NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1227 กลายร่างเป็นครึ่งปีศาจประหลาด

บทที่ 1227 กลายร่างเป็นครึ่งปีศาจประหลาด

“สองคนนั้นที่สู้กับชาวต่างชาติผิวดำคือหลี่ต๋าคางกับมังกรฝ้าใช่ไหม? ให้ตาย ไม่คิดเลยว่าสองคนนี้จะร่วมมือกันได้”

“ตระกูลหลี่กับต้าเซี่ยหลงเช่ว มีความสัมพันธ์ทางด้านยุทธดีต่อกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พวกเขาจับมือกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ฉันสงสัยประวัติของต่างชาติผิวดำนั่นมากกว่า คนที่ต้องให้หลี่ต๋าคางและมังกรฟ้าจับมือกัน ความสามารถของเขาจะน่าเกรงขามแค่ไหน”

“ชาวต่างชาติผิวขาวคนนั้นก็ไม่ด้อยเลย สามารถต่อสู้กับหงส์แดง เสือขาว เต่าดำสามคนประลองอย่างไม่รู้ผลแพ้ชนะ ความสามารถของเขาอย่างนั้นต้องอยู่สูงสุดของแดนเต๋า”

“ฉันเดาว่าพวกเขาคงจะมุ่งไปที่หินคริสทัลในซากปรักหักพังลึกลับ ตอนแรกฉันคิดว่าฝีมือของฉันก็ไม่ด้อย เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วห่างไกลมาก ฉันว่าฉันไม่ไปที่ซากปรักหักพังเพื่อเป็นเศษขี้เถ้าดีกว่า เผ่นก่อนดีกว่าๆ ……”

“ฉันก็ด้วย กลับไปฝึกดีกว่า อย่าคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่เลย”

……

การต่อสู้ในครั้งนี้ดุเดือดอย่างมาก ในเวลาเดียวกันก็ทำให้นักรบที่อยู่ในระดับกลางละทิ้งความคิดที่จะไปซากปรักหักพังเพื่อชิงหินคริสทัล

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้คนที่รุมล้อมนับร้อยเหลือเพียงยี่สิบคนเท่านั้น

“ไอ้บ้า! ปล่อยฉันนะ!” ฉินวี่เฟยเห็นว่าเสือดำใช้เธอเป็นโล่กำบังอยู่ตลอด แถมหลี่ต๋าคางและมังกรฟ้ายังได้รับบาดเจ็บเพราะเธอ ภายใต้ความโกรธจึงกัดแขนของเสือดำเข้าอย่างจัง

เธอใช้แรงทั้งหมดที่มี ถึงแม้ความปวดเจ็บเช่นนี้สำหรับเสือดำแล้วจะไม่ระคายผิว แต่ก็เพียงพอที่จะเบี่ยงความสนใจของเขา

ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆ นี้ หลี่ต๋าคางและมังกรฟ้าก็ได้โอกาส ปล่อยคนละหมัดใส่แขนของเสือดำซ้ายขวา

พริบตาแขนของเสือดำทั้งสองข้างนองเลือดเนื้อฉีก มือที่เขาจับฉินวี่เฟยเองก็คลายออก

เมื่อไร้การควบคุมจากเสือดำ ฉินวี่เฟยร่วงหล่นลงมาจากหลายสิบเมตร เพราะแรงกระแทกอย่างหนัก ทำให้ฉินวี่เฟยหมดสติกับที่

หลี่ต๋าคางคิดที่จะไปช่วยฉินวี่เฟย เสือดำที่อยู่อีกด้านก็ปล่อยพลังอันแรงกล้า ทำให้หลี่ต๋าคางและมังกรฟ้าตัวปลิวออกไปสิบกว่าเมตร

ในตอนนี้คิดที่จะไปช่วยฉินวี่เฟยก็ไม่ทันแล้ว ในขณะที่ทุกคนคิดว่าโศกนาฏกรรมกำลังจะเกิดขึ้นนั้น เงาร่างสีขาวแว็บผ่าน อุ้มฉินวี่เฟยขึ้น ก่อนไปห่างจากสนามที่เกิดเหตุ

“แกเป็นใคร!” หลี่ต๋าคางสีหน้าดุดันจับจ้องที่ชายเสื้อคลุมสีขาวที่อุ้มฉินวี่เฟยเอาไว้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยการกล่าวเตือน

ต่างชาติสามคนนี้ยังจัดการไม่เสร็จ ทำไมถึงได้มีชายชุดคลุมสีขาวโผล่เข้ามาได้

“แค่ก วางใจเถอะ ฉันไม่มีจุดประสงค์ร้าย แค่รู้สึกว่าหญิงสาวที่สวยขนาดนี้ ไม่สมควรที่จะถูกลากเข้าไปอยู่ในสนามรบ” ชายเสื้อคลุมสีขาวกระแอมไป กล่าวกับหลี่ต๋าคางด้วยรอยยิ้ม

เมื่อจบประโยคของชายเสื้อคลุมสีขาว ไม่ทันที่หลี่ต๋าคางจะได้ปริปากเสียง ต้นเสียงที่หนักแน่นแล่นเข้าสู่แก้วหูของทุกคน

“ท่านชายป๋ายยู่ ไม่คิดเลยเวลาผ่านไปหลายปีท่านไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่เพียงแต่หน้าตาที่ไม่ได้เปลี่ยน แม้แต่ยุทธเองก็ไม่มีความก้าวหน้าด้วย

เมื่อหันกลับไปที่ต้นเสียง ก็ได้พบกับชายวัยกลางคนสวมชุดเขียวคนหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศ ตอนนี้เขามีใบหน้าเย้าแหย่จ้องมองท่านชายป๋ายยู่

“อ้าว นักพรตเต้าฝ่าเองหรือ เราไม่ได้เจอกันสามสิบปีแล้วใช่ไหม? เราสองคนนี่ไม่ต่างกันเลยนะ”

เมื่อท่านชายป๋ายยู่ได้ยินประโยคของนักพรตเต้าฝ่าไม่โมโหแม้แต่น้อย พลันหยิบพัดออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาเปิดพัดออก กล่าวอย่างเสียดแทง

“แม่งเอ๊ยใครเหมือนกับใครกัน แกมันไอ้หน้าจิ้งจอก ต่อหน้าเป็นสุภาพบุรุษ อันที่จริงก็แค่ชายวิตถารที่บ้ากาม!”

เห็นได้ชัดว่านักพรตเต้าฝ่าเป็นคนใจร้อน เพียงแค่ท่านชายป๋ายยู่เสียดแทงหน่อยก็ตกหลุมพรางเสียแล้ว ชี้หน้าด่ากราดท่านชายป๋ายยู่แล้ว

“โบราณว่าไว้ นงรามงามตรู สมคู่สุชน หญิงสาวที่งดงามขนาดนี้ แกไม่หวั่นไหวหรือไง?”

ท่านชายป๋ายยู่กล่าวพร้อมเอื้อมมือทัดปอยผมบนใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของฉินวี่เฟย นักพรตจ้องมองฉินวี่เฟยทั้งเขินอายทั้งโมโห

“ฉัน ชอบของฉันเพียงแค่ชื่นชมเท่านั้น แกคิดว่าเหมือนแกหรือไง ไอ้วิตถารที่น่ารังเกียจ!”

“เหอะ ชอบของแกเพียงแค่ชื่นชมเท่านั้นหรือ ชอบของชอบน่ารังเกียจใช่ไหม? ไอ้หมาจาง แกอย่าสองมาตรฐานขนาดนี้จะได้ไหม?”

ถูกคนอื่นด่าว่าเป็นชายวิตถารอยู่ตลอด ท่านชายป๋ายยู่เองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นเดียวกัน พลันหัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมเหยียดหยาม

ชื่อไอ้ไอ้หมาจางเป็นสิ่งที่ต้องห้ามที่สุดของนักพรตเต้าฝ่า ตั้งแต่เขามีชื่อเสียงก็ไม่มีใครกล้าเรียกเขาชื่อนี้อีกเลย วันนี้ท่านชายป๋ายยู่เรียกชื่อนี้ต่อหน้าคนมากมาย เท่ากับตบหน้าของเขาต่อหน้าทุกคนเห็นๆ

“ป๋ายเจินเจิน ฉันจะฆ่าแก!” ฆ่าได้หยามไม่ได้ นักพรตเต้าฝ่าคำรามอย่างโกรธแค้นก่อนเริ่มการโจมตี

“เข้ามาสิ คิดว่าฉันกลัวแกจริงๆ หรือ?” เมื่อได้ยินนักพรตเต้าฝ่าเรียกชื่อจริงของเขา ท่านชายป๋ายยู่เองก็มีน้ำโหขึ้นมาเช่นเดียวกัน

เมื่อสมัยยังหนุ่มท่านชายป๋ายยู่หน้าตาสะสวย แถมยังมีเชื่อเหมือนผู้หญิง ตอนนั้นมีคนมากมายต่างหยอกล้อกลั่นแกล้งเขา

เสียงของนักพรตเต้าฝ่าเหยียบระเบิดของท่านชายป๋ายยู่เข้าเต็มๆ ทำให้ท่านชายป๋ายยู่ฟิวส์ขาดโดยสมบูรณ์

“พวกแกพูดจบหรือยัง? ส่งเธอคืนมาซะ!”

ในขณะที่ท่านชายป๋ายยู่และนักพรตเต้าฝ่ากำลังจะสู้รบกันนั้น เสียงที่ไม่เหมือนกับผู้หญิงและผู้ชายก็ดังขึ้น ก่อนที่ลำแสงสีดำแดงก็มุ่งโจมตีไปที่ท่านชายป๋ายยู่

ท่านชายป๋ายยู่อุ้มฉินวี่เฟยเอาไว้กระโดดไปด้านหลังสามครั้ง ถึงได้หลบพ้นลำแสงนั้นได้

แต่นักรบที่อยู่ข้างเขาไม่โชคดีขนาดนั้น ถูกลำแสงยิงเข้าให้เต็มๆ ทันใดนั้นร่างของนักรบคนนั้นก็เกิดไฟสีดำแดงปะทุ

นักรบหลายคนคิดที่จะเข้าไปช่วยเขา แต่ไฟนั่นน่าประหลาด ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไม่สามารถดับไฟได้ เพราะงั้นพพวกเขาได้แต่มองดูเขาถูกไฟคลอกตายเป็นเถ้าถ่านต่อหน้าต่อตา

“ให้ตาย นี่มันตัวอะไรกัน!” ท่านชายป๋ายยู่มองดูร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีดำที่อยู่ไม่ไกล บนหัวมีเขายาว ดวงตาเป็นไฟ สัตว์ประหลาดที่มีเขี้ยวยาวคำรามลั่น

เหล่าเสือขาวที่กำลังสู้รบกับจอห์นเมื่อเห็นอย่างนั้นหน้าถอดสีทันที เมื่อใช้อาวุธลับกับเสือขาวแล้วจึงรีบหลบไปอยู่หลังของนิคทันที

“พี่ใหญ่กำเริบแล้ว! ยาระงับที่เอามาด้วยพอไหม? เราต้องระงับเขาตอนนี้!”

เมื่อเห็นจอห์นหยิบยาระงับออกมาจากกระเป๋า นิครับจับมือของเขาทันที

“ไม่ ใช้ยาระงับไม่ได้ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่อดีเรา มีเพียงแค่วิธีนี้ถึงจะจัดการคนพวกนี้ได้”

จอห์นที่ถือยาระงับเอาไว้ลังเลเช่นเดียวกัน “แต่พี่ใหญ่กำเริบแบบนี้ต่อไป ฉันกลัวว่าเขาจะควบคุมไม่ได้ ถ้าหาก……”

นิคแย่งยาระงับมาจากมือของจอห์นอย่างเด็ดขาด สายตาเย็นชาจนน่ากลัว “ไม่มีแต่ เพื่อประเทศญี่ปุ่น ศึกในครั้งนี้เราต้องชนะเท่านั้น!”

เมื่อได้ยินอย่างงั้น ท้ายที่สุดจอห์นก้มหน้า กัดฟันไม่จ้องมองเสือดำที่กลายเป็นครึ่งปีศาจอีก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท