NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1270 ช่วยตงฟางเย่น

บทที่ 1270 ช่วยตงฟางเย่น

ไท่ซางเป็นคนประมาทอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของคุณท่านโกแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินเขาชื่นชมบ้านพักตากอากาศจึงได้ใจขึ้นมา “แน่นอนอยู่แล้ว ตอนแรกเฮียของผมเสียไปมหาศาล ท่านดูพืชเมืองร้อนพวกนั้นสิ พวกนั้นมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะทั้งนั้นเลยนะ แล้วก็พวกนั้น……”

คุณท่านโกยืนอยู่อีกด้านยืนฟังคุณท่านโกเงียบๆ กำปั้นคลายออกกำแน่นอยู่อย่างงั้นเรื่อยๆ ความมุ่งมั่นฉายผ่านใต้ดวงตา

แม้ความสามารถของไท่ซางจะใช้ได้ แต่เมื่อเทียบกับคุณท่านโกแล้วด้อยกว่ามาก เขากำลังเล่าอย่างออกรสชาติ ความเจ็บปวดก็แล่นผ่านท้ายทอย ก่อนที่ตรงหน้าจะมืดสนิทล้มลงกับพื้น

เมื่อจ้องมองไท่ซางที่กองกับพื้น ท้ายที่สุดคุณท่านโกไม่ได้สังหารเขา แม้ชีวิตนี้เขาจะฆ่าคนมามาก แต่คนพวกนั้นล้วนแล้วแต่มีความบาดหมางกับเขา เขามั่นใจว่าชีวิตนี้เขาไม่เคยฆ่าคนบริสุทธิ์

“โทษที ฉันเองก็ไม่มีทางเลือก” คุณท่านโกพูดคนเดียว ก่อนที่จะเดินลงไปที่ห้องใต้ดินที่คุมขังตงฟางเย่นเอาไว้

“คุณท่านโก มาที่นี่ได้ยังไง?” คนที่เฝ้าตงฟางเย่นเอาไว้หลายคน กล่าวถามอย่างประหลาดใจ

“เฮียของพวกแกให้ฉันฝากข้อความถึงตงฟางเย่น พวกแกปล่อยเธอลงมาจากไม้กางเขนก่อน”

เผชิญกับความสงสัยของพวกเขา คุณท่านโกหกมืออาชีพ

ตงฟางเย่นที่ถูกเฆี่ยนจนเลือดเต็มตัวจ้องเขม็งคุณท่านโก ตอนแรกยังเต็มไปด้วยการระมัดระวังตัว แต่ท้ายที่สุดกลับฉีกยิ้มออกมา

ตงฟางเย่นจ้องเข้าไปในส่วนลึกของคุณท่านโก เธอรู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนที่ท่านจวนส่งมาให้ช่วยเธอ

ตงฟางเย่นที่รู้ว่าตนเองจะได้รับความช่วยเหลือ สายตากวาดไปยังบอดี้การ์ดทั้งหลายที่เฝ้าเธอด้วยความอาฆาต

“คงไม่ดีมั้งครับ? มีอะไรถามเธอได้เลย” หัวหน้าบอดี้การ์ดกล่าว

แม้ตงฟางเย่นในตอนนี้จะถูกลงโทษจนแทบจะไร้ความเป็นผู้คน แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นนักรบ หากปล่อยเธอแล้วเกิดขัดขืนขึ้นมาจะทำยังไง

“ฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคนพวกแกจะกลัวอะไร? แล้วอีกอย่าง เธอมีสภาพแบบนั้นแล้ว ผู้ชายอกสามศอกอย่างพวกแกจะกลัวเธอเหรอไง?”

คุณท่านโกเห็นว่าพวกเขาไม่ยอมปล่อย จึงตั้งใจใช้แผนการหลอกล่อ เป็นไปตามคาด เมื่อพวกเขาได้ยินว่าตนเองกลัวผู้หญิง บอดี้การ์ดเหล่านั้นเกิดสีหน้าไม่พอใจ

“ตลกหน่า พวกเราจะกลัวผู้หญิงได้ยังไง” หัวหน้าบอดี้การ์ดตอกกลับด้วยความโกรธ ก่อนที่จะปล่อยตงฟางเย่นออกจากไม้กางเขน

นาทีที่ปล่อยตัวตงฟางเย่น ลำคอของหัวหน้าบอดี้การ์ดคนนั้นก็หักทันที

“ถอยไปข้างหลัง! ถอยไปเร็วเข้า!” เมื่อบอดี้การ์ดที่เหลือเห็นเหตุการ์ดต่างตกใจจนถอยกรูด จ้องมองตงฟางเย่นด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก

“คุณท่านโก! จัดการเร็วเข้า!” เมื่อเห็นตงฟางเย่นที่กระหายเลือด บอดี้การ์ดเหล่านั้นตะโกนขอความช่วยเหลือจากคุณท่านโก

คุณท่านโกจ้องมองตงฟางเย่นที่เต็มไปด้วยความอาฆาต จึงรั้งเธออย่างอดใจไม่ได้ “ตงฟางเย่น พอแค่นี้เถอะ พวกเขาก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”

“ฉันจะทำอะไรแกไม่ต้องมาสั่ง” ตงฟางเย่นทำตาขวางใส่คุณท่านโก ไม่แยแสคำพูดของเขาแม้แต่น้อย

จ้องมองตงฟางเย่นที่เข่นฆ่าไปทั่ว คุณท่านโกถอนหายใจอย่างไร้หนทาง ดูทีท่าของเธอ บาดแผลของเธอคงไม่เป็นอะไรมาก จึงไม่สนใจเธออีก พลันขึ้นมาจากห้องใต้ดิน เดินไปที่ห้องวิจัยของเมี๋ยวชุ่ย

ราฟาเอลยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าสองวิจัยกับบอดี้การ์ดหลายนาย เมื่อเห็นคุณท่านโกเดินมาทางนี้ ในสายตาของเขาฉายแววสงสัย

“คุณท่านโก ไท่ซางไม่ได้อยู่กับท่านงั้นเหรอ?”

คุณท่านโกเองก็มองออกว่าหนุ่มตรงหน้ามีความรอบคอบระวังตัวมากกว่าคนอื่น ลูกตากลอกไปมา กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ไท่ซาง? ฉันเดินเล่นข้างนอกกลับมาไม่เจอเขาเลย”

ราฟาเอลจ้องท่านโกอยู่นาน ไม่ได้ถามเรื่องราวของไท่ซางอีก ทว่ากลับเบี่ยงไปทางห้องวิจัย

“นี่เป็นห้องวิจัยของเรา ข้างในนั้นมีเอกสารลับอยู่มาก รบกวนท่านโกลงไปพักผ่อนข้างล่างก่อน เฮียมีธุระออกไปข้างนอก อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว”

บอกตามตรงหากไม่ใช่เพราะท่านจวนกุมเงื่อนงำของเขาเอาไว้ คุณท่านโกไม่มีทางเป็นปรปักษ์กับตระกูลหลี่แน่

นอกจากหลี่ต๋าคางและหลี่ฝางแข็งแกร่งแล้วนั้น มองจากลูกน้องที่ยังหนุ่มแน่นแต่ละคนที่เก่งกาจของเขา หากเป็นไปตามคาดอนาคตต้องได้ทำการใหญ่แน่

เป็นปรปักษ์กับกลุ่มคนที่อนาคตไกลแบบนี้ เป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

แต่เริ่มแล้วไม่มีทางให้ย้อนกลับ เรื่องมาถึงขนาดนี้เขาไม่มีทางอื่นอีก คุณท่านโกจ้องมองราฟาเอลพร้อมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

“ฉันแค่อยากเข้าไปชมเท่านั้น ในเมื่อข้างในนั้นเข้าไปไม่ได้ งั้นฉันไปดูที่อื่นแล้วกัน”

เมื่อได้ยินคำของคุณท่านโก ราฟาเอลที่ตั้งตัวระวังเกิดผ่อนคลายบ้าง แต่ในทันทีที่คุณท่านโกหันหลังเดินออกไป เขากลับมีความเคลื่อนไหว ราฟาเอลไม่ทันได้ตั้งตัว ท้ายทอยถูกโจมตีอย่างหนัก

เขาจับแขนเสื้อของคุณท่านโกแน่น ในสายตาเต็มไปด้วยการข่มขู่และยากที่จะเชื่อ กระทั่งสลบไปแต่เขาก็ยังไม่ปล่อยมือ

“ต้องขออภัยจริงๆ” คุณท่านโกดึงแขนเสื้อของตนเองออกจากมือของราฟาเอล ในสายตาฉายแววลำบากใจ

ก่อนที่จะยืดตัวขึ้น สูดหายใจเข้ามองบอดี้การ์ดสองนายข้างๆ ที่ยกปืนขึ้นอย่างสั่นเทาพร้อมกล่าว “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าคน พวกแกสองคนไปเถอะ”

เหมือนกับว่าไม่เชื่อคำพูดของท่านโก บอดี้การ์ดสองนายสบตากัน เมื่อเห็นว่าคุณท่านโกไม่คิดจะฆ่าเขาจริงๆ จึงรีบทิ้งปืนในมือพร้อมวิ่งออกไปข้างนอกบ้านพักตากอากาศอย่างทุลักทุเล

เหล่าพยาบาลในห้องทดลองจ้องมองคุณท่านโก ร่างกายสั่นเทาราวกับตะแกรง แต่ต่อให้บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความผวา แต่ก็ยังเฝ้าอยู่ข้างกายเมี๋ยวชุ่ยเช่นเดิม

“แก แกคิดจะทำอะไร? ฉันขอเตือนไว้ก่อน หากแกกล้าลงมือกับเรา เฮียไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่!”

คุณหมอที่รักษาเมี๋ยวชุ่ยถือมีดผ่าตัดเอาไว้ในมือ กล่าวกับคุณท่านโก

เมื่อได้ยินอย่างงั้น คุณท่านโกหัวเราะออกมา เขารู้อยู่แล้วว่าหากเขาแตะต้องเมี๋ยวชุ่ย หลี่ต๋าคางไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ ไม่อย่างงั้นเขาก็คงไม่เลือกลงมือในตอนที่หลี่ต๋าคางไม่อยู่หรอก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท