NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1266 การข่มขู่

บทที่ 1266 การข่มขู่

ตงฟางเย่นที่รู้ความจริงไม่ขัดขืนอีกต่อไป พลันบอกที่อยู่ของท่านจวนในปัจจุบันให้กับหลี่ต๋าคาง

“เฝ้าคนพวกนี้เอาไว้ให้ดี ส้าวส้วย โหจื่อไปกับฉัน” หลังจากที่ได้สิ่งที่ตนต้องการ หลี่ต๋าคางไม่คิดจะอยู่นานไปกว่านี้ พาส้าวส้วยและโหจื่อเดินทางไปที่ชานเมือง

ทุกคนต่างเพ่งความสนใจไปที่ท่านจวน ไม่มีใครได้สังเกตว่าคุณท่านโกที่กลับมาที่บ้านพักตากอากาศด้วยได้หายตัวไปแล้ว

“แกเป็นใคร? มีป้ายหยกประจำตัวของยินยินได้ยังไง?” มือของคุณท่านโกถือป้ายหยกชิ้นนั้นเอาไว้ จ้องมองชายฉกรรจ์ตรงหน้าพร้อมกล่าวถามเสียงดัง

“ผมเป็นคนของคุณท่านตงฟาง ป้ายหยกชิ้นนี้เขาฝากผมเอาให้กับท่าน ท่านจวนยังบอกอีกว่า ถ้าหากไม่อยากให้หลานสาวของท่านเป็นอะไรไป ก็ต้องให้ความร่วมมือกับเราแต่โดยดี” เปียวจื่อส่งสารของท่านจวนโดยไม่ขาดแม้คำเดียว

มือของคุณท่านโกกำแน่น จนแทบจะขยำป้ายหยกในมือจนแหลกละเอียด ครั้งนี้เขามาหาหลี่ต๋าคาง อันที่จริงก็เพื่อเรื่องของหลานสาวของตนยินยิน

แต่เขาคิดไม่ถึงเลย ว่ายินยินจะอยู่ในเงื้อมมือของท่านจวน

“แกขู่ฉันอย่างงั้นเหรอ?” จับจ้องเปียวจื่อด้วยความเย็นชา ความอาฆาตของท่านโกฉายแววในสายตา พลังในร่างแผ่ออก จู่โจมไปที่เปียวจื่อ

แต่ต่อให้เผชิญกับคุณท่านโกที่เป็นแบบนี้ เปียวจื่อก็ไร้ความกังวลแม้แต่น้อย “ก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านว่าจะคิดยังไง หากท่านตัดสินใจที่จะร่วมมือกับท่านตงฟาง ผมก็มาด้วยเจตนาดี ถ้าหากท่านยังดื้อด้านจะช่วยหลี่ต๋าคาง ก็เท่ากับเป็นการข่มขู่”

เปียวจื่อที่ไม่เดือดไม่ร้อน ทำให้คุณท่านโกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเสาะสืบความสามารถของเปียวจื่ออย่างอดไม่ได้ ก็ต้องตกใจจนพูดไม่ออก

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ดูเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยตรงหน้า ความสามารถของเขากลับสูสีกับตน

ไม่แปลกที่เขากล้าบุกรุกเข้ามาที่บ้านพักตากอากาศด้วยตัวคนเดียว ความสามารถระดับนี้ต่อให้เป็นทั้งประเทศจีนก็ไปได้อย่างสบาย

“ตอนนี้ยินยินเธอเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อนึกถึงหลานสาวอันเป็นที่รัก น้ำเสียงของคุณท่านโกแฝงไปด้วยความคิดถึง

ตอนนั้นยินยินตกหลุมรักหนุ่มธรรมดา ที่ไร้อำนาจบารมีใดๆ แถมยังดื้อด้านจะแต่งงานกับเขาให้ได้ คุณท่านโกขัดขวางอย่างถึงที่สุด คิดที่จะแยกทั้งคู่ออกจากกัน

แต่ใครจะไปคิดว่ายินยินที่เชื่อฟังเขามาตลอดกลับเป็นครั้งแรกที่ต่อต้านเขา มุ่งมั่นที่จะแอบหนีออกจากบ้านตระกูลโกพร้อมกับเด็กหนุ่มคนนั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีกเลย

คุณท่านโกประกาศลั่นอย่างประชดประชัน บอกตัดขาดกับยินยิน ไม่เคยได้ตามหาเธอมาหลายสิบปี กระทั่งหลายวันก่อน มีคนมาที่บ้านตระกูลโกพร้อมกับสมบัติประจำตัวของเธอ คุณท่านโกถึงได้ทิ้งทิฐิเดินทางมาหายินยิน

“ผมไม่รู้จักยินยินอะไรนั่น หากท่านอยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง ท่านไปถามคุณท่านตงฟางได้”

เปียวจื่ออยู่กับท่านจวนเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น หลายเรื่องที่เขาไม่รู้ เขาเป็นคนที่ก้มหน้าตั้งใจทำงาน โดยปกติแล้วท่านจวนสั่งให้เขาทำอะไรเขาก็จะทำตามแต่โดยดี

เมื่อจ้องมองทีท่าของเปียวจื่อที่เหมือนว่ากำลังโกหก คุณท่านโกถอนหายใจอย่างไร้หนทาง “คุณพาผมไปพบท่านจวนเถอะ”

ท้ายที่สุดคุณท่านโกก็ยอมแต่โดยดี เขาอายุมากแล้ว ความหวังสุดท้ายคือการได้พบกับหลานสาวอีกสักครั้ง ระหว่างหลี่ต๋าคางกับหลานสาว เขาก็ต้องเลือกฝ่ายหลังอยู่แล้ว

เปียวจื่อพยักหน้า ผายมือแสดงการเชื้อเชิญให้กับคุณท่านโก หลังจากนั้นจึงขับรถพาคุณท่านโกมายังพื้นที่ของทาเคชิตะ มัตสึซากะ

“หยุด! ทำไมถึงมาที่นี่ได้!” เพิ่งจะเดินมายังหน้าประตู คุณท่านโกก็ถูกคนของทาเคชิตะ มัตสึซากะชัดชวางเอาไว้

เมื่อสักครู่เขาเพิ่งจะมาที่นี่กับหลี่ต๋าคางเพื่อก่อความวุ่นวาย คนของทาเคชิตะ มัตสึซากะเห็นเขาก็อดไม่จะระมัดระวังตัวไม่ได้

“ไสหัวออกไป!” เปียวจื่อมองคนที่หน้าเหมือนญี่ปุ่น ตวาดเสียงดัง

หลายวันมานี้เขามาที่นี่กับท่านจวนถูกเหยียดหยามไม่น้อย แต่เพราะพวกเขาร่วมมือกัน จึงต้องอดทนเอาไว้อยู่ตลอด

เช่นเดียวกัน นักรบพวกนั้นก็ไม่ชอบเปียวจื่อที่มีทีท่าสูงส่งนั่น พวกเขาที่ไม่ยอมรับเปียวจื่ออยู่แล้วเมื่อได้ยินคำของเปียวจื่อต่างก็คิดที่จะจู่โจม

“คนนี้ดูน่าสงสัย ไม่มีคำสั่งของนาย แกจะพาเขาเข้าไปไม่ได้!”

ในที่สุดทาเคชิตะ มัตสึซากะก็ได้สังเกตที่หน้าประตู ลูกน้องฝีมือดีหลายคนถูกท่านผู้อาวุโสพาตัวไป เขาก็รู้สึกแย่พออยู่แล้ว เมื่อเห็นเปียวจื่อและคนอื่นๆ ทะเลาะกัน โทสะในใจของเขาจึงปะทุขึ้น

“พวกแกทำอะไรกันอยู่! เปียวจื่อ ฉันเห็นแก่ที่แกเป็นลูกน้องของคุณท่านตงฟาง แกเสียมารยาทหลายอย่างฉันก็ไม่ถือสาแก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันกลัวแก ทางที่ดีแกอย่าได้คืบจะเอาศอกดีกว่านะ”

“และถ้าฉันจำไม่ผิด คนๆ นี้เมื่อกี้อยู่กับหลี่ต๋าคาง ตอนนี้แกพาเขามาที่นี่ มันหมายความว่ายังไง? หรือว่าคุณท่านตงฟางกลัวหลี่ต๋าคางหรือยังไง คิดที่จะร่วมมือกับเขางั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำของทาเคชิตะ มัตสึซากะ ในใจของเปียวจื่อเยือกเย็นอย่างมาก ความอาฆาตของเขาปะทุขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่เขาคิดที่จะลงมือ ท่านจวนหัวเราะลั่นเดินออกมาจากด้านนอก

“คุณท่านมัตสึซากะ ทุกคนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น จะโกรธไปทำไม? แล้วท่านก็เข้าใจผิดไปเอง คุณท่านโกตอนนี้เขาเป็นพันธมิตรของเรา อยู่ข้างพวกเรา ผมให้เปียวจื่อไปเชิญเขามาเอง เพราะมีเรื่องที่นี่จะเจรจากับเขา”

ไม่ใช่ว่าท่านจวนไม่ได้ยินคำของทาเคชิตะ มัตสึซากะ หากเป็นแต่ก่อน คำพูดของเขาเพียงพอที่จะให้ท่านจวนสังหารเขาทิ้ง แต่ตอนนี้ท่านจวนของการยืมอำนาจของทาเคชิตะ มัตสึซากะเพื่อจัดการกับหลี่ต๋าคาง เขาอดไม่ได้ที่จะต้องเก็บรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ก่อน

“หืม? จริงเหรอ? คุณไม่ได้คิดที่จะคืนดีกับหลี่ต๋าคางเพราะตงฟางเย่นอะไรนั่นใช่ไหม?”

สำหรับคำของท่านจวน ทาเคชิตะ มัตสึซากะไม่ได้เชื่อเต็มร้อย ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“คุณยังรู้เรื่องความบาดหมางของผมกับหลี่ต๋าคางน้อยเกินไป ผมกับตระกูลหลี่คืนดีกันได้งั้นเหรอ? หลี่ต๋าคางนั่นตอนนี้คงอยากจะซับผมให้เป็นชิ้นๆ” ท่านจวนหัวเราะเยาะ กล่าวอย่างราบเรียบ

ทาเคชิตะ มัตสึซากะจ้องท่านจวนอยู่สักพัก ท้ายที่สุดก็เลือกที่จะช่วยเขา ยกมือให้กับลูกน้องของตนเอง เพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาหลีกทาง ก่อนที่จะผายมือแสดงการเชื้อเชิญให้กับคุณท่านโก

“ในเมื่อเป็นพันธมิตร ถ้างั้นผมก็ต้อนรับอยู่แล้ว คุณท่านโก เชิญ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท