NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1304 เปิดทาง

บทที่ 1304 เปิดทาง

เมื่อได้ยินอย่างนั้นไขจี๋เออและไขบู๊เกอทั้งสองก็รีบหุบปากเงียบทันที ถึงแม้ว่าใบหน้าจะยังคงมีความโกรธเคือง แต่กลับไม่กล้าที่จะด่าทอออกมาอีก

คราวนี้หลี่ฝางก็สงบลงมาด้วยเหมือนกัน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางยืนขึ้นต่อหน้าอูหลิง เขาถามในขณะที่ทั้งสองสบตา

“นายบอกว่ากลัวพวกเราจะไปทำร้ายเผ่าของนาย แล้วนายเอาอะไรมามั่นใจว่าเผ่าของนายจะไม่ทำร้ายพวกเรา ?ตามพลังที่พวกเรามีในตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับปลาที่กำลังนอนอยู่บนเขียง ในจะเอาอะไรมายืนยันอีกว่าพวกเราจะปลอดภัย ?”

เมื่อสะท้อนจากการกระทำของอูหลิงแล้ว หลี่ฝางก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเผ่ากู่นั้นมีความต่อต้านต่อคนภายนอกมากขนาดไหน และเมื่อว่าตามพลังที่พวกเขามีในตอนนี้ หลี่ฝางนั้นยังไม่กล้าที่จะเข้าไปเสี่ยงในเขตแดนของเผ่ากู่

หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหลี่ฝาง อูหลิงก็ยิ้มออกมา เขาเผยอหน้าขึ้นและพูดอย่างดูถูก “คุณคิดว่าตอนนี้คุณมีสิทธิ์ที่จะมาต่อรองกับผมหรือไง ?”

“นาย!” ทั้งชีวิตนี้หลี่ฝางยังไม่เคยได้เจอกับคนที่กวนตีนขนาดนี้มาก่อนเลย อีกทั้งตอนนี้เขายังไม่สามารถที่จะทำอะไรอูหลิงคนนี้ได้อีก

และพอนึกถึงในตอนที่เขาได้ต่อกรกับสีตระกูลใหญ่ คนพวกนั้นก็ไม่มีใครโอหังขนาดนี้เลยด้วย

ซึ่งหากว่าตามการคาดเดาของเขาแล้ว ตำแหน่งในเผ่ากู่ของอูหลิงคนนี้คงจะไม่ได้ต่ำต้อยแน่นอน เพราะว่าตามข้อมูลที่ผู้อาวุโสใหญ่ได้แจ้งเอาไว้นั้นคนเผ่ากู่จะไม่สามารถออกมาจากอาณาเขตของตนเองได้อย่างง่ายดาย พวกเขาใช้ชีวิตในดินแดนผืนนั้นมาแล้วหลายชั่วอายุคน ไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าไป แล้วก็ห้ามไม่ให้คนของตัวเองออกมาเช่นกัน

อูหลิงนอกจากจะสามารถออกมาได้ตามอำเภอใจแล้ว ยังสามารถนำเอายาเม็ดสำหรับอำพรางกลิ่นอายของพวกเขาออกมาได้ด้วย คิดดูแล้วฐานะของเขาคงจะไม่ธรรมดาแน่นอน

“เสี่ยวหลิงหลิง นาย……” เสี่ยวหลินตังที่มองดูพวกหลี่ฝางที่กำลังเดือดดาล ในใจก็เกิดความรู้สึกผิดอย่างมาก และคิดว่าสาเหตุทั้งหมดมาจากตัวเอง ความแข็งแกร่งของพวกหลี่ฝางถึงลดลงไปอย่างนี้ เธอกัดริมฝีปากแน่น ต้องการที่จะพูดบางอย่างต่อ

“ไปเถอะ ไปเผ่ากู่กัน” แต่ยังไม่ทันที่ เสี่ยวหลินตังจะได้พูดจบ หลี่ฝางกลับโบกมือไปมาขัดคำพูดของเธอซะก่อน แล้วเดินออกไปด้วยเกียรติตระกูลหลี่ของตัวเอง

“ลูกพี่ จะยอมง่ายๆ แบบนี้เลยหรอ ?”

“ตอนนี้พวกเราอยู่แค่กำลังภายในตอนต้นเองนะ!”

“หลี่ฝาง?”

พวกส้าวส้วยและไขจี๋เออต่างพากันมองไปที่หลี่ฝาง พลางพูดด้วยความไม่เข้าใจ หลี่ฝางหันหลังกลับมามองกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง พร้อมยักไหล่

“ในเมื่อตอนนี้พวกเราก็กินยานั่นไปแล้ว ก็จริงอยู่ที่พลังของพวกเรานั้นลดลง แต่แทนที่จะอยู่ที่นี่เปลืองเวลาเพื่อให้เขาเอายาถอนพิษมาให้พวกเรา สู้รีบเดินทางไปที่เผ่ากู่ดีกว่า และรีบจัดการกับเทพอ้านที่อยู่ตัวของฉันให้เรียบร้อย พวกเราก็จะสามารถคืนสภาพพลังได้เร็วขึ้นด้วย”

หลี่ฝางพอจะมองออกแล้ว การจะทำให้ อูหลิงเอายาถอนพิษนี้ออกมามีเพียงสองทางเท่านั้น สิ่งแรกคือพวกเขาล้มเลิกความคิดที่จะไปยังเผ่ากู่ ส่วนสิ่งที่สองก็คือหลังจากที่กลับมาจากเผ่ากู่แล้วเท่านั้น

แต่การล้มเลิกการเดินทางไปยังเผ่ากู่นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และเมื่อเป็นอย่างนั้นก็มีเพียงหนทางที่สองที่จะเลือกเท่านั้น ในเมื่อเป็นแบบนี้อย่างนั้นก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะเปลืองเวลาอยู่ที่นี่กับเขาอีก รีบจัดการธุระ จะได้รีบรับยาถอนพิษ

“ดูแล้วในกลุ่มของพวกคุณก็ยังพอจะมีคนที่เข้าใจ” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง อูหลิงก็ยิ้มจางๆ ออกมา พลางลุกขึ้นมาจากโซฟาแล้วจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนที่จะเดินออกไป

เมื่อมองดูแผ่นหลังของอูหลิง พวกส้าวส้วยหันหน้าไปสบตากันด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็เลือกที่จะเดินตามออกไป

พวกเขานั้นยังอยู่ห่างจากดินแดนของเผ่ากู่มาก ในตอนแรกพวกหลี่ฝางใช้เวลาไปกับการขับรถนานกว่าสี่ห้าชั่วโมง จนกระทั่งไม่มีทางให้ไปต่อพวกเขาถึงต้องเดินเท้าต่อไปข้างหน้า

ช่วงระยะแรกของการเดินเข้าป่าก็ยังพอมีทางเดินเล็กๆ ที่พอจะเดินไปได้ แต่พอยิ่งเดินเข้าไปลึกทางเล็กนั้นก็ยิ่งรกร้างมากขึ้น กิ่งไม้ใบหญ้าที่อยู่บริเวณโดยรอบยิ่งเข้าไปก็ยิ่งหนาทึบมากขึ้นเหมือนกัน จนสุดท้ายพวกของหลี่ฝางก็ต้องมาเปิดทางเพื่อเดินเองอย่างเลี่ยงไม่ได้

“นี่ นายคนนั้นหน่ะ นายแน่ใจว่าเดินไปทางนี้ไม่ผิดนะ?ทางนี้แม่งมีแต่ต้นไม้มีแต่หญ้าเต็มไปหมด ไม่มีทางให้เดินเลยสักนิด”

สองพี่น้องไขจี๋เออที่คอยเปิดทางอยู่ข้างหน้า หันมาถามอูหลิงอย่างหงุดหงิด

“ถ้าคุณไม่เชื่อผม อย่างนั้นก็หาทางเองก็ได้นะ” อูหลิงไขว้มือไปด้านหลังพลางเดินไปด้านหลังแล้วกลอกตาใส่ไขจี๋เออ

ทิศทางไม่ผิดแน่นอน เพียงแค่ว่าเส้นทางนี้เผ่ากู่ได้ทำการปิดไปนานกว่าร้อยปีแล้ว จึงมีต้นไม้ใบหญ้าจำนวนมากขึ้นมาปกคลุมตั้งนานแล้ว

อันที่จริงก็ยังมีเส้นทางอีกเส้นหนึ่งที่สามารถเดินทางได้อย่างสบายกว่านี้ แต่ว่าจำเป็นต้องมีพลังเหาะเหิน ทว่าตอนนี้พวกของหลี่ฝางทุกคนล้วนมีพลังความแข็งแกร่งอยู่แค่กำลังภายในตอนต้นเท่านั้น ถ้าต้องการที่จะใช้เส้นทางเพื่อไปยังเผ่ากู่ จึงกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“แม่งเอ้ย รอให้พลังของฉันกลับมาซะก่อน ฉันจะฆ่าเจ้าเด็กนี้แน่” ไขจี๋เออรู้สึกว่าตัวเองนั้นโกรธจนถึงขีดสุด เขากัดฟันสบถคำด่าภาษาถิ่นของตัวเองออกพูดกับไขบู๊เกอที่อยู่ข้างๆ

“ฉันเอาด้วย เจ้าเด็กนี่โอหังเกินไปแล้ว” ไขบู๊เกอที่กำลังฟาดฟันพุ่มไม้สูงลิ่วที่อยู่ตรงหน้า พลางตอบกลับอย่างเห็นด้วย

อูหลิงที่ได้ยินพวกเขาสองคนกำลังซุบซิบนิทาอยู่ข้างหน้า ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะฟังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พวกไขจี๋เออพูดออกมานั้นหมายความว่ายังไง แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่านั่นคงจะไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่นอน

“พวกคุณมีเวลามาปรึกษากันว่าจะจัดการกับผมยังไงมากล่ะก็ รีบช่วยกันเปิดถางทางก่อนดีกว่านะ ถ้ามัวแต่อืดอาดเดี๋ยวฟ้าจะมืดซะก่อนแล้ว” อูหลิงพูดอย่างเย็นชา

พวกเขาออกเดินทางมาตอนเวลาแปดโมงเช้า และตอนนี้ก็สี่โมงกว่าแล้ว ปกติแล้วต้นไม้ในป่าทึบทักจะบดบังแสงจากดวงอาทิตย์อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ฟ้ายังไม่ตกดิน แต่ในป่าทึบกลับเริ่มมืดแล้ว

“แม่ง ถ้านายเก่งมากก็มาทำเองเลยสิ เอาแต่ยืนสั่งอยู่ได้!” ไขจี๋เออโยนมีดในมือของตัวไปตรงหน้าของอูหลิงอย่างโมโห แล้วตอกกลับด้วยความไม่สบอารมณ์

ถ้าหากว่าพลังของเขายังอยู่ในระดับแดนเต๋า เรื่องการถางทางแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ตอนนี้พลังของเขาอยู่เพียงในระดับกำลังภายในตอนต้นเท่านั้น ถางทางมานานขนาดนี้ กำลังในร่างกายก็ได้หดหายไปไม่น้อย

ตรงนี้ก็ต้องทำงานใช้แรง อีกทางก็ต้องมาฟังอูหลิงพูดจาแดกดันอยู่ตรงนั้น ไขจี๋เออที่เจอแบบนี้จึงไม่อยากจะทำต่อไปแล้ว

“ไขจี๋เออ ไขบู๊เกอ พวกนายพักกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราจัดการต่อเอง” เมื่อเห็นว่าไขจี๋เออกำลังฉุนเฉียว หลี่ฝางจึงโน้มตัวลงไปเก็บมีดที่อยู่บนพื้น เขาฟาดแรงออกจากมือไปฟันพุ่มหนามขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าจนล้มไป

ในขณะที่กู่ยี่เทียนและส้าวส้วยก็เข้ามาช่วยงานเช่นกัน จนเริ่มมีการเดินต่อไปอีกครั้ง

“ข้างหน้าน่าจะเป็นพื้นที่ที่สามารถใช้พักแรมได้ ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว คืนนี้พวกเราพักกันอยู่ตรงนั้นก่อนดีกว่า พรุ่งนี้รอให้ฟ้าสว่างแล้วค่อยเดินทางต่อ”

เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด การมองเห็นในป่าทึบยิ่งนานก็ยิ่งมองไม่เห็น อูหลิงจึงใช้ความจำของตัวเอง เพื่อหาก็อนหินยักษ์ที่สามารถใช้พักแรมนั้นจากแผนที่

เพียงไม่นานพวกเขาก็ตั้งเต็นท์บนก้อนหินสำเร็จ พลางก่อไฟขึ้นมา การอยู่ในป่าทึบมีข้อจำกัดอย่างมาก พวกหลี่ฝางจึงได้เพียงใช้วัตถุดิบที่พอมีอยู่ในการทำอาหารเย็นเท่านั้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน