NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1319 ฐานะที่แท้จริง

บทที่ 1319 ฐานะที่แท้จริง

“เมื่อก่อนเราก็เคยผ่านด่านเคราะห์สวรรค์มาก่อน เมื่อได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ก็คิดว่าเมื่อได้เป็นเทพแล้ว ตัวเองจะทำเรื่องอะไรก็ได้ตามใจ แต่เมื่อเราประสบความสำเร็จ เรากลับพบว่าการเป็นเทพไม่สู้การเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง

“ในยุคของเรา เทพไท่จี๋มีเทพใต้บัญชาสามคน คือ เทพหมิง เทพอ้านและเรา เมื่อนึกถึงตอนนั้นที่เทพไท่จี๋ยังอยู่ พวกเราทั้งสามคนพี่น้องต่างรักใคร่กลมเกลียว ไม่ว่าจะตอนกินหรือตอนนอนก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่หลังจากนั้นเมื่อเทพไท่จี๋ใกล้ถึงอายุขัย เทพหมิงและเทพอ้านก็ค่อยๆ ปรากฏความขัดแย้งกัน”

“แน่นอนว่าคนกลางอย่างเราย่อมไม่อยากเห็นพวกเขาทะเลาะกันเอง แต่ไม่ว่าจะกล่าวเตือนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ต่อมาเทพไท่จี๋จึงจับตัวเทพหมิงและเทพอ้านไปยังซากปรักหักพังลึกลับ และสั่งให้พวกเขาอยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิต ห้ามหวนกลับมา”

“ส่วนเราเองก็พาลูกศิษย์ที่เหลือมาเก็บตัวอยู่ที่ป่าลึกและไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องราวใดๆ ทางโลกทั้งสิ้น คิดไม่ถึงเลยว่าผ่านไปเพียงชั่วพริบตาเดียวเวลาจะผ่านมาหลายพันปีแล้ว”

ฟังเรื่องเล่าของมหาเซียนไปเงียบๆ หลี่ฝางก็ตกใจจนพูดไม่ออก เขานึกไม่ถึงว่ามหาเซียนผู้นี้จะเป็นเทพ แถมยังมีความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้

ในตอนนี้มหาเซียนกำลังหลุดเข้าไปยังโลกของตัวเอง เขาไม่ได้สนใจว่าหลี่ฝางกำลังฟังตนพูดอยู่หรือไม่ จึงเอาแต่พูดต่อไปคนเดียวไม่หยุด

“เวลาหลายพันปีที่ผ่านมานี้ เราไม่ได้ใช้เวลาไปเปล่าๆ เรารู้ว่าเทพอ้านได้ฝึกฝนพลังกลืน จึงครุ่นคิดหาวิธีอย่างหนักเพื่อจะปราบเขาลงให้ได้ แต่เมื่อเราหาวิธีได้แล้วกลับสายเกินไป”

“เดิมทีคิดว่าหลังจากศึกระหว่างเทพหมิงกับเทพอ้านจบลง เรื่องราวจะยุติ แต่นึกไม่ถึงอีกว่าเวลาผ่านไปหลายพันปี ผู้สืบทอดของพวกเขาจะปรากฏตัวขึ้น และไม่เคยคิดว่าสุดท้ายเราจะเป็นผู้ที่ฆ่าเทพอ้านลงกับมือของตัวเอง”

ประโยคนี้หากไม่ตั้งใจฟังดีๆ จะไม่รู้สึกว่ามีความผิดปกติอะไร แต่คนที่ละเอียดลอออย่างส้าวส้วยกลับจับความผิดปกติในคำพูดของมหาเซียนได้อย่างรวดเร็ว

มหาเซียนเอ่ยว่าผู้สืบทอดของพวกเขา ไม่ใช่ผู้สืบทอดของเทพอ้าน

นี่หมายความว่าอย่างไร

หมายความว่า เทพหมิงเองก็มีทายาทเช่นกัน

“ผู้สืบทอดของเทพหมิงคือใครหรือ” ส้าวส้วยมองหน้ามหาเซียนแล้วถามออกไปด้วยความประหลาดใจ

มหาเซียนเงยหน้าขึ้นมองส้าวส้วย แววตาปรากฏแสงวับไหว จากนั้นจึงเอ่ยคำพูดที่ทำให้พวกหลี่ฝางได้ยินแล้วต้องอ้าปากค้าง

มหาเซียนค่อยๆ ชี้นิ้วมาที่ส้าวส้วยแล้วเอ่ยว่า “คือเจ้า”

สายตาของหลี่ฝางและส้าวส้วยเปลี่ยนเป็นหรี่เล็กลงอย่างกะทันหัน

“ท่านอย่าพูดล้อเล่นเลย จะเป็นส้าวส้วยไปได้อย่างไร” หลี่ฝางเอ่ยปฏิเสธก่อนในตอนแรก เพราะในความทรงจำของเขา ไม่มีเหตุการณ์ใดที่ส้าวส้วยมีความข้องเกี่ยวกับเทพหมิงเลย

“ท่านมหาเซียน เรื่องนี้จะกล่าวลอยๆ ไม่ได้” แน่นอนว่าส้าวส้วยไม่เชื่อ เพราะรู้ว่าตอนจบของเทพหมิงกับกับเทพอ้านไม่ดีนัก คนหนึ่งถูกผนึกอีกคนหนึ่งดับสลาย แถมคนทั้งสองยังมีปากเสียงกัน เขาไม่อยากมีจุดจบแบบนั้นกับหลี่ฝาง

“ท่านมหาเซียนไม่เคยพูดผิด แกเป็นผู้สืบทอดของเทพหมิงอย่างแน่นอน” เมื่อไป๋เห้อเห็นพวกเขาไม่เชื่อคำพูดของมหาเซียนก็ไม่พอใจขึ้นมาอีก

เขาติดตามอยู่ข้างกายมหาเซียนมากว่ายี่สิบปี ไม่มีครั้งใดเลยที่ท่านมหาเซียนทำนายผิดพลาด

“ในเมื่อแกบอกว่าส้าวส้วยเป็นผู้สืบทอดของเทพหมิง ก็เอาหลักฐานออกมาดูสิ พูดโดยไร้หลักฐาน พวกเราไม่เชื่อหรอก”

กู่ยี่เทียนไม่ชอบหน้าไป๋เห้ออยู่แล้ว เมื่อเห็นเขาทำท่าเคารพนอบน้อมมหาเซียนเช่นนี้ จึงตั้งใจพูดหาเรื่องขึ้นมา

“แกพูดอะไรของแก!” ไป๋เห้อปฏิบัติต่อมหาเซียนอย่างเคารพนบนอบมาโดยตลอด เวลาสนทนาด้วยก็ต้องพูดอย่างให้เกียรติ หรือไม่ว่าจะทำอะไรล้วนต้องใส่ใจระมัดระวัง

แต่กู่ยี่เทียนตั้งแต่ขึ้นมาบนเขาภูเขาหลิน ก็มีท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน เวลาสนทนากับมหาเซียนก็ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ นี่เองที่ทำให้ไป๋เห้อหัวเสีย

“ฉันจะพูดอย่างไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกด้วย ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริงๆ” กู่ยี่เทียนกลอกตาใส่ไป๋เห้อ แล้วใช้สายตาอย่างสุดจะทน

“รนหาที่ตาย!” ไป๋เห้อได้ยินคำพูดเช่นนี้สีหน้าก็หมองคล้ำ หลังจากกัดฟันพูดออกไปแล้วก็ตั้งท่าจะลงมือ

มหาเซียนกับหลี่ฝางเห็นดังนั้นก็รีบห้ามปรามพวกเขาทั้งสอง

“ไป๋เห้อ”

“เหล่ากู่”

เมื่อได้ยินของทั้งสองคน ไป๋เห้อกับกู่ยี่เทียนจึงสบตากันอย่างมาดร้าย สุดท้ายจึงได้แต่ถอนใจดังๆ แล้วหันหน้าหนีไม่สนใจอีกฝ่าย

“ท่านมหาเซียน เมื่อครู่นี้เหล่ากู่เสียมารยาทไป ท่านได้โปรดอย่าถือสา แต่ผมคิดว่าคำพูดของเหล่ากู่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ท่านบอกว่าส้าวส้วยเป็นผู้สืบทอดของเทพหมิง ท่านมีหลักฐานหรือไม่”

หลี่ฝางขอโทษแทนกู่ยี่เทียนในตอนแรก จากนั้นถึงจะถามหาหลักฐานจากมหาเซียน

มหาเซียนเองก็ไม่ได้เก็บเอาท่าทีเสียมารยาทของกู่ยี่เทียนมาใส่ใจ ในทางตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกว่านิสัยของกู่ยี่เทียนคล้ายตนตอนวัยรุ่น ทั้งยังแอบรู้สึกพอใจในตัวเขาด้วยซ้ำ

เขาโบกมือใส่หลี่ฝางแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เรารู้ว่าลำพังเพียงคำพูดของเรา พวกเจ้าย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว หากพวกเจ้าต้องการหลักฐาน เราสามารถให้พวกเจ้าได้ พวกเจ้าตามเรามา”

เมื่อเอ่ยจบ มหาเซียนก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินนำพวกหลี่ฝางตรงไปยังทิศทางด้านหลังวัด

เส้นทางเดินเข้าไปในวัดเคี้ยวคดลดเลี้ยว พวกหลี่ฝางเดินตามมหาเซียนเข้าไปประมาณสิบกว่านาทีก่อนจะไปถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง มหาเซียนจึงหยุดฝีเท้าลง

“ที่นี่ก็เป็นแค่หน้าผา ไม่เห็นมีอะไรเลย มหาเซียนพาพวกเรามาทำอะไรที่นี่ คงไม่ได้จะให้พวกเจ้ากระโดดลงไปหรอกนะ”

กู่ยี่เทียนมองหน้าผาลึกไม่เห็นก้นเหว จากนั้นจึงเข้าไปกระซิบกับหลี่ฝาง

“ชู่ว หยุดพูด” หลี่ฝางจ้องกู่ยี่เทียนอย่างอับจนคำพูด เพื่อส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูดเหลวไหล

แม้ว่าตอนนี้มหาเซียนจะปฏิบัติกับพวกเขาอย่างไม่เลวนัก แต่ใครจะรู้ว่าวินาทีถัดไปเขาจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือหรือไม่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน