NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1271 ไม่อยากลงมือ

บทที่ 1271 ไม่อยากลงมือ

“เป้าหมายของฉันมีเพียงแค่เมี๋ยวชุ่ยคนเดียวเท่านั้น ไม่อยากตายก็รีบไสหัวออกไป”

จ้องมองเหล่าหมอพยาบาลผู้ซื่อสัตย์ คุณท่านโกกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

คนที่ใจเสาะหลายคนเมื่อได้ยินคำของคุณท่านโก ลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะหนีเอาชีวิตรอดไป

“พวกแกแน่ใจหรือว่าจะไม่ไป?” จ้องมองคุณหมอสองคนที่ตกใจจนใบหน้าขาวซีดแต่ก็ยังยืนเฝ้าเมี๋ยวชุ่ยอยู่ คุณท่านโกกล่าวเพื่อยืนยันคำตอบอีกครั้ง

“เฮียช่วยชีวิตเราเอาไว้ ต่อให้ต้องตาย เราก็จะไม่ทิ้งพี่สะใภ้ไปไหน!”

หมอประจำรวบรวมความกล้า พลันขวางเมี๋ยวชุ่ยที่ยังคงหลับไม่ฟื้น

“ในเมื่อเป็นอย่างงั้น ฉันก็จะทำให้พวกแกได้สมใจ” เมื่อเห็นว่าคำพูดชักจูงใช้ไม่ได้ผล คุณท่านโกจึงไม่พูดอะไรมากอีก

พลางถอนหายใจอย่างไร้หนทาง เขาแวบมาตรงหน้าของหมอ จับมือของเขาเอาไว้พร้อมหัก มีดผ่าตัดตกออกจากสำหรับคนธรรมดา หากหักมือของเขาทิ้งเป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างมาก คุณหมอเจ็บจนเหงื่อแตกโชกล้มลงกับพื้น แต่ก็ยังไม่ถอดใจใช้มืออีกข้างจับขากางเกงของคุณท่านโกเอาไว้แน่น

“แก แกจะแตะต้องเธอไม่ได้!”

การขัดขวางของเขาแบบนี้ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย แต่กลับเกะกะ คุณท่านโกขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสียพลันเตะคุณหมอจนปลิว

กล้ามเนื้อส่วนหน้าอกของหมอเว้าเข้าไปเป็นรู อวัยวะภายในที่แหลกละเอียดพุ่งทะลักออกมาจากปาก กระทั่งนาทีสุดท้ายสายตาของเขาก็ยังคงจ้องคุณท่านโกเขม็ง

เมื่อเห็นหมอหมดลมหายใจไปแล้ว คุณท่านโกหลับตาลงอย่างทำใจ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่หัวใจของเขา ที่เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคนบริสุทธิ์

เมื่อนึกถึงว่าอีกเดี๋ยวเขาจะต้องฆ่าคนมากกว่านี้ มือของคุณท่านโกพลันสั่นเทา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเล็บของเขาได้จิกเข้าที่เนื้อแล้ว

ผ่านไปราวหนึ่งนาที คุณท่านโกที่ลืมตาขึ้นอีกครั้งบนใบหน้ามีความเด็ดเดี่ยวมากขึ้น จ้องมองเมี๋ยวชุ่ยที่นอนแช่ของเหลวเพิ่มสารอาหารอยู่ สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดฉายแววพิฆาต

“ขอโทษ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เธอแต่งงานผิดคนเถอะ” เมื่อจบประโยค มือที่เหี่ยวแห้งของคุณท่านโกค่อยๆ ยื่นไปยังลำคอของเมี๋ยวชุ่ย

มือของคุณท่านโกออกแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าที่เรียบเฉยของเมี๋ยวชุ่ยเริ่มมีอาการเจ็บปวด

ต่อให้ยังไม่ได้สติ เมี๋ยวชุ่ยที่รู้สึกได้ถึงความตายเริ่มขัดขืน

เวลาแปรผัน เมี๋ยวชุ่ยที่พยายามขัดขืนเริ่มสงบนิ่ง ลมหายใจที่รวยรินในคราแรกแทบจะไม่รู้สึก

นาทีสุดท้าย คุณท่านโกคำรามลั่น ท้ายที่สุดก็เลือกที่จะคลายมือออก

น้ำตาแห่งความเสียใจหยดลงจากขอบตาของเขา พลันบ่นพึมพำ “ยินยิน ขอโทษ ปู่ทำไม่ได้ ขอโทษ ยินยิน แกวางใจเถอะ ปู่จะไม่ให้แกต้องตายคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว ต่อให้ลงนรก ปู่ก็จะไปกับแก”

“ในเมื่อแกลงมือไม่ได้ งั้นก็ฉันเอง” ในขณะที่คุณท่านโกคิดที่จะฆ่าตัวตายนั้นเอง น้ำเสียงที่เย็นชาของตงฟางเย่นดังขึ้นจากทางด้านหลัง

จบประโยค ร่างของตงฟางเย่นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเมี๋ยวชุ่ย มือของเธอในตอนนี้ถือมีดที่แหลมคมเอาไว้ คิดที่จะจ้วงไปยังอกของเมี๋ยวชุ่ย

“หยุด!” คุณท่านโกตะโกนเสียงดัง ไม่ทันให้คิดอะไรมาก พลันคิดที่จะแย่งมีดในมือของตงฟางเย่น

“ตาแก่หนังเหนียว แกคิดจะหักหลังหรือยังไง?” ตงฟางเย่นไม่คิดเลยว่าคุณท่านโกจะขัดขวางเธอ ดวงตาจ้องคุณท่านโกอย่างดุกร้าว

เธอไม่รู้สึกเป็นมิตรต่อคนของตระกูลหลี่อยู่แล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะแก้แค้น ตงฟางเย่นจะปล่อยไปแบบง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง หลังจากนั้นคุณท่านโกทั้งคู่จึงต่อสู้กันที่ห้องวิจัย

อันที่จริงความสามารถของตงฟางเย่นไม่ต่างอะไรกับโหจื่อ บวกกับที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณท่านโก สู้กับคุณท่านโกได้ไม่ถึงสามสิบท่าก็แพ้เสียแล้ว

“ตาแก่หนังเหนียว แกกล้าฆ่าฉันงั้นเหรอ? อย่าลืมสิว่ารับปากอะไรกับเจ้าบ้านเอาไว้!” ตงฟางเย่นถูกท่านโกพันธนาการเอาไว้ แต่คนที่ชาญฉลาดอย่างเธอเข้าใจที่จะใช้ท่านจวนเพื่อข่มขู่คุณท่านโก

เป็นไปตามคาด หลังจากที่ได้ยินเธอพูดถึงท่านจวน คุณท่านโกลังเลอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่หลังจากที่ลังเล สายตาก็ฉายแววมุ่งมั่นให้เห็น “ฉันไม่ฆ่าเธอ แต่ก็ไม่มีทางปล่อยให้เธอทำอะไรคนของตระกูลหลี่แม้แต่คนเดียว”

จบประโยค คุณท่านโกมีดทุบตงฟางเย่นจนสลบไป เวลาสั้นๆ เมื่อสักครู่ เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ในเมื่ออ่านจวนใช้ยินยินข่มขู่เขาได้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ใช้ตงฟางเย่นเพื่อไปต่อรองกับท่านจวนล่ะ?

คุณท่านจวนที่มีแผนการในใจจ้องมองทีมพยาบาลอย่างรู้สึกผิด ก่อนที่จะแบกตงฟางเย่นที่สลบไปแล้วออกจากบ้านพักตากอากาศ

“ไท่ซาง! ตื่น! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” หลังจากที่หลี่ต๋าคาง ส้าวส้วย และโหจื่อกลับมายังบ้านพักตากอากาศ เมื่อเห็นแทบทุกคนกองอยู่กับพื้นแทบคลั่ง

เขาคิดไม่ถึงเลยเขาออกไปเพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้น แต่เรื่องราวกลับเป็นแบบนี้ไปได้

โหจื่อรีบวิ่งไปยังไท่ซาง ประคองเขาให้ลุกขึ้นจากพื้น พลันตรวจสอบไปทั่วร่าง เมื่อพบว่าเขาเพียงสลบไปเท่านั้นจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

ส้าวส้วยและหลี่ต๋าคางปรี่ขึ้นไปยังชั้นบนห้องวิจัยทันที เมื่อเห็นราฟาเอลที่สลบอยู่ที่พื้น ร่างของเขาแข็งทื่อ

หลี่ต๋าคางจับผนังเอาไว้ บังคับตนเองไม่ให้คิดมาก เดินเข้าไปยังห้องวิจัยอย่างทุลักทุเล เมื่อเห็นหมอที่ตายอย่างน่าอนาถ หลี่ต๋าคางฉายแววสิ้นหวัง แทบจะล้มลงกับพื้น

“เฮีย! ทำใจดีๆ เอาไว้!” ดีที่ส้าวส้วยที่อยู่ด้านข้างประคองเขาเอาไว้อย่างว่องไว ส่งเสียงเรียกสติของหลี่ต๋าคางเอาไว้

“ไม่เป็นอะไรหรอก เสี่ยวชุ่ยไม่เป็นอะไรแน่” ประโยคนั้นไม่เพียงแต่พูดให้กับส้าวส้วยฟัง แต่เป็นคำที่หลี่ต๋าคางปลอบใจตนเอง

หลี่ต๋าคางเดินมาทางเมี๋ยวชุ่ยภายใต้การประคองของส้าวส้วยอย่างทุลักทุเล มือที่สั่นเทาแตะจมูกของเธอ เมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่ร้อนระอุของเมี๋ยวชุ่ยเขาดีใจจนแทบน้ำตาไหล

“ไม่เป็นไร เสี่ยวชุ่ยไม่เป็นอะไร!” หลี่ต๋าคางจับมือของส้าวส้วยกล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ

เมื่อได้ยินหลี่ต๋าคางบอกว่าเมี๋ยวชุ่ยไม่เป็นอะไร ส้าวส้วยเองก็ถอนหายใจอย่างหนัก อันที่จริงเมื่อสักครู่เขาเองก็ตกใจมาก เพียงแค่ความเย็นชาที่ชินชาของเขาทำให้เขาพอมีสติอยู่บ้าง

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดี เฮียไปตรวจสอบส่วนอื่นในร่างกายน้าเหมี๋ยวก่อนเถอะ ผมจะไปตรวจสอบสถานการณ์”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท