย่าคิดมากไปเลย อีกไม่นานพวกเราก็ต้องเข้าไปที่โลกใต้พิภพแล้ว จะต้องระวังให้มากถึงจะได้” เมื่อได้ยินที่หลี่ฝางกล่าว กู่ยี่เทียนก็ขมวดคิ้วแน่น

นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย

“อืม เข้าใจแล้ว” พูดประโยคนี้จบหลี่ฝางก็ได้เร่งฝีเท้าของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ทางเข้าโลกใต้พิภพอยู่อีกไม่ไกลนัก ตามอุปนิสัยของอาซาโทสแล้ว เขาจะต้องให้คนคอยเฝ้าประตูทางเข้าเอาไว้อย่างแน่นอน พวกเขาจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

“หลี่ฝาง แกมาแล้วจริง ๆ ด้วย!” ในตอนที่หลี่ฝางอยู่ห่างจากประตูทางเข้าเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรนั่นเอง เสียงที่คุ้นหูเสียงหนึ่งก็ดังลอยเขามาในหูของเขา

เมื่อได้ยินเสียงนั้นหลี่ฝางก็ยิ้มอย่างโหดเหี้ยมออกมา: “ฮอว์กินส์ ครั้งที่แล้วปล่อยแกไป คิดไม่ถึงว่าวันนี้แกยังกล้าเอาชีวิตมาให้อีก”

หลี่ฝางมองไปที่ฮอว์กินส์ที่ยืนอยู่บนโขดหินก้อนยักษ์ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม และเมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของฮอว์กินส์ก็เปลี่ยนไปทันที

“หลี่ฝาง อีกไม่นานฝ่าบาทก็จะทะลวงสู่แดนเทพได้แล้ว มดอย่างพวกแกรอความตายได้เลย!”

ศึกบนสะพานสายรุ้งเมื่อครั้งที่แล้ว พูดได้ว่าเป็นความอัปยศที่สุดในชีวิตของฮอว์กินส์ เขาไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ให้กับหลี่ฝาง ถ้าหากไม่ใช่เพราะอาซาโทสปรากฏตัวขึ้นได้ทันเวลา ฮอว์กินส์คงได้กลายเป็นหนึ่งในวิญญาณที่นับไม่ถ้วนภายใต้เงื้อมมือของหลี่ฝางแล้ว

ดังนั้นการเดินทางมาที่ซากปรักหักพังลึกลับ ในครั้งนี้ ฮอว์กินส์จะต้องมาให้ได้ เพื่อลบล้างความอับอายในครั้งก่อน

“เหอะ หมาตามตูดของอาซาโทสก็ได้เพียงเห่าคนอื่นเท่านั้นแหละ ครั้งที่แล้วแกโชคดี ที่สามารถรอดชีวิตไปได้ ครั้งนี้ แกจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

หลังจากที่หัวเราะอย่างเย็นชาออกมาหนึ่งครั้ง หลี่ฝางออกแรงที่เท้าทั้งสองข้าง ร่างของเขาก็ได้ลอยออกไป พุ่งเข้าไปทางฮอว์กินส์ เขาที่ตอนนี้อยู่ในขั้นครึ่งเทพระยะกลางไม่ได้เห็นฮอว์กินส์อยู่ในสายตาเลยสักนิด อัดเขานั้นง่ายไม่ต่างอะไรกับการเหยียบมดตัวหนึ่งให้ตาย

“หลี่ฝาง! ระวัง!” ในตอนที่หลี่ฝางอยู่ห่างจากฮอว์กินส์เพียงไม่กี่เมตรนั่นเอง ก็พบว่ากู่ยี่เทียนได้สังเกตเห็นที่ข้างกายของฮอว์กินส์จู่ ๆ ก็มีเงาร่างสามสายปรากฏขึ้นมา ขณะที่ร้องเตือนหลี่ฝางเสียงดัง ตัวเองก็ได้รีบตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว

หลี่ฝางเดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่ามีคนอื่นอยู่อีก เขามีปฏิกิริยาตอบสนองตั้งแต่วินาทีแรก

ปลายเท้าแตะพื้น เคลื่อนตัวหลบการโจมตีพร้อมของทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว

“โทชิโอะ คามิยะ คิดไม่ถึงว่าคุณก็มาด้วย” มองไปที่ชายชราไม้ใกล้ฝั่งที่อยู่ตรงหน้า หลี่ฝางหรี่ตาลงเล็กน้อย

ส่วนชาวต่างชาติผมสีทองสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โทชิโอะ คามิยะได้จ้องหลี่ฝางถมึงทึง คิดว่าทั้งสองคนคงเป็นหนึ่งในสิบสองอัศวินของอาซาโทสแล้ว

“ท่านหลี่ เป็นยังไงบ้าง” เมื่อเทียบกับความโกรธแค้นที่ฮอว์กินส์มีต่อหลี่ฝางแล้ว ท่าทีที่โทชิโอะ คามิยะมีต่อหลี่ฝางเหมือนกับสหายที่ไม่ได้เจอกันมานานมากกว่า

“เป็นยังไงบ้าง คิดไม่ถึงคุณก็ได้เข้ามามีส่วนกับเรื่องนี้ด้วย” ความประทับใจที่หลี่ฝางมีต่อโทชิโอะ คามิยะคนนี้ไม่เลวนัก เมื่อเทียบกับฮอว์กินส์แล้วโทชิโอะ คามิยะมีความเป็นมนุษย์มากกว่า

เดิมทีเขาคิดว่านักรบที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างโทชิโอะ คามิยะ จะไม่ยินยอมร่วมมือกับอาซาโทส คิดไม่ถึงว่าโทชิโอะ คามิยะยังคงมาแล้ว

“ฉันหยุดอยู่ที่แดนสุดกำลังภายในมาหลายปีมากแล้ว ไม่สามารถทะลวงขั้นมาโดยตลอด ต้องขอบคุณฝ่าบาทที่ทำให้ฉันมาถึงขึ้นครึ่งเทพได้ บุญคุณเช่นนี้ ฉันโทชิโอะ คามิยะก็ได้แต่ตอบแทนด้วยชีวิตแล้ว น้องหลี่ ครั้งนี้มีแค่พวกเราไม่กี่คน อย่าคิดว่าฉันจะออมมือให้”

หลังจากได้ฟังที่โทชิโอะ คามิยะกล่าวหลี่ฝางถึงได้พบว่าความแข็งแกร่งของเขาและตัวเองในเวลานี้ยากที่จะบอกได้ว่าใครร้ายกาจกว่านั้น การค้นพบในครั้งทำให้หัวใจของหลี่ฝางหนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้ง

อาซาโทสใช้วิธีอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้คนที่เดิมทีไร้วาสนากับขั้นครึ่งเทพอย่างโทชิโอะ คามิยะมาถึงระดับนี้ได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท