NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1303 ติดกับเข้าแล้ว

บทที่ 1303 ติดกับเข้าแล้ว

” เอ่อ ……นี่มันรสชาติอะไรกันเนี่ย?จะอ้วกแล้ว!” หลังจากที่พวกของหลี่ฝางกลืนยาลงไป ไขจี๋เออก็โค้งตัวลงพร้อมกับอ้วกเปล่าออกมา

ทางด้านหลี่ฝางเองก็โดนยาเม็ดนี้ทำเอาคิ้วขมวดย่น หรือแม้แต่คนที่รักษากิริยามาโดยตลอดอย่างส้าวส้วยก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“อันที่จริงยาเม็ดนี้ไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากหรอก มันก็เป็นเพียงแค่อุจจาระของแมลงผู้พิทักษ์เท่านั้น” อูหลิงที่ได้เห็นท่าทางขมขื่นของพวกเขา ก็พูดออกมาอย่างสะใจ

เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา ภายในห้องก็เกิดเสียงสะอึกออกมาในทันที ซึ่งเมื่อได้เห็นท่าทีน่ารันทดของพวกเขา อูหลิงก็ยิ้มออกมา

“ยานี้แค่เข้าปากก็ละลายทันที ตอนนี้ต่อให้พวกคุณจะอ้วกออกมาก็ไม่มีประโยชน์”

“นาย!” หลี่ฝางรู้สึกว่าน้ำดีของตัวเองนั้นแทบจะอ้วกออกมาอยู่แล้ว ยิ่งได้ยินคำพูดประโยคถัดมาของอูหลิงก็โกรธจนอยากจะเข้าไปเอาเรื่อง

เจ้าเด็กนี่นอกจากมารยาทต่ำ แล้วยังจะกวนตีนอีก วันนี้เขาคงต้องช่วยพ่อแม่ของเจ้านี่ช่วยสั่งสอนอบรมเขาสักหน่อยแล้ว !

หากว่าตามความแข็งแกร่งของหลี่ฝาง การจะสั่งสอนอูหลิงนับว่าเป็นเรื่องที่สบายมากๆ แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตาค้างด้วยความตกใจคือทั้งการเคลื่อนไหวและความรวดเร็วของหลี่ฝางนั้นกลับไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาทั่วไปเลย

ส่วนหลี่ฝางเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน เขารีบร้อนตรวจดูแดนพลังของตัวเองแล้วพบว่าแดนสุดครึ่งเทพของตัวเองกลายเป็นเพียงกำลังภายในตอนต้นเท่านั้น

“สิ่งที่นายให้พวกเรากินมันคืออะไรกันแน่?ทำไมความสามารถของฉันถึงได้ลดลงไปอยู่กำลังภายในตอนต้น!”

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับสถานการณ์แบบนี้ ทำให้หลี่ฝางเกิดความร้อนรนสุดขีด จับเอาเสื้อของอูหลิงเอาไว้พร้อมกับถามด้วยสายตาที่เดือดดาล

“อะไรนะ?กำลังภายในตอนต้น!ยานั่นมีปัญหา!” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนต่างก็พากันตรวจดูพลังของตัวเองทันที และแล้วผลสรุปคือพวกเขาทั้งหมดต่างพบว่าแดนพลังของตัวเองล้วนเปลี่ยนกันหมดทุกคน

“เสี่ยวหลินตัง! อูหลิงคนนี้คือใครกันแน่?ของที่เขาให้พวกเรากินมันคืออะไรกันแน่!”

กู่ยี่เทียนที่ทำหน้าที่เป็นทูติแห่งสันติมาโดยตลอดถึงกับสีหน้าหมองลง หันไปถามเสี่ยวหลินตังด้วยเสียงดัง

คราวนี้เสี่ยวหลินตังเองก็นิ่งค้างไม่ต่างกัน เธอหันมองทุกคนด้วยความมึนงง เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ พร้อมกับหันไปหาอูหลิง

“เสี่ยวหลิงหลิง นีมันเรื่องอะไรกันแน่?ที่นายให้พวกเขากินมันคืออะไรกันแน่?ทำไมพลังของพวกเขาทุกคนถึงได้ลดเหลือเพียงกำลังภายในตอนต้นเท่านั้น”

เสี่ยวหลินตังเองก็ตระหนกขึ้นมา ก่อนหน้านี้ที่เธอเคยกินยานี้ก็ไม่ได้มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น ทำไมพอพวกของหลี่ฝางกินลงไประดับพลังถึงได้ลดลง?

“ไม่ต้องกังวลไป ยานี้ไม่ใช่ยาพิษ พอกินมันลงไปสามารถที่จะทำให้แมลงผู้พิทักษ์เกิดความสับสนจริง เพียงแค่ว่าฉันได้เพิ่มยาสูตรเฉพาะของเผ่ากู่เข้าไปในนั้นก็เท่านั้น วัตถุดิบยาตัวนี้สามารถทำให้ควบคุมพลังของคนได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีพลังแข็งแกร่งแค่ไหน เพียงกินยาตัวนี้ลงไป พลังก็จะลดลงเหลือเพียงกำลังภายในตอนต้นทั้งนั้น”

ในขณะที่ทุกคนต่างพากันตื่นตระหนกอยู่ อูหลิงกลับนั่งลงยังโซฟาด้วยสีหน้าที่ไร้กังวล พร้อมไขว่ห้าง แล้วกระตุกคิ้วหันไปบอกกับพวกหลี่ฝาง

“เสี่ยวหลิงหลิง ทำไมนายถึงต้องทำแบบนี้ด้วย ?นายรีบดึงพลังของพวกเขากลับมาเร็วเข้า!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอูหลิง เสี่ยวหลินตังก็เกิดความรู้สึกตระหนกไม่น้อย พลางคว้าแขนของอูหลิงแล้วร้องอ้อนวอน

แต่สิ่งที่ทำให้เธอนึกไม่ถึงก็คือ อูหลิงไม่ได้เอาอกเอาใจเธอเมื่อกับที่ผ่านมาอีกแล้ว ก่อนที่เขาจะจับมือเธอออกจากแขนของตัวเองเบาๆ แล้วหันไปพูดกับเสี่ยวหลินตังด้วยท่าทีเบื่อหน่าย

“เสี่ยวหลินตัง เธอก็รู้ว่าเผ่ากู่ของพวกเรานั้นต่อต้านคนภายนอกเอามากๆ ที่ทำดีกับเธอ ก็เพียงเพราะว่าเธอเป็น คู่แท้ของฉัน ฉันเชื่อว่าเธอไม่มีทางทำร้ายชนเผ่าของฉัน พวกเขาทั้งหมดล้วนมีพลังที่แข็งแกร่งกันทั้งนั้น ที่ฉันต้องทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น และหากไม่ใช่เพราะเธอ โอกาสที่พวกเขาจะได้ย่างกรายเข้าไปในเขตของเผ่ากู่เราก็ไม่มีเลยด้วยซ้ำ”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ เสี่ยวหลินตังเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เธอหันไปมองกู่ยี่เทียนที่มีสีหน้าไม่สู้ดี ก็ได้แต่กัดริมฝีปากแล้วพูดออกมาอย่างลำบากใจ

“เสี่ยวหลิงหลิง ฉันขอเป็นพยานให้กับคนของตัวเองว่า พี่กู่ยี่เทียนพวกเขาไม่มีทางที่จะทำร้ายเผ่าของนาย นายคืนพลังให้กับพวกเขาเถอะนะ หากคนอื่นเรื่องที่ว่าตอนนี้พวกเขามีพลังอยู่เพียงแค่กำลังภายในตอนต้น กลัวว่าจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้น”

แน่นอนว่าอูหลิงไม่พลาดเห็นสายตาที่ เสี่ยวหลินตังใช้มองไปยังกู่ยี่เทียน ทันใดนั้นแววตาของเขาก็ปรากฏความเศร้าใจขึ้นมา ลูกกระเดือกเคลื่อนไหวขึ้นลงหลายครั้ง พลางมือก็กำหมัดแน่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

อันที่จริงการพบกันของเขาและ เสี่ยวหลินตังนั้นเป็นเรื่องไม่คาดฝันเอามากๆ ก่อนหน้านี้ เสี่ยวหลินตังติดตามปู่ของเธอ เข้ามาทำการสำรวจในดินแดนเมืองชีหนัน และได้ช่วยเหลือ อูหลิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยบังเอิญ พวกเขาดูแลรักษาเขาเป็นอย่างดี จนสามารถช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตายมาได้

ถึงแม้เผ่ากู่จะมีขนบธรรมเนียมที่ต่อต้านกับผู้คนจากโลกภายนอกมาหลายชั่วอายุคน แต่อูหลิงตกหลุมรักเสี่ยวหลินตังจนไร้ทางเยียวยาได้

ผู้ชายในเผ่ากู่จะอุทิศชีวิตเพื่อหญิงเดียวไปตลอดชีวิต และหากเพียงว่าได้มีการยืนยันคู่แท้ของตัวเองแล้ว ความรักครั้งนี้ก็จะคงอยู่ไปตลอดจนกว่าชีวิตจะสลายไป

และเมื่อกลับไปถึงเผ่ากู่ อูหลิงก็ได้บอกเรื่องที่ตนได้ตกหลุมรัก เสี่ยวหลินตังให้กับหัวหน้าเผ่า ซึ่งทางด้านหัวหน้าเผ่ากลับไม่ได้แสดงท่าทีตกตื่นใจ ทว่ากลับถอนหายใจออกมาแล้วบอกว่า เสี่ยวหลินตังคือภัยพิบัติของ อูหลิง

ถ้าหากอูหลิงสามารถผ่านพ้นมรสุมลูกนี้ไปได้ เขาจะสามารถขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าคนใหม่ของเผ่ากู่ แต่หากเขาพ่ายแพ้ ก็จะต้องแลกด้วยชีวิต

ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างนี้ แต่ อูหลิงกลับเลือกที่จะหนีออกมาจากเผ่ากู่ เดินทางเข้าสู่โลกภายนอก คอยติดตามอยู่ข้างกายเสี่ยวหลินตังแทน

แต่สิ่งที่ทำให้อูหลิงคิดไม่ถึงก็คือความจริงแล้วในใจของ เสี่ยวหลินตังได้มีคนอื่นอยู่แล้ว และตำแหน่งของคนที่อยู่ในใจของเสี่ยวหลินตังก็ไม่มีใครที่สามารถเข้าไปแทนที่ได้เลย

เขาเคยสงสัยมาตลอดว่าคนที่เสี่ยวหลินตังรักนั้นคือใคร จนกระทั่งไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวหลินตังเป็นฝ่ายไปหาเขา และยังขอให้อูหลิงพาพวกของหลี่ฝางเข้าไปในเผ่ากู่ จึงทำให้ในที่สุดเขาถึงได้รู้สักทีว่าคนที่อยู่ในใจของ เสี่ยวหลินตังคนนี้มีชื่อว่ากู่ยี่เทียน

ซึ่งสาเหตุที่อูหลิงได้มีการเพิ่มวัตถุดิบอื่นลงไปในยาที่ให้พวกของหลี่ฝางกิน ส่วนหนึ่งเพราะกลัวว่าพวกเขาจะกลายเป็นภัยต่อเผ่าของตน และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของเขาเอง

ดังนั้นไม่ว่าจะยังไง เขาก็ไม่มีทางให้ยาถอนพิษนั้นแก่พวกของหลี่ฝางเด็ดขาด

“เสี่ยวหลินตัง ขอโทษ เรื่องนี้ฉันยอมไม่ได้” อูหลิงปล่อยมือที่กำแน่นของตัวเอง พ่นลมหายใจออกมาด้วยใบหน้าที่ขอโทษ

“เหี้ยเอ๊ย ถ้ารู้ว่านายมันไร้มนุษยธรรมขนาดนี้ เมื่อกี้ฉันคงจะระเบิดหัวนายทิ้งไปแล้ว !”

“แม่งเอ๊ย คนเผ่ากู่ นี่มันเลวจริงๆ !”

สองพี่น้องไขจี๋เออที่เป็นคนที่อารมณ์ร้อนที่สุด พวกเขาชี้หน้าอูหลิงพร้อมด่าทอด้วยความไม่พอใจ คิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าคนที่เอาชนะนักรบมาจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างพวกเขาจะตกมาอยู่ในกำมือของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

“พวกคุณด่าไปให้พอใจ ถ้าหากว่าพวกคุณอยากจะมีพลังหยุดอยู่ที่ กำลังภายในตอนต้นตลอดไป”

เมื่อได้ยินเสียงด่าทอของสองพี่น้อง สายตาของอูหลิงลดลง แล้วพูดข่มขู่ด้วยใบหน้าเฉยชา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท