NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1232 หนีไม่พ้น

บทที่ 1232 หนีไม่พ้น

“ทำไมม่านหมอกนี่ถึงได้กว้างนัก? เราเดินมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมถึงยังไม่ออกจากม่านหมอกนี่อีก?”

กู่ยี่เทียนที่เดินอยู่หน้ากองทัพจ้องมองหมอกหนาสีขาวขุ่น ขมวดคิ้วแน่น สถานการณ์นี้เหมือนกับผีอำอย่างที่โบราณว่าเอาไว้เลย พวกเขาคงจะไม่ได้พบเหตุการณ์นี้เข้าหรอกนะ?

“หยุด!” ขณะที่กู่ยี่เทียนก้าวเท้าซ้าย ไม่ทันที่จะวางฝีเท้าลง หลี่ฝางที่อยู่ด้านหลังพลันร้องคำราม ใช้แขนรั้งเอวของเขาเอาไว้

กู่ยี่เทียนที่เพิ่งรู้สึกตัวไม่ทันได้ไหวตัว ถึงกับทำตาขวางใส่หลี่ฝางอย่างไม่พอใจ “หลี่ฝาง แกจะร้องอะไรกัน? ฉันตกใจหมด”

“อย่าขยับ! ดูใต้เท้าของแกให้ดีๆ แกไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วหรือยังไงกัน? !” เมื่อเห็นว่ากู่ยี่เทียนยังคิดที่จะเดินไปข้างหน้า กำลังที่แขนของหลี่ฝางเพิ่มขึ้นในทันที กล่าวเตือนอย่างไม่สบอารมณ์

กู่ยี่เทียนก้มหน้าสังเกตอยู่นานถึงได้พบหน้าผาลึกอย่างเลือนรางที่ใต้ฝ่าเท้าของเขา เมื่อสักครู่หากไม่ใช่หลี่ฝางที่รั้งเขาเอาไว้ได้ทัน ตอนนี้เขาคงได้แหลกละเอียดไปแล้ว

เขาหดขากลับอย่างนึกกลัว พร้อมกลับถอยหลังไปสามสี่ก้าว กู่ยี่เทียนถึงได้ตบหน้าอกของตนเอง “บัดซบ ทำไมข้างหน้าถึงได้ไม่มีหนทางกะทันหันได้?”

“ในโลกใต้พิภพมีการเปลี่ยนแปลงร้อยแปด พื้นที่ราบตรงนี้ เดินหน้าไปหนึ่งก้าวก็อาจเป็นหน้าผาแล้ว แถมยังไม่เห็นแสงสว่างมาตลอด หมอกค่อนข้างหนาแน่น การมองเห็นค่อนข้างต่ำ เพราะงั้นเราต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา”

อาคาอูขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าฉาบไปด้วยความสงสัย สถานที่เกี่ยวกับโลกใต้พิภพที่เขาว่ามานั้น ก็ได้ยินมาบ้างผ่านคนรุ่นก่อน ส่วนตัวเขาเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามาที่โลกใต้พิภพ

“เราพักก่อนเถอะ แล้วก็คิดหาวิธีเดินออกจากม่านหมอกนี่ด้วย”

ตั้งแต่เข้ามาหลี่ฝางรักษาสติสัมปชัญญะเต็มร้อยและการรับรู้ที่สูงมาก ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะรั้งกู่ยี่เทียนที่กำลังจะตกหน้าผาได้ในเวลาแรก ต่อให้เป็นหลี่ฝางเอง ต้องใช้สัมปชัญญะอันแรงกล้าอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ไหว

กู่ยี่เทียนและคนอื่นๆ ไม่ขัดข้อง การเดินทางต่อไปอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้ไม่ใช่วิธีที่ดี สู้นั่งลงแล้วหารือกันจะดีกว่า

“พวกแกได้ยินเสียงอะไรไหม?” เมื่อทุกคนนั่งลงได้ไม่นาน กู่ยี่เทียนก็ได้ยินเสียงบางอย่าง ต้นเสียงนั้นเบามาก หากไม่ตั้งใจฟังแยกแยะไม่ออกแน่นอน

“เอ๋ นี่มันตัวอะไรกัน?” ทันใดนั้น สิ่งที่มีสีดำทั้งตัวก็คลานออกมาจากด้านข้างของกู่ยี่เทียน เป็นหนอนที่มีหงอนบนหัว กู่ยี่เทียนใช้นิ้วจิ้มไปที่หนอนสีดำ กล่าวถามอย่างประหลาดใจ

เมื่ออาคาอูที่นั่งอยู่ข้างเขาเห็นเข้า เขาเด้งลุกขึ้นจากพื้นทันที พลันใช้พลังลอยขึ้นไปยังอากาศ “หนี!”

ที่เหลือสามคนแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ลอยตามหลี่ฝางไปตามสัญชาตญาณ

หลังจากที่พวกเขาลอยขึ้นฟ้า บริเวณก็เต็มไปด้วยหนอนสีดำนับไม่ถ้วน เพราะจำนวนที่มากเกินไปของหนอน การเคลื่อนไหวจึงราวกับคลื่นสายน้ำ

“ให้ตาย นี่มันตัวอะไร?” เมื่อกู่ยี่เทียนเห็นหนอนที่นับไม่ถ้วน ร่างกายเกิดขนลุกซู่ไปทั้งตัว น่าสะอิดสะเอียนเป็นบ้า ถ้าคนที่มีอาการกลัวรูมาเห็นละก็ ต้องต้องใจตายแน่ๆ

“ด้วงเหล็กแดง! อาซาโทสเปิดห้องลับของท่านเทพอ้านงั้นหรือ! เราต้องรีบไปแล้ว!” เมื่ออาคาอูเห็นหนอนเหล่านั้นใบหน้าของเขาไร้สีเลือดทันที แววตาคู่นั้นของเขาเต็มไปด้วยความผวา

ตำนานเล่าว่า เมื่อพันปีก่อนเทพอ้านชอบเลี้ยงสัตว์ที่รูปร่างประหลาด แถมยังกระตือรือร้นในการเพาะพันธุ์ ได้เพาะพันธุ์สัตว์ที่มีรูปร่างประหลาดออกมาหลายสายพันธุ์

ด้วงเหล็กแดงก็เป็นหนึ่งในนั้น

แม้ว่าหนอนชนิดนี้จะใหญ่เท่านิ้ว ตัวเดียวไม่นำความเสียหายมาก แต่ด้วงเหล็กแดงเป็นสัตว์จำพวกกลุ่ม หากพบเพียงหนึ่งตัว ก็จะปรากฏด้วงเหล็กแดงมากมายนับไม่ถ้วน

ด้วงเหล็กแดงเหล่านี้อันที่จริงอาศัยอยู่ในห้องลับวิจัยสัตว์ประหลาดของเทพอ้าน ไม่คิดเลยว่าจะถูกปล่อยออกมา ดูเหมือนว่าพวกอาซาโทสได้เปิดสุสานของเทพอ้านแล้ว

“อาคาอู หนอนพวกนี้คงบินไม่ได้หรอกใช่ไหม?” กู่ยี่เทียนจ้องมองด้วงเหล็กแดงที่กองทับกันเป็นภูเขาขนาดเล็กจนกลืนน้ำลายกล่าวถาม

ไม่รอคำตอบของอาคาอู กู่ยี่เทียนก็เห็นด้วงเหล็กแดงตัวหนึ่งค่อยๆ กางปีกออก บินขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ

“ให้ตาย เหล่ากู่ไอ้ปากอีกา!” หลี่ฝางเห็นอย่างนั้นสบถออกมาอย่างหยาบคาย เขาบินขึ้นสูงกว่าเดิม แม้จะไม่กลัวหนอน แต่ดำทะมึนนับไม่ถ้วนแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องขนลุกกันทั้งนั้น

“ห้ามโจมตีด้วงเหล็กแดงเป็นอันขาด! พวกมัน……”

“โอ้ยๆ ……อย่าไต่ขึ้นมาบนตัวกูสิวะ!”

อันที่จริงอาคาอูคิดจะเตือนกู่ยี่เทียนและหลี่ฝาง อย่าโจมตีด้วงเหล็กแดง เพราะหนอนพวกนี้มันเกิดการจะไม่จู่โจมมากนัก แต่ถ้าหากมีพรรคพวกได้รับบาดเจ็บหรือตาย ก็จะเกิดการต่อต้าน ทำการจู่โจมเป็นฝูง

แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยคดี กู่ยี่เทียนก็ตบด้วงเหล็กแดงตัวหนึ่งที่ไต่บนไหล่ของเขาจนตาย เขาจ้องมองด้วงเหล็กแดงตัวนั้นที่ถูกกู่ยี่เทียนตบจนแบนแต๋ แทบอยากจะฆ่าเขาทิ้งซะ

“เอ๋ อาคาอูเมื่อกี้แกว่าไงนะ?” กู่ยี่เทียนที่ตบด้วงเหล็กแดงจนตายหันหน้ากลับมากล่าวถามอย่างไร้เดียงสา

อีกฝ่ายเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ทิ้งท้ายสองคำอย่างโกรธแค้น “หนีเร็ว!”

ปีกสี่คู่ที่อยู่บนหลังของอาคาอูและปันปูค่อนข้างแข็งแกร่ง กระพือสองทีก็บินออกไปไกลมากโข

ด้วงเหล็กแดงที่พื้นเริ่มบินขึ้นเป็นกลุ่ม เสียอึกทึกทำให้กู่ยี่เทียนและหลี่ฝางทั้งคู่เหงื่อแตกโชกเป็นสายฝน ไม่กล้าหยุดนิ่งแม้เสี้ยววินาที พลังของทั้งคู่ถูกใช้จนถึงขีดสูงสุด หนีไปทางด้านอาคาอู

“อาคาอู ทำอะไรสักอย่างสิ ไอ้ฝูงหนอนพวกนั้นเหมือนกับพวกหลอกคนเลย ไม่ว่าจะหนียังไงก็ไม่พ้น” ทั้งสี่ลอยล่องอยู่สี่ห้านาที แต่ก็ไม่สามารถสลัดด้วงเหล็กแดงด้านหลังทิ้งไปได้ แถมระยะห่างยังใกล้เข้าไปทุกที กู่ยี่เทียนไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะถูกหนอนไล่ล่าจนหนีหัวซุกหัวซุน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท