NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1234 เผชิญหน้า

บทที่ 1234 เผชิญหน้า

“พอได้แล้ว เลิกจ้องฉันได้แล้ว ฉันจะระวัง” เพียงแค่เหลือบมองกู่ยี่เทียนก็เข้าใจความหมายที่แอบแฝง รับประกันด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ

หลี่ฝางเห็นทีท่าที่น่าสงสารของเขานึกขำ ไม่คิดเลยว่าหัวหน้ากู่ผู้สง่าจะมีช่วงเวลาที่เขาพ่ายแพ้

ขณะที่ทั้งสี่คิดที่จะเข้าสู่ป่าทึบ หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

“แคทเธอริน แน่ใจหรือว่าทางนี้? นี่ม่านหมอกสีขาวขุ่นไม่มีอะไรเลย คงไม่เดินผิดทางหรอกนะ?” ส้าวส้วยจ้องมองสาวงามไร้ที่ติตรงหน้าอย่างลังเล

เพราะครั้งก่อนที่หลี่ฝางกับมังกรฟ้าติดต่อกันผ่านความสามารถพิเศษของแคทเธอริน เพราะงั้นเขาจึงรู้ว่าพวกมังกรฟ้าต้องมา หลี่ต๋าคางและคนอื่นๆ เมื่อเข้ามาก็ได้พบกับแคทเธอรินทันที แถมพวกเขายังเข้ามาที่โลกใต้พิภพภายใต้การนำทางของแคทเธอริน

“ฉันว่านะพ่อหนุ่มน้อย ถ้าคุณไม่เชื่อจะเดินทางไปเองก็ได้ ผู้หญิงที่สวยอย่างแคทเธอริน จะเดินผิดทางได้ยังไง”

เมื่อได้ยินประโยคของส้าวส้วย ท่านชายป๋ายยู่ไม่พอใจขึ้นมา เหลือบตาขาวใส่ส้าวส้วย

หลี่ต๋าคางเข้ามาที่ซากปรักหักพังไม่นาน เหล่านักพรตเต้าฝ่าและท่านชายป๋ายยู่ก็ตามเข้ามาติดๆ เพราะประตูของโลกใต้พิภพต้องใช้เลือดของแคทเธอรินในการเปิด ทุกคนจึงหารือกัน ตัดสินใจที่จะเดินทางร่วมกัน

ท่านชายป๋ายยู่ที่ชอบหญิงงามมาตลอดก็พลีกายเป็นผู้พิทักษ์แคทเธอริน ตลอดทางหยอกเย้าหยอดคำหวาน หากไม่ใช่เพราะแคทเธอรินมีความมั่นคง เขาเกรงว่าแคทเธอรินคงได้ถูกอุ้มไปที่โลกใต้พิภพเสียแล้ว

“ป๋ายเจินเจิน แกเลิกเห็นหญิงงามแล้วขาอ่อนเดินไม่ไหวจะได้ไหม ดูท่าอ่อนแอต้องลมไม่ได้แล้วน่าจะอายุไม่ยืน ระวังแต่งไปแล้วจะเป็นม่ายนะ”

นักพรตเต้าฝ่าที่เป็นศัตรูของท่านชายป๋ายยู่ แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะถอนหงอกเขาไปอยู่แล้ว แถมเขาที่ยังเป็นผู้ชายแข็งกระด้าง รสนิยมของเขาเองก็ต่างจากคนอื่น ภรรยาของเขาเป็นพวกรูปร่างใหญ่เอวหนา เป็นผู้หญิงที่พูดจาคำรามห้าวหาญเอาแต่ใจ

ความคิดของเขาเอง เพราะผู้หญิงแบบนี้เลี้ยงง่าย

“ไสหัวไปไกลๆ เลย!ไอ้หมาจางฉันขอเตือนเอาไว้ก่อน แกว่าฉันไม่เป็นไร ถ้ากล้าว่านางฟ้าของฉัน กูจะฆ่ามึง”

สีหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจของท่านชายป๋ายยู่ นักพรตเต้าฝ่านิ่งไป ก่อนที่จะหาได้ยากที่เขาจะปากไม่โต้ตอบ

นักพรตเต้าฝ่าและท่านชายป๋ายยู่รู้จักกันมานาน ครั้งแรกที่ทั้งสองได้เจอกันน่าขันนัก ในคืนเดียวกับที่ท่านชายป๋ายยู่ถูกคนเฝ้าประตูของตระกูลหลี่เล่นงาน เพราะท่านชายป๋ายยู่ยอมรับความจริงไม่ได้ จึงดื่มเหล้าเข้าไปเล็กน้อย

หลังจากนั้นเมื่อข้ามสะพาน หัวเขาเกิดความคิดบางอย่างจึงไปยืนอยู่ที่หัวสะพาน อันที่จริงเขาก็ไม่ได้คิดสั้นอะไร เขาเพียงแค่จะชมวิวเท่านั้น พอดีกับที่นักพรตเต้าฝ่าเดินผ่านมาเห็นพอดี เมื่อสมัยยังหนุ่มนักพรตเต้าฝ่าเป็นคนกันเอง หากใครที่คิดสั้นให้เขาพบเข้าละก็ เขาต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว

เพราะงั้นทั้งคู่ฉุดกระชากไปมาจึงตกน้ำพร้อมกัน หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเรื่องนี้ถูกใครแพร่ออกไป เล่ากันไปมาก็กลายเป็นว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน แต่เพราะคนบนโลกไม่สามารถรับความสัมพันธ์ของเพศเดียวกันได้ ทั้งคู่จึงกระโดดน้ำพร้อมกัน

เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อท่านชายป๋ายยู่อย่างมาก หลังจากนั้นเป็นเวลานานเขาไม่สามารถนัดเดทกับผู้หญิงได้เลย ส่วนนักพรตเต้าฝ่าเองก็เกือบจะหย่ากับภรรยาของเขาเพราะเรื่องนี้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อทั้งคู่เจอกันจำต้องกัดกันทุกที นานวันเข้า ศัตรูในทีแรกก็กลับกลายเป็นสหายเสียอย่างงั้น

หลายปีมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่นักพรตเต้าฝ่าเห็นท่านชายป๋ายยู่ใส่ใจกับหญิงสาวคนไหนขนาดนี้ ทั้งหัวใจเต็มไปด้วยเธอ

นักพรตเต้าฝ่าเองก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่ ในฐานะเพื่อน เขายินดีที่จะเห็นท่านชายป๋ายยู่ได้พบกับความรักของเขาอยู่แล้ว ได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่แคทเธอรินคนนี้ไม่เหมาะสมกับเขาอย่างชัดเจน ไม่กี่ปีก็จะตายอยู่แล้ว แต่งงานไปจะมีประโยชน์อะไร

“เดี๋ยว ข้างหน้ามีการเคลื่อนไหว!” ในเวลานี้เอง ท่านกัวที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดชะงักทุกคนเอาไว้ เขาจ้องมองเงาร่างเลือนรางของหลายคน

“ส้าวส้วย แคทเธอริน ใช่พวกเธอไหม?” ในขณะที่ท่านกัวคิดจะลงมือ เงาร่างสีดำหนึ่งในนั้นขยับ ส้าวส้วยได้ยินเสียงของหลี่ฝาง คิดที่จะตอบโต้ หงส์แดงที่อยู่ด้านหลังก็ปริปากอย่างอดทนรอไม่ไหว

“หลี่ฝาง! พี่ใหญ่ของเขาอยู่กับนายไหม? พวกนายเป็นยังไงบ้าง ได้รับบาดเจ็บรึเปล่า?”

ร่องรอยการต่อสู้ของหน้าปากทางเข้าโลกใต้พิภพยังอยู่ แม้ทุกคนจะเชี่ยวชาญการต่อสู้มามาก แต่ความย่ำแย่แบบนั้น ทุกคนต่างก็ต้องสูดลมหายใจเข้าอย่างหวาดหวั่น ดูจากร่องรอยพวกนั้น ก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด

เหล่าส้าวส้วยต่างก็เป็นกังวลมาตลอดทาง กลัวว่าพวกหลี่ฝางจะเกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้อุตส่าห์ได้เจอกันแล้ว หงส์แดงที่คิดถึงกู่ยี่เทียนมาโดยตลอดตอนนี้ก็ไม่สนสถานะความสัมพันธ์อะไรแล้ว อยากรู้เพียงอย่างเดียวว่ากู่ยี่เทียนปลอดภัยดีไหม

“แค่ก ฉันไม่เป็นอะไร พวกแกเข้ามาพร้อมกันหมดเลยหรือ?” เมื่อกู่ยี่เทียนได้ยินเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยของหงส์แดงในใจของเขาพลันเกิดความรู้สึกที่ประหลาดขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อปกปิดความผิดปกติของตนเอง เขากล่าวตอบก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

หลังมั่นใจว่าไม่ใช่ศัตรู ส้าวส้วยและคนอื่นๆ รีบเร่งฝีเท้า เมื่อทั้งคู่มีระยะห่างเพียงห้าเมตร ถึงได้มองเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายชัดเจน

อาจเพราะเข้าใกล้บริเวณสุสานเทพอ้าน ป่าทึบแห่งนี้จึงราวกับม่านธรรมชาติ ที่กั้นหมอกหนาข้างนอกเอาไว้ ในที่สุดทุกคนก็สามารถเดินเหินได้ตามปกติในป่า ไม่ต้องคลำทางราวกับคนตาบอดเหมือนอย่างก่อนหน้านี้

“พ่อ ท่านมาได้ยังไง? อาการของแม่ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?” เมื่อหลี่ฝางเห็นพ่อตัวเองเขานึกประหลาดใจมากกว่าดีใจ

คนที่รักภรรยามากอย่างพ่อเขาตัวเขาเข้าใจดีที่สุด แทบจะอยากแบบติดกับเมี๋ยวชุ่ยตลอดเวลา หากเมี๋ยวชุ่ยไม่สนใจเขาครึ่งชั่วโมง เขาก็จะเริ่มหาตัวเธอทันที

“ใกล้หายแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเมียฉันสั่งให้ฉันมาช่วยแก ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกนะ แม้แต่คนญี่ปุ่นคนเดียวยังสู้ไม่ได้ละก็ ถ้างั้นแกก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกชายของฉันหลี่ต๋าคาง”

หลี่ต๋าคางทำตาขวางใส่หลี่ฝาง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความรังเกียจเล็กน้อย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน