NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1322 ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว

บทที่ 1322 ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว

ไม่ได้กินข้าวแม้แต่เม็ดเดียวมาสามวัน แถมยังไม่ได้กินน้ำแม้แต่หยดเดียว หลี่ฝางในตอนนั้นอยากจะกินแต่น้ำ

เขารู้สึกว่าคอของตัวเองนั้นแหบแห้งเป็นอย่างมาก อ้าปากก็ร้อนผ่าว เมื่อเห็นกาน้ำชาที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ก็รีบผลักกู่ยี่เทียนออก จากนั้นก็ปรี่เข้าไปหาโต๊ะนั้นก่อนจะหยิบกาน้ำชาขึ้นมาเทใส่ปาก

หลังจากที่กินน้ำอึกๆ แล้ว หลี่ฝางเลยรู้สึกสบายคอมากขึ้น จากนั้นท้องก็ร้อง เขาเลยเอามือมาคว้าเค้กแล้วก็ยัดใส่ปาก

เมื่อเห็นหลี่ฝางที่กินอย่างบ้าคลั่ง กู่ยี่เทียนก็แอบพูดเบาๆ ว่าจบเห่แล้ว สลบไปสามวันก็บ้าไปแล้วล่ะ

เขาจะต่อรองกับคนตระกูลหลี่ได้อย่างไรเนี่ย!

หลี่ฝางกินอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้างๆ ส้าวส้วยที่อยู่บนเตียงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว จากนั้นเขาก็ใช้มือเคาะหัวที่มึนๆ ของตัวเอง จากนั้นจึงค่อยๆ นั่งขึ้นมาบนเตียง

กู่ยี่เทียนได้ยินเสียงขยับเขยื้อน เลยไม่สนใจหลี่ฝางที่กินอย่างบ้าคลั่งแล้ว เลยรีบวิ่งเข้าไปข้างกายส้าวส้วย

“ส้าวส้วย คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?ยังจำได้ไหมว่าฉันคือใคร?”

ส้าวส้วยที่ไม่ได้กินอะไรเองก็หิวน้ำและหิวข้างเหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่ได้เขมือบเหมือนหลี่ฝาง แถมยังตอบกู่ยี่เทียนที่เป็นห่วงไม่น้อย

“ฉัน……ไม่……ไม่เป็นไร” เพราะปากแห้งผาก และเจ็บคอเป็นอย่างมาก เสียงของกู่ยี่เทียนก็แหบแห้ง แถมยังค่อยๆ พูดออกมา

เมื่อได้ยินเขาบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร กู่ยี่เทียนเลยถอนหายใจอย่างหนัก เมื่อมองส้าวส้วยที่ปากแห้งผาก เขาเลยรู้ตัวว่าส้าวส้วยอยากดื่มน้ำ ก่อนจะรีบรินน้ำชาให้เขาทันที

แต่กาน้ำชาเพิ่งจะถูกหลี่ฝางดื่มหมดไป กู่ยี่เทียนเห็นว่าไม่มีน้ำในกาเลยแม้แต่น้อย เลยเตะหลี่ฝางที่ยังกินอยู่บ้าคลั่งอยู่

“ผีหิวข้าวออกจากร่างได้แล้ว!กินน้ำจนหมดเลยเหรอไง”

หลี่ฝางที่กำลังตั้งใจกินอยู่ถูกเขาเตะเลยตกใจ ของที่กินอยู่ในปากก็ยังไม่ทันกลืน มันเลยพุ่งพรวดออกมาเลอะกู่ยี่เทียนเต็มตัว

“ให้ตายเถอะ!หลี่ฝางบ้าไปแล้ว!กินอะไรก็ไม่กินดีๆ !”

กู่ยี่เทียนที่ถูกพ่นเค้กเละๆ ใส่ก็หน้าดำคร่ำเครียด ก่อนจะปัดๆ ของที่ติดอยู่บนตัว พลางบ่นไปด้วย

“เห็นท่านชายทั้งสองคนดูมีชีวิตชีวาดี คงจะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว พวกคุณไม่ได้สติไปสามวัน ตอนนี้คงจะทั้งหิวน้ำและหิวข้าวเลยล่ะ ฉันเลยเตรียมของกินเอาไว้ พวกคุณรีบกินตอนยังร้อนๆ เถอะ”

ในตอนนั้นเอง ในมือของไป๋หลินถือกล่องข้างกล่องหนึ่งออกมา ด้านหลังก็ยังมีไป๋เห้อที่หน้าดำคร่ำเครียด

ไป๋หลินเดินมาด้านข้างโต๊ะ จากนั้นก็หยิบอาหารออกมาจากกล่องเหมือนกัน ก่อนจะหันตัวไปรินน้ำชาแทนกู่ยี่เทียน

“คุณดื่มน้ำก่อนเถอะ” ถึงไป๋หลินจะมีท่าทีปกติ แต่ไป๋เห้อที่อยู่ข้างๆ กลับดมกลิ่นที่แตกต่างกันด้วยความจมูกไว

จู่ๆ ในหัวก็มีความคิดขึ้นมา หรือว่าไป๋หลินรู้สึกอะไรกับผู้ชายของส้าวส้วยหรือเปล่า?

แต่ตอนที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในหัวของไป๋เห้อ เขารีบส่ายหัวอย่างรุนแรง ก่อนจะเลิกความคิดนี้ของตัวเอง

เป็นไปไม่ได้ ไป๋หลินรู้จักกับส้าวส้วยเพียงไม่กี่ครั้งเอง จากนั้นก็คิดว่าตัวเองคิดมากเกินไปเอง

“ขอบคุณน้องไป๋หลิน” เมื่อเห็นไป๋หลินที่เข้ามาหาตัวเองก่อนเลย ในแววตาของส้าวส้วยก็เปล่งประกาย แต่เขานั้นปิดแววตาของตัวเองได้ดี เพื่อไม่ให้คนอื่นๆ สังเกตเห็น

เพียงแค่เห็นเขารับถ้วยชาในมือของไป๋หลิน พลางยิ้มให้ไป๋หลิน จากนั้นก็ดื่มน้ำในถ้วยนั้นจนหมด

“ฉันจะรินน้ำให้คุณอีกแล้วกัน” เมื่อเห็นส้าวส้วยที่กินน้ำหมดภายในครั้งเดียว ไป๋หลินก็รีบถือกาน้ำขึ้นมารินให้เขาจนเต็ม

ทั้งสองคนรินให้กันไปกันมาสี่ห้าครั้ง ส้าวส้วยเลยรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้นเหมือนจะฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว

“น้องไป๋หลิน ฉันเองก็คอแห้งแล้ว รบกวนคุณรินน้ำให้ฉันบ้างเถอะ” หลี่ฝางที่กินเค้กจนปากคอแห้งเลยยื่นถ้วยไปที่ด้านหน้าของไป๋หลิน ก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างอวดดี พลางขอให้ไป๋หลินรินน้ำให้ตัวเอง

เมื่อได้ฟังหลี่ฝางแล้ว ไป๋หลินก็มองไปหาส้าวส้วยก่อน จากนั้นก็ส่งน้ำให้หลี่ฝางแก้วหนึ่ง

“ให้ตายเถอะ แกโง่หรือเปล่า?ฉันถามอยู่ทำไมไม่ตอบ?”

เมื่อเห็นหลี่ฝางมาพูดกับไป๋หลินก่อน ในใจของกู่ยี่เทียนนั้นรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เลยเอาถ้วยชาในมือของเขามา พลางถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

“คุณมองออกได้อย่างไรว่าฉันเอ๋อไปแล้ว?ไม่งั้นก็ลองมาหิวสามวันติดกันแบบฉันบ้างสิ ฉันว่าถึงตอนนั้นแกยังจะมีอารมณ์ตอบคำถามบ้าๆ นั่นนะ”

หลังจากที่หลี่ฝางดื่มน้ำแก้วนี้จนหมด ก็หลอกตาใส่กู่ยี่เทียน

เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินมาวันเดียว แต่ทั้งหิวและทั้งคอแห้ง ตอนนั้นเขาเลยไม่สนใจอะไรมากแล้ว

“กู่ยี่เทียน พวกเขานั้นปกติดีแล้ว คุณควรจะเอาหัวใจมาคืนฉันได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

บางคนก็กวนเป็นอย่างมาก พูดอะไรไม่ดู ตอนที่กู่ยี่เทียนกำลังดีใจที่เห็นหลี่ฝางกับส้าวส้วยฟื้นขึ้นมา ไป๋เห้อก็เปิดปากเพื่อจะเอาหัวใจของตัวเองจากเขาอย่างมีตาหามีแววไม่

“เอาล่ะๆ ดูแลหัวใจของคุณดีๆ รีบเอากลับไปเถอะ” กู่ยี่เทียนกลอกตามองบนใส่ไป๋เห้อ จากนั้นก็เอากล่องไม้จากตู้ส่งให้เขา

“นี่คืออะไรเหรอ?” หลี่ฝางมองของที่ส่องแสงในกล่องนั้นก่อนจะถามด้วยความสงสัย

“หัวใจของเจ้านี่” กู่ยี่เทียนใช้นิ้วชี้ไปที่ไป๋เห้อพลางพูด

ตอนแรกหลี่ฝางก็คิดว่าอัญมณีส่องแสงนี้มันเป็นของหายากอะไร เมื่อได้ยินว่าเป็นหัวใจของไป๋เห้อก็ตกใจจนเห็นได้ชัด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท