NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1269 จับได้สองคน

บทที่ 1269 จับได้สองคน

ส้าวส้วยและโหจื่อตอบรับ ก่อนที่จะเข้าไปในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ทิเบตันมาสทิฟฟ์ขนาดใหญ่สองตัวเมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวรีบเด้งขึ้นจากพื้น มุ่งไปที่ทั้งคู่

เมื่อเห็นทิเบตันมาสทิฟฟ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าพวกเขา โหจื่อฉีกรอยยิ้มที่กระหายเลือด หลายเดือนมานี้เขาฟื้นฟูพลังของตนเองตลอด ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานาน ไม่รู้ว่าความสามารถของเขาจะถดถอยบ้างหรือไม่

เขานับในใจสามวินาที ร่างของโหจื่อขยับเล็กน้อย ทิเบตันมาสทิฟฟ์สองตัวที่เกรี้ยวกราดในทีแรกพลันล้มลงกับพื้น สายตาฉายแววความตาย

โหจื่อจ้องมองทิเบตันมาสทิฟฟ์สองตัวที่นอนตายแน่นิ่ง กำลังคิดที่จะพูดว่าความสามารถของเขาไม่ได้ถดถอย คำพูดของส้าวส้วยที่อยู่อีกด้านพลันทำลายความเชื่อมั่นของเขาสิ้น

“ฆ่าหมาสองตัวใช้ตั้งห้าท่า โหจื่อแบบนี้ไม่ได้เลยนะ”

สิ่งที่ชายหนุ่มไม่อยากได้ยินมากที่สุดก็คือคนอื่นบอกว่าเขาใช้ไม่ได้ โหจื่อโมโห แทบจะกระโดดลุกขึ้นจากพื้น “เพราะฉันยังบาดเจ็บอยู่ต่างหาก หลายเดือนมานี้ไม่ได้ฝึกฝนขั้นสูง”

“หรือว่าตัวแกเองที่ใช้ไม่ได้” ส้าวส้วยทิ้งท้ายประโยคก่อนที่จะสาวเท้าก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ ทีท่าสบายใจของเขาราวกับว่าอยู่ในบ้านของตนเอง

โหจื่อที่อยู่ด้านหลังของเขาโกรธจัด หากเป็นคนอื่นที่บอกว่าเขาใช้ไม่ได้ โหจื่อลงมือตั้งนานแล้ว แต่ใครใช้ให้คนๆ นั้นเป็นส้าวส้วยล่ะ ต่อให้ส้าวส้วยถอยให้เขาใช้มือแค่ข้างเดียว โหจื่อก็สู้เขาไม่ได้อยู่ดี

“พวกแกเป็นใคร!” ส้าวส้วยเพิ่งเข้ามาในคฤหาสน์ ชายหนุ่มผิวค่อนข้างดำร่างสูงใหญ่สองคนก็เดินออกมาจากด้านใน จ้องมองเขากล่าวถามอย่างสงสัย

“เดินผ่านมาจะขอน้ำดื่มสักหน่อย” ส้าวส้วยหาข้ออ้างก่อนที่จะเดินอ้อมชายทั้งสองเข้าไปด้านใน

ชายทั้งสองคนนั้นไม่มีทางปล่อยให้เขาผ่านไปอยู่แล้ว พลันตะโกนเสียงดังก่อนคิดจู่โจม แต่สิ่งที่พวกเขาต้องนิ่งอึ้ง พวกเขาไม่ทันมองเห็นความเคลื่อนไหวของส้าวส้วยก็ล้มลงกองกับพื้นเสียแล้ว

หนึ่งท่า เพียงแค่หนึ่งท่าเท่านั้น! ก็จัดการนักรบกำลังภายในชั้นกลางได้!

โหจื่อที่มองเหตุการณ์อยู่ด้านหลังกลืนน้ำลายลงคอ ความสามารถของส้าวส้วยเหมือนว่าจะเหนือกว่าเมื่อหลายเดือนก่อนมาก

“ทำไมถึงเป็นพวกแก!” ไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางได้ยินความเคลื่อนไหว คิดที่จะออกมาตรวจสอบความเรียบร้อย ใครจะไปรู้ว่าเพิ่งออกมาจากชั้นบนก็ได้ประจันหน้ากับส้าวส้วยและโหจื่อสองคน

ไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางเกือบจะกลิ้งลงมาจากชั้นบน พยายามเก็บภาพลักษณ์เอาไว้อย่างอนาถ

เมื่อโหจื่อได้เห็นคนคุ้นเคยสองคนนี้ดีใจมาก ดูเหมือนว่าตงฟางเย่นจะพูดความจริง แม้ว่าท่านจวนไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เขากลับจับตัวลูกกระจ๊อกสองคนได้

“หนี!” เมื่อเห็นโหจื่อก้าวเข้าไปที่ทั้งคู่ทีละก้าว ไอ้เด็กซนตะโกนเสียงดัง วิ่งขึ้นไปชั้นบน แต่ทั้งคฤหาสน์มีทางออกแค่ทางเดียว อยากจะออกไปนอกเสียจากพวกเขาจะกระโดดออกไปทางหน้าต่าง

เมื่อเห็นความสูงสิบกว่าเมตร ไอ้เด็กซนกลืนน้ำตาลงคอ หันหน้ากลับไปมองส้าวส้วยที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับความลนลานที่เกิดขึ้นในใจของเขา

“แกหนีสิ ไม่มีทางหนีแล้วล่ะสิ ครั้งก่อนพวกแกสองคนหนีไปได้ ครั้งนี้โดนฉันจับได้อีก ฉันจะคอยดูว่าพวกแกจะหนีไปไหนได้อีก”

นิ้วของโหจื่อตบมือเสียงดัง มุมปากยิ้มจนแทบฉีกไปถึงใบหู ไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางตอนนี้ทั้งคู่แทบอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด พวกเขาคิดว่าที่นี่จะลับตามากพอแล้ว ไม่คิดเลยว่าพวกโหจื่อจะหาเจอได้

เมื่อจ้องมองโหจื่อที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ไอ้เด็กซนทำใจกล้า กระโดดลงไปจากหน้าต่างจริงๆ หลังจากนั้นเสียงร้องคร่ำครวญก็ดังขึ้นจากชั้นล่าง

“แกจะนิ่งอยู่ทำไม! รีบหนีสิ!” ไอ้เด็กซนที่กระโดดลงไปไม่สนใจแขนซ้ายที่หักไปแล้ว พลันกล่าวกลับผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางที่อยู่บนชั้นด้วยสีหน้ารีบร้อน

แต่อีกฝ่ายกลับจ้องมองเขาอย่างตกอกตกใจ สีหน้าขาวซีดจนน่ากลัว นิ้วชี้ไปที่ไอ้เด็กซนกล่าวอย่างสั่นเครือ “หลอๆ ……”

“แกหลออะไรอยู่! ลงมาเร็วเข้า!” ไอ้เด็กซนในตอนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าหลี่ต๋าคางอยู่ด้านหลังของเขา กระทั่งเหนือหัวของเขาเกิดดำมืด เขาถึงได้หันหน้ากลับไป

เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองได้พบกับใบหน้าของหลี่ต๋าคาง ไอ้เด็กซนแทบลืมหายใจ ของเหลวสีเหลืองเหม็นหึ่งไหลออกมาจากกางเกงของเขา สีหน้าดูไม่ได้

“หลอซ่า!” หลังอุทานออกมาสองคำอย่างตื่นตระหนก ก็สลบไปทันที

หลี่ต๋าคางก้าวถอยหลังอย่างรังเกียจ หลบหลีกของเหลวกองนั้น แหงนหน้ามองโหจื่อที่อยู่ด้านบนพร้อมกล่าว “ลองตรวจสอบดูว่าในคฤหาสน์มีอะไรที่ใช้ได้บ้างไหม แล้วก็พาไอ้ไร้ประโยชน์สองตัวนี่กลับไปที่บ้านพักตากอากาศด้วย”

ในสายตาของหลี่ต๋าคาง ไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางก็ไม่ต่างอะไรกับมด หากไม่ได้คำนึงถึงหาข้อความที่เกี่ยวข้องกับท่านจวนละก็ เขาคงได้ปลิดชีพพวกเขาทิ้งไปแล้ว

คนรุ่นหลังที่มีพรสวรรค์ของตระกูลตงฟางพลัดพราก เป็นเจ้าบ้านตระกูลตงฟางอย่างท่านจวนไม่มีทางอยู่เฉยแน่ หละงจากที่เขาจับตัวตงฟางเย่นมาก็ผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้ว ท่านจวนก็คงมีความเคลื่อนไหวแล้ว

ตอนนี้ที่บ้านพักตากอากาศมีเพียงแค่ไท่ซาง ราฟาเอลและอีกไม่กี่คนที่คอยเฝ้าเอาไว้ พวกเขาจะไปนานไม่ได้

ผ่านไปสักพัก โหจื่อลากผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางที่ตกใจจนตัวสั่นเทาออกมาจากคฤหาสน์ ในมือของส้าวส้วยถือกระดาษเอสี่หลายใบยื่นให้กับหลี่ต๋าคาง

“เฮีย เราค้นหาจนทั่ว ได้ข้อมูลมาแค่นี้”

หลี่ต๋าคางเหลือบสายตามอง ก็ได้พบกับหลักฐานที่ท่านจวนไปหามาสู่กับทาเคชิตะ มัตสึซากะ อุทานอย่างไม่พอใจก่อนเก็บข้อมูล พาโหจื่อและคนอื่นๆ กลับมายังบ้านพักตากอากาศ

“คุณท่านโก ท่านไปไหนมา? ก่อนที่ลุงหลี่จะไปเขากำชับให้เราดูแลท่านให้ดีๆ แต่ผมหาท่านอยู่นานก็ไม่เจอท่านเลย” ไท่ซางจ้องมองคุณท่านโกที่เดินเข้ามาจากด้านนอก กล่าวถามอย่างเป็นกันเอง

เมื่อได้ยินประโยคของไท่ซาง ปฏิกิริยาของคุณท่านโกนิ่งไป แต่เขาก็ปกปิดความอึดอัดของตนเองได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ฉันเห็นว่าวิวในบ้านพักตากอากาศไม่เลวเลย ก็เลยออกไปเดินเล่น บ้านพักตากอากาศไม่เพียงแค่โลเคชั่นดี บรรยากาศก็ดีมาก ราคาคงจะไม่ธรรมดาเลยสินะ?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท