NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1312 ฟื้นฟูกำลัง

บทที่ 1312 ฟื้นฟูกำลัง

เมื่อเสี่ยวหลินตังได้ยินคำพูดของกู่ยี่เทียน ก็ค่อยๆ ออกแรงตามการชี้แนะของเขา แต่ต่อให้กำลังของนางแข็งแกร่งสักเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะเอาร่างออกจากโคลนตมแห่งนี้ไปได้

และยิ่งเธอออกแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจมลงไปเร็วมากขึ้นเท่านั้น เมื่อหลี่ฝางกับพวกเห็นคนทั้งสองยิ่งจมลงไปลึกมากขึ้นก็ยิ่งร้อนใจ พวกเขาไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ห้วงเวลานั้นจึงไม่รู้ว่าควรจะรับมือเช่นไร

“ฮือๆ…… พี่กู่ยี่เทียน ฉันกลัว ฉันรู้สึกเหมือนมีหนอนเลื้อยเข้าไปในเสื้อผ้าของฉันแล้ว!” เสี่ยวหลินตัง เอ่ยกับกู่ยี่เทียนพลางร่ำไห้

อันที่จริงแล้วกู่ยี่เทียนก็รู้สึกได้เช่นกัน ขาทั้งสองที่จมอยู่ในโคลนตมรู้สึกจั๊กจี้ เขาไม่รู้ว่าตัวอะไรกำลังไต่อยู่ในนั้น

เหตุการณ์ที่ตามองไม่เห็น ทำให้ความกลัวในจิตใจของเขายิ่งทวีคูณ ตอนนี้ทั้งกู่ยี่เทียนและเสี่ยวหลินตังกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ กู่ยี่เทียนก็ยิ่งไม่สามารถแสดงความหวาดกลัวที่อยู่ในใจออกมาได้ หากแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อาจคงสติเอาไว้ได้ ก็ยิ่งไร้หนทางดึงร่างออกไปจากโคลนตมนี้ได้

“ไม่ต้องกลัว เสี่ยวหลินตัง เธอหายใจเข้าลึกๆ ทำใจให้สงบ” กู่ยี่เทียนเอ่ยปลอบเสี่ยวหลินตังไปพลางพยายามอย่างหนักที่จะคิดหาวิธี

“คุณพระ! พี่ใหญ่ นั่นมันอะไรกัน!”

ในขณะที่หลี่ฝางกับพวกพยายามใช้ความคิดทั้งหมดที่ตัวเองมีเพื่อหาวิธีช่วยกู่ยี่เทียนกับเสี่ยวหลินตัง ออกมาจากบึงน้ำอยู่นั้น ไขบู๊เกอก็ค้นพบว่าในบึงน้ำห่างไปไม่ไกลคล้ายมีอะไรบางอย่างว่ายน้ำมาทางนี้

สิ่งๆ นั้นกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในบึง แหวกโคลนออกเป็นสาย เหตุใดพวกเขาถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนถึงขนาดนี้ได้!

เมื่อเห็นสภาพการณ์เลวร้ายเช่นนี้ สิ่งที่อยู่ในบึงจะต้องตัวใหญ่มหึมาอย่างไม่ต้องสงสัย

“กู่ยี่เทียน! รีบจับมือฉันเอาไว้ ฉันจะดึงแกขึ้นมา” เมื่อเห็นตัวอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถระบุได้ มุ่งหน้าตรงเข้ามาทางกู่ยี่เทียนกับเสี่ยวหลินตัง หลี่ฝางก็รีบยื่นมือออกไปทางกู่ยี่เทียน หวังจะดึงพวกเขาขึ้นมาจากบึงน้ำให้ได้

ทว่าหลี่ฝางก้าวเท้าออกไปได้เพียงครึ่งก้าว ผืนดินใต้เท้าของเขาพลันแยกออก หากไม่ได้ส้าวส้วยที่ยืนอยู่ด้านหลังดึงตัวเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว หลี่ฝางเองก็คงจะตกลงไปด้านล่างเช่นกัน

“อูหลิง! รีบเอายาถอนฤทธิ์ออกมาให้พวกเรา ขืนยังไม่ฟื้นฟูกำลังของพวกเรากลับคืนมา เสี่ยวหลินตัง กับกู่ยี่เทียนคงไม่รอดแน่ๆ!”

ในช่วงเวลาไฟลนก้นเช่นนี้ อูหลิงยังไม่ยอมเอายาถอนฤทธิ์ออกมา นี่ทำให้หลี่ฝางโกรธจนกระทืบเท้า

เมื่อเห็นเสี่ยวหลินตัง จมลงในบึงน้ำไปครึ่งตัวแล้ว สายตาของอูหลิง ก็เริ่มเกิดประกายความลังเล สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟันแล้วหยิบยาถอนฤทธิ์ออกมาให้หลี่ฝาง

ในชั่วเวลาเพียงพริบตาเดียว ในขณะที่ตัวประหลาดที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไรอยู่ห่างจากกู่ยี่เทียนและเสี่ยวหลินตัง เพียงสามสี่เมตร เงาร่างของมนุษย์ก็พุ่งทะยานขึ้นมายังด้านหน้าของพวกเขา จากนั้นใช้มือสองข้างของเขาดึงตัวคนทั้งสองออกมาจากบึงน้ำ

“ไป!” หลี่ฝางที่ฟื้นฟูพลังของตัวเองกลับมาแล้วยกกู่ยี่เทียนกับเสี่ยวหลินตังลอยตัวขึ้น จากนั้นจึงหันศีรษะตะโกนไปทางส้าวส้วยกับพวก

แน่นอนว่าส้าวส้วยกับพวกไม่กล้าหยุดนิ่งอยู่กับที่ จึงสูดหายใจลึกแล้วกระโดดออกมาได้ไกลกว่าสิบเมตร

วินาทีหลังจากที่พวกเขาหนีออกมาจากบึงน้ำนั่นได้แล้ว คางคกตัวมหึมาก็กระโดดออกมาจากใต้ดิน

คางคกตัวนี้ขนาดมหึมาใหญ่โต ราวกับภูเขาลูกย่อมๆ ดวงตาทั้งสองกลมโตราวลูกหนัง บริเวณหลังของมันเต็มไปด้วยตุ่มพิษตะปุ่มตะป่ำ ผิวหนังเป็นสีดำสลับเขียว แถมยังมีเศษซากเน่าๆ ติดอยู่ตามตัวของมัน

มันส่งเสียงร้องไปทางหลี่ฝางและพวกที่ทะยานอยู่บนฟ้า ทำเอาหูของพวกเขาชาไปข้างหนึ่ง กลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวลพุ่งตรงใส่พวกเขา ตะไคร่สีเขียวที่อยู่บนพื้นแปรสภาพกลายเป็นสีเหลืองในทันที

หลี่ฝางเห็นดังนั้นจึงรีบลอยตัวสูงขึ้นไปกว่าเดิม เพื่อหลบไอพิษกระแสนั้น ทว่าพวกของส้าวส้วยกลับตกที่นั่งลำบาก เพราะพวกไขจี๋เออ กับอูหลิง ลอยตัวไม่ได้

เมื่อเห็นทุกคนใกล้จะถูกไอพิษกลืนกิน ส้าวส้วยจึงกัดฟัน พยายามรวบรวมกำลังสร้างม่านกำบังสีขาวเพื่อห่อหุ้มพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ด้านใน ในขณะที่หลี่ฝางกำลังจะลงมือ ไอพิษก็ได้ปกคลุมพวกเขาเอาไว้แล้ว

“ส้าวส้วย!” เมื่อเห็นส้าวส้วยและคนอื่นๆ หายตัวเข้าไปในไอพิษ หลี่ฝางก็ร้อนใจอย่างมาก

ผ่านไปประมาณห้าถึงหกวินาทีกว่าไอพิษจะสลายตัวไป ตอนนั้นจึงเห็นส้าวส้วยคุกเข่าอยู่กับพื้น แขนทั้งสองอ้ากว้าง ม่านกำบังโปร่งแสงกำลังปกคลุมอยู่ด้านบนศีรษะของเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่ส้าวส้วยสร้างม่านกำบังได้ ยังดีที่เขาพยายามฝืนตัวเอง ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงต้องตายด้วยน้ำมือของคางคกตัวนี้เสียแล้ว

“พี่ส้าวส้วย พี่หล่อมากเลย ถึงขั้นสร้างม่านกำบังออกมาได้ พี่คือผู้มีพระคุณต่อชีวิตพวกเราสองพี่น้อง!”ไขจี๋เออที่เตรียมใจเอาไว้ว่าตนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเอ่ยกับส้าวส้วยอย่างตื้นตัน

ส้าวส้วยโบกมือปฏิเสธ ใบหน้าของเขาปรากฏความเหนื่อยล้า เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการใช้ม่านกำบังจะทำให้สูญเสียพลังงานไปมากราวกับออกรบสามร้อยสนาม

“พวกแกไม่เป็นไรใช่หรือไม่” หลี่ฝางที่มีใจอยากช่วยพากู่ยี่เทียนกับเสี่ยวหลินตัง ลงมาด้านล่างแล้วมาหยุดอยู่ข้างๆ พวกเขา แล้วเอ่ยถามพวกส้าวส้วยด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“พี่ใหญ่ พวกเราไม่เป็นไรเลย เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่ส้าวส้วย ถ้าเขาสร้างม่านกำบังไม่ทันเวลา ป่านนี้พวกเราคงจบเห่ไปแล้วจริงๆ”

เมื่อได้ยินหลี่ฝางเอ่ยถาม ไขบู๊เกอจึงตอบอย่างซาบซึ้งใจ ตอนนี้เขารู้สึกถึงความเป็นน้องชายของหลี่ฝางมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่เป็นเกียรติอย่างยิ่ง

ยังไม่ต้องพูดถึงพลังอันน่าหวาดหวั่นของหลี่ฝาง ลำพังบรรดาเพื่อนของเขาก็จัดอยู่ในระดับสูงของวงการนักรบแล้ว

การได้อยู่เคียงข้างผู้ยิ่งใหญ่กลุ่มหนึ่งเช่นนี้ ภายภาคหน้ายังจะต้องกังวลเรื่องอะไรอีก

เมื่อได้ยินไขบู๊เกอบอกว่าส้าวส้วยใช้ม่านกำบัง หลี่ฝางพลันขมวดคิ้ว เพราะเขารู้ดีว่าการใช้ม่านกำบังต้องสูญเสียพลังงานไปมากขนาดไหน ต่อให้เป็นตัวเขาเอง หลังจากใช้ม่านกำบังแล้วยังต้องพักผ่อนกว่าสิบนาที ร่างกายถึงจะฟื้นฟูกลับมา

“ส้าวส้วย แกไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” หลี่ฝางมองส้าวส้วยแล้วเอ่ยอย่างกังวลใจ

“ฉันไม่เป็นไร พวกเรารีบไปกันเถอะ” ส้าวส้วยส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืน คางคกตัวนี้แข็งแกร่งมาก อย่าได้ต่อสู้เผชิญหน้ากับมันอีกจะเป็นการดีที่สุด

ทว่าระหว่างที่ทุกคนเตรียมตัวจะหนีอยู่นั้น อูหลิงก็ได้ขวางทางพวกเขาเอาไว้อีกครั้ง

“หลี่ฝาง ฉันบอกเลยว่านายโชคดีมาก คางคกตัวนี้ไม่ใช่คางคกธรรมดา มันได้ชื่อว่าเป็นคางคกหนาวปินซิน อวัยวะภายในของมันนับว่าเป็นยาสมุนไพรชั้นเยี่ยมที่หาได้ยาก ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการกำจัดพลังกลืนในร่างกายของนาย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท