NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่1288 สอนไม่ดี

บทที่1288 สอนไม่ดี

“เมื่อกี้พวกเธอสองคนพูดอะไรกัน? แต่งงานกับพวกเธอ? นี่หมายความว่าอะไร?” หลี่ฝางที่อึ้งไปสามนาทีเต็มๆ ถึงได้เบิกตากว้างมองไปทางฉินวี่เฟยกับหยางฉงพลางถาม

ทำพูดของทั้งสองคนนี้แทนที่จะพูดว่าเป็นเซอร์ไพรส์ เรียกว่าเป็นเรื่องช็อกดีกว่า หลี่ฝางคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าฉินวี่เฟยกับหยางฉงจะตัดสินใจแบบนี้

เห็นแบบนั้น หยางฉงกับฉินวี่เฟยก็ต่างเดินยิ้มเข้ามายืนข้างๆ หลี่ฝาง ซ้ายคนขวาคนและควงแขนของเขาไว้

“ใช่ นายฟังไม่ผิด แต่งงานกับพวกเรา”

“พี่หลี่ฝาง พี่ยินดีจะแต่งกันพวกเรามั้ย?”

หลี่ฝางหยิกขาตัวเองอย่างแรงไปหนึ่งที ดูว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป ทำไมนี่มันไม่ค่อยเหมือนที่เขาคิดเอาไว้เลยล่ะ?

“วี่เฟย เสี่ยวฉง พวกเธอสองคนอย่าล้อเล่นนะ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เอามาไว้เล่นนะ” หลี่ฝางดึงแขนออกมาจากอ้อมอกของพวกเธอ และขมวดคิ้วจนเกิดรอยย่น

กัดฟัน และพูดพลางมองฉินวี่เฟย “วี่เฟย ฉันชอบเธอมากจริงๆ ที่ฉันขอเธอแต่งงานนั้นจริงใจนะ เธอไม่จำเป็นต้องมาใช้วิธีนี้ลองใจฉันหรอก”

พูดประโยคนี้จบ ก็หันหน้าไปมองหยางฉง “เสี่ยวฉง เธอวางใจนะ ถึงแม้ฉันจะเลือกอยู่กับฉินวี่เฟย แต่ฉันจะทำหน้าที่ที่พ่อคนนึงควรทำ ยังไงฉันก็จะไม่ให้ผิงอันกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อ”

ถึงแม้ฉินวี่เฟยกับหยางฉงทั้งสองดูเหมือนไม่ได้ล้อเล่น แต่หลี่ฝางก็รู้สึกว่าพวกเธอกำลังลองใจตน

พอเห็นท่าทีจริงจังของหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยกับหยางฉงทั้งสองคนก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

“พวกเราไม่ได้ล้อเล่นนะ พวกเราได้ผ่านการคิดมาอย่างจริงจังแล้วถึงได้ตัดสินใจ นายก็รู้ตัวเอง ไม่ว่านายจะเลือกใครสักคนในระหว่างพวกเรา นายกับอีกคนก็ไม่มีทางที่จะตัดความสัมพันธ์ได้หมดหรอก แทนที่จะให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนผัวพันกันไปตลอดชีวิต สู้ไม่เอาตรงๆ ให้ชัดๆ ไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ พวกเราทั้งสามคนใช้ชีวิตด้วยกัน”

ฉินวี่เฟยมองตาหลี่ฝางและพูดอย่างจริงจัง หยางฉงที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าอย่างแรง หลังจากการยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดหลี่ฝางก็เชื่อว่าพวกเธอไม่ได้ล้อเล่น อ้าปากเหวอ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรอยู่ครู่นึง

“วิธีนี้ใครเป็นคนสอนพวกเธอกัน?” ตอนแรกคิดว่าหลี่ฝางจะพูดความในใจ แต่คิดไม่ถึงว่ารอไปครึ่งวันหลี่ฝางจะพูดประโยคนี้

ผ่านไปไม่กี่วินาที ฉินวี่เฟยกับหยางฉงก็พูดขึ้นพร้อมกัน แต่ว่าเนื้อหาไม่เหมือนกัน

“ฉันคิดเอง”

“ไท่ซาง”

เมื่อได้ยินหยางฉงบอกว่าวิธีนี้มาจากไท่ซาง หน้าของหลี่ฝางก็ดำเลย ไท่ซางไอ้เด็กเปรต สอนอะไรแต่ละอย่างมั่วซั่วทั้งนั้น!

“ไอ้หมอนี่ ไม่โดนดีสักวันแล้วจะตายจริงๆ คอยดูว่าฉันจะจัดการมันยังไง!” หลี่ฝางกัดฟันและทิ้งคำนี้ไว้ จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย และเดินไปทางไท่ซางที่นั่งอยู่ตรงระเบียงด้วยสีหน้าเข้ม

“ลูกพี่ พวกพี่สะใภ้ทำลูกพี่ไม่พอใจเหรอ? ทำไมถึงได้หน้าดำค่ำเครียดแบบนี้?” ไท่ซางที่ยังไม่รู้ว่างานใหญ่กำลังจะเข้าก็มองไปที่หลี่ฝางที่พุ่งเข้ามา แล้วถามอย่างสงสัย

“เปล่า” หลี่ฝางเค้นคำออกมาทั้งที่กัดฟัน หมัดสองข้างกำแน่นจนได้ยินเสียงดังกร๊อบแกร๊บ

“ถ้าไม่ได้ทำให้ไม่พอใจงั้นทำไมต้องทำหน้าบูดด้วยล่ะ ทำอย่างกับฉันติดหนี้ลูกพี่เลย” ไท่ซางได้ยินคำพูดของหลี่ฝางก็มองบน พูดจบก็ก้มหน้าและเตรียมเริ่มเล่นโทรศัพท์ต่อ

หลี่ฝางมองดูเขาท่าทีโง่เง่ายิ่งทำให้รู้สึกโมโห และเข้าไปล็อกคอเขาไว้

“ไอ้เด็กเวร นายไปสอนอะไรหยางฉงกันห้ะ!แถมยังให้พวกเธอใช้สามีคนเดียวกันอีก!นายเป็นคนเจ้าชู้คนเดียวก็ช่างเถอะ แต่นี่ยังคิดจะลากฉันลงไปด้วย!”

แขนของหลี่ฝางล็อกคอไท่ซางไว้แน่น พลางด่าพลางตบหัวเขาอย่างแรงหลายที

ไท่ซางที่จู่ๆ ก็โดนจู่โจมแบบนี้ก็งง คว้าแขนของหลี่ฝางพลางดิ้นรนพลางอธิบาย “ลูกพี่ ลูกพี่ปรักปรำฉันแล้ว!ฉันจะไปกล้าสอนอะไรแบบนี้ให้พี่สะใภ้ได้ยังไง!เมื่อกี้พี่สะใภ้ถามฉันตอนที่อยู่ข้างล่างตึกชัดๆ !ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันสักนิด!”

“ฉันเชื่อแกก็บ้าแล้ว!เสี่ยวฉงเป็นผู้หญิงใสซื่อ ถ้านายไม่สอนเธอ เธอจะไปรู้จักเรื่องนี้ได้ไง? เห็นที่เวลาที่ฉันไม่อยู่นายคงคันอีกแล้วใช่มั้ย ฉันคงจำเป็นต้องจัดการให้นายสักหน่อยแล้วมั้ง”

สำหรับประโยคสุดท้ายที่เขาพูด หลี่ฝางไม่เชื่อเลยสักคำเดียว พลางพูดพลางเพิ่มแรงขึ้น

ไท่ซางรู้สึกว่าตัวเองแทบจะขาดอากาศหายใจแล้ว เขาใช้มือตบแขนขอร้องหลี่ฝางอย่างแรง “ลูกพี่ นี่ฉันไม่ได้สอนจริงๆ นะ!ลูกพี่ไม่เชื่อก็ไปถามพี่สะใภ้ดู!”

ขณะที่ไท่ซางคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย ฉินวี่เฟยกับหยางฉงก็ออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เขาเห็นเงาของหยางฉงก็ราวกับได้เห็นดวงดาวมาช่วยชีวิตเขา พลางรีบขอร้องหยางฉง

“พี่สะใภ้!ทำไมถึงได้บอกว่าเรื่องพวกนั้นฉันเป็นคนสอนกัน!เมื่อกี้ที่ใต้ตึกเธอเป็นคนถามฉันเองแท้ๆ !เธอรีบอธิบายกับลูกพี่เร็วเข้า!”

หยางฉงมองไปทางทั้งสองที่สู้กันกลมก็อดหัวเราะไม่ได้ มองไท่ซางที่หายใจไม่ออกจนหน้าแดง เธอก็กลั้นขำและพูดกับหลี่ฝาง

“พี่หลี่ฝาง เรื่องนี้จะโทษไท่ซางก็ไม่ได้ เรื่องนี้ก็จริงที่ฉันเป็นคนเริ่มพูดขึ้นมา ไม่ได้นับว่าเป็นความรับผิดชอบของเขาคนเดียว”

“ลูกพี่ลูกพี่!ได้ยินที่พี่สะใภ้พูดแล้วใช่มั้ยว่าไม่ใช้ความรับผิดชอบของฉัน!ลูกพี่รีบปล่อยฉันเถอะ!” เมื่อได้ยินหยางฉงพูดขอร้องให้ตน ไท่ซางก็ดีใจ และรีบใช้โอกาสดีๆ พูดให้หลี่ฝางปล่อยตนไป

“ผู้หญิงเธออย่างเธอรู้อะไร ถามเธอก็ต้องตอบเหรอ? ปากเธอนี้พูดได้ดีจริงๆ เห็นที่ฉันคงต้องเอาเข็มมาเย็บสักหน่อยแล้ว!”

ที่ทำให้ไท่ซางคิดไม่ถึงก็คือ ถึงแม้จะมีคำขอของหยางฉง หลี่ฝางก็ยังเอาความผิดยัดใส่ตัวเขา

ไท่ซางรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารจริงๆ และร้องอย่างหมดหนทาง “ลูกพี่ อย่าทำแบบนี้สิ!ฉันไม่เชื่อว่าลูกพี่จะไม่ชอบความรู้สึกที่ได้กอดซ้ายคนขวาคนแบบนี้!คนอย่างลูกพี่นี่ได้ของดีแล้วยังมาบ่นอีก หลังจากนี้ฉันจะไม่ช่วยนายแล้ว!”

ที่จริงหลี่ฝางก็เกือบจะหายโกรธแล้ว แต่หลังจากได้ยินประโยคนี้ของไท่ซาง ความโกรธในใจก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

และเขาก็คว้าแขนของไท่ซาง และบิดมันไปด้านหลัง “เรื่องนี้นายยังมีเหตุผลอีกเหรอ!คอยดูถ้าวันนี้ฉันไม่จัดการนายสักทีเห็นทีจะไม่ได้แล้ว!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท