NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1282 พวกเราแต่งงานกันเถอะ

บทที่ 1282 พวกเราแต่งงานกันเถอะ

“พี่หลี่ฝาง ในที่สุดพี่ก็กลับมา!” หยางฉงที่อยู่ใกล้หลี่ฝางมากกว่าก็รีบวิ่งลงจากเตียงผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว และโผเข้าอ้อมแขนของหลี่ฝาง พูดอย่างสะอื้น

ส่วนฉินวี่เฟยที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่ติดหน้าต่างเห็นภาพทั้งสองโอบกอดกัน ที่จริงอยากจะเปิดผ้าห่มก็ชะงักและหยุดลง ในใจเกิดความเจ็บปวด และดวงตาที่มองไปทางหลี่ฝางก็ปรากฏเงาของน้ำตา

หลี่ฝางกอดคนอยู่ในอ้อมแขน ดวงตากลับมองฉินวี่เฟยที่อยู่ไม่ไกล ทำให้เขามีความรู้สึกผิดสุดๆ

เขามีความคิดอยากจะสลัดหยางฉงออก และโผเข้ากอดฉินวี่เฟย แต่คำพูดของหลี่ต๋าคางบนรถเมื่อครู่มันดังก้องย้ำเตือนหลี่ฝางอยู่ในใจ เขาทำได้แค่ระงับความต้องการนี้ไว้อย่างสุดกำลัง

“เอาล่ะ ทำไมเธอยังขี้แยเหมือนแต่ก่อนเลยนะ ฉันก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วไง?”

หลี่ฝางเบนสายตา ก้มหน้าลูบผมหยางฉงเบาๆ น้ำเสียงปลอบโยนอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากร้องไห้ไปรอบนึง อารมณ์ของหยางฉงก็ค่อยๆ สงบลง จากนั้นถึงจะนึกได้ว่าพฤติกรรมของตัวเองนั้นไม่เหมาะสมเล็กน้อย ถึงยังไงตอนนี้หลี่ฝางก็ไม่ใช่ของเธอคนเดียว

“พี่วี่เฟย ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แค่หลังจากที่ฉันได้เห็นพี่หลี่ฝางก็ตื่นเต้นเกินไปหน่อย เลยควบคุมตัวเองไม่ได้ครู่นึง”

หยางฉงผละตัวออกจากอ้อมแขนของหลี่ฝาง หันไปมองฉินวี่เฟย และพูดด้วยสีหน้าขอโทษ

ฉินวี่เฟยยิ้มอ่อนและส่ายหัว ปกปิดความเศร้าพวกนั้นในดวงตาของตน “ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือสา”

เมื่อหลี่ฝางได้ยินคำว่าไม่ถือสาสามคำนี้ ใจก็เหมือนว่ามีคนกระแทกชนอย่างจัง เจ็บแบบจุกๆ ลูกกระเดือกเขาสั่นอยู่ครู่ อยากจะพูดอะไรแต่กลับพูดไม่ออก

ถึงแม้ความคิดของหยางฉงจะไม่ได้ระมัดระวัง แต่ก็สามารถรู้สึกได้ถึงความผิดหวังบางอย่างจากฉินวี่เฟย ในขณะเดียวกันก็ยังเห็นถึงความต่อต้านในสายตาของหลี่ฝาง

มองสายตาที่ลึกซึ้งของหลี่ฝาง ใจของหยางฉงก็มีความรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ความจริงแล้วตอนที่หลี่ฝางออกจากเมืองจินซานเธอก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์ที่หลี่ฝางจะเลือกสุดท้ายคืออะไร แต่เธอแค่อยากจะพยายามเพื่อความรู้สึกครั้งนี้สักครั้ง

“ห้องนี้อึดอัดไปหน่อย ไท่ซางนายไปเดินเล่นข้างล่างเป็นเพื่อนฉันหน่อย” หยางฉงรู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยก็จะเป็นส่วนเกิน ทั้งที่ไม่เต็มใจจะปล่อยมือหลี่ฝาง แต่เธอก็ยังเลือกที่จะสนับสนุนหลี่ฝางกับฉินวี่เฟย

แล้วลากไท่ซางที่พยายามทำตัวให้เหมือนอากาศสุดๆ ออกไปจากห้องพักผู้ป่วยโดยไม่หันกลับไปมอง ฉินวี่เฟยอยากจะรั้งให้เธออยู่ แต่หยางฉงกลับทำเป็นไม่ได้ยิน

ไม่นานในห้องพักผู้ป่วยก็เหลือแต่หลี่ฝางกับฉินวี่เฟยสองคน ถึงแม้ว่าระยะห่างของทั้งสองคนจะอยู่แค่สาม สี่เมตร แต่หลี่ฝางกลับรู้สึกว่านี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดในชีวิตเขา

“วี่เฟย ฉันกลับมาแล้ว” หลี่ฝางเดินไปด้านหน้าเตียงผู้ป่วยของวี่เฟย พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเอ็นดู

ไม่มีคนอื่นอยู่แล้วฉินวี่เฟยก็ไม่สามารถยับยั้งความคิดถึงในใจที่มีต่อหลี่ฝางได้ และโผเข้าอ้อมกอดของหลี่ฝางอย่างแรง

ทั้งสองที่พรากจากกันไปนานกอดกันแน่น ถึงแม้ว่าฉินวี่เฟยจะพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา แต่หลี่ฝางก็ตัดสินได้ว่าฉินวี่เฟยกำลังร้องไห้อยู่จากตัวที่สั่นเทาของเธอ

ในความคิดของหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวคนนึง ถึงแม้จะได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจก็ยากที่จะมีน้ำตาไหล

เทียบกับหยางฉงที่เจ็บก็ร้องแล้ว หลี่ฝางรู้สึกว่าร้องไห้แบบไม่มีเสียงอย่างฉินวี่เฟยยิ่งทำให้เจ็บปวดมากกว่า

“โอ๋ ไม่ต้องร้องแล้ว ฉันรู้ว่าฉันไม่ดี ทำให้เธอเป็นห่วงแล้ว” รู้สึกถึงความเจ็บปวดของคนในอ้อมแขน ในใจของหลี่ฝางก็รู้สึกไม่ดีสุดๆ จนน้ำเสียงก็มีความสะอื้นเล็กน้อย

“หลี่ฝาง!นายมันคนเลว!ทำไมกัน ถึงแม้จะเลิกกันแล้ว นายก็ยังมีอิทธิพลในหัวใจฉันแบบนี้!เพราะอะไร!ทำไมกัน!”

คำพูดอ่อนโยนของหลี่ฝางไม่เพียงแต่ไม่สามารถปลอบประโลมได้เท่านั้น กลับทำให้ฉินวี่เฟยกลายเป็นตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ทุบอกหลี่ฝางด้วยกำปั้นอย่างบ้าคลั่ง อารมณ์ไม่สงบพลางตะโกนใส่หลี่ฝาง

อาจพูดได้ว่าความขับข้องใจและความไม่สบายใจหลายปีของฉินวี่เฟยทั้งหมดถูกระบายออกมาในครั้งเดียว ความจริงแล้วตอนที่รู้ว่าหลี่ฝางมีผู้หญิงคนอื่น ในใจของฉินวี่เฟยก็มีความเคียดแค้นใจ

แต่ว่าต่อมาหลังจากที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ความเคียดแค้นในใจของฉินวี่เฟยก็ค่อยๆ หายไป แม้แต่หลี่ฝางก็ไม่เคยได้ยินข่าวกลับมา ใจของเธอยังรู้สึกเป็นห่วง

ทำไมเธอถึงไม่อยากคบกับหลี่ฝาง อาจเป็นเพราะยิ่งรู้จักกับหยางฉง ฉินวี่เฟยก็ยิ่งรู้สึกว่าหยางฉงเป็นผู้หญิงที่ดี เพราะไม่มีทางที่จะแย่งหลี่ฝางมาจากหยางฉงได้จริงๆ

“เอาล่ะวี่เฟย ไม่ร้องแล้วโอเคมั้ย? เธอร้องใจฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน เป็นฉันที่ไม่ดี เธอจะตีจะด่าฉันได้หมดเลย แต่เธออย่าร้องไห้เพราะฉันเลยโอเคมั้ย?”

ความจริงแรงน้อยๆ ของฉินวี่เฟยตีหลี่ฝางราวกับละอองฝนกระทบ แต่คำพูดของเธอกลับเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของหลี่ฝาง ทำให้เขาทั้งเจ็บทั้งปวด เขากอดฉินวี่เฟยไว้ในอ้อมแขนแน่น และพูดปลอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ผ่านไปประมาณ10นาที ฉินวี่เฟยถึงจะหยุดร้อง ร่างกายอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนหลี่ฝาง แดดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่าง ทำให้เกิดภาพที่งดงามขึ้น

“วี่เฟย พวกเราแต่งงานกันเถอะ” หลี่ฝางก้มหน้าและลูบหน้าผากของฉินวี่เฟยไปจนถึงหลังใบหู พลางพูดกับเธอด้วยสีหน้าที่มีความรู้สึกลึกซึ้ง

คำพูดประโยคนี้ทำให้ฉินวี่เฟยอึ้ง มองหลี่ฝางอย่างอึ้งๆ ไม่ได้สติไม่รู้ว่าตัวเองได้ยินอะไรอยู่ครู่

เมื่อเห็นท่าทีอึ้งๆ ของเธอ หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และเคาะหน้าผากฉินวี่เฟยเบาๆ “ยัยนี่ เธอคงไม่ได้ตกใจจนเอ๋อไปแล้วใช่มั้ย?”

ถูกหลี่ฝางเคาะแบบนี้ ฉินวี่เฟยก็นับว่าดึงสติกลับมาได้แล้ว แต่บนใบหน้าเธอกลับไม่ได้มีความสุขของการถูกขอแต่งงาน ตรงกันข้ามกลับมีความไม่เต็มใจ

“นายพูดบ้าอะไรเหนี่ย พวกเราจะแต่งงานกันได้ยังไง ถ้าฉันแต่งงานกับนาย แล้วหยางฉงจะทำยังไง ลูกของนายกับเธอจะทำยังไง? หยางฉงเป็นผู้หญิงที่ดี นายจะทำให้เธอเสียใจไม่ได้”

หลังจากได้ยินคำของฉินวี่เฟย รอยยิ้มที่เคยเต็มหน้าของหลี่ฝางก็แข็งทื่อลงเล็กน้อยทันที ไม่รู้ว่าทำไม เขาในตอนนี้ไม่ชอบความรู้ความของฉินวี่เฟยเอามากๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท