NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1334 กลับมาแล้ว

บทที่ 1334 กลับมาแล้ว

บางเรื่องยิ่งอธิบายก็ยิ่งไม่เข้าใจ หยางฉงที่เขินอายในทีแรกรู้สึกประหม่าขึ้นมา พลันยกมือขึ้นป้องหน้าอกของตนเองอย่างลำบากใจ ถลึงตาใส่ฉินวี่เฟย

“โถ่ เจริญพันธุ์เป็นรอบที่สอง ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้ พี่วี่เฟยหุ่นของพี่ดีกว่าฉันตั้งเยอะ รออีกหน่อยพี่มีลูกแล้ว ก็คงจะยิ่ง……”

“เธอนี่มันลามกจริงๆ ! รีบไปแต่งตัวสิ จะไม่ไปสนามบินแล้วใช่ไหม?”

ไม่รอให้เธอพูดจบ ฉินวี่เฟยก็รู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ พลันเอื้อมมือดีดหน้าผากของเธอ เปลี่ยนบทสนทนา

แม้หยางฉงจะดูใสซื่อ พูดจาก็อ่อนหวานดูเรียบร้อย อันที่จริงสิ่งที่เธอเข้าใจไม่น้อยเลยล่ะ

ช่วงนี้ฉินวี่เฟยอยู่กับเธอ รู้สึกว่าตัวเธอเองก็ได้ความรู้ขึ้นมาก

“อืม ถ้างั้นฉันรีบไปแต่งตัว” เมื่อฉินวี่เฟยเตือน หางฉงถึงได้นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ พลันเลิกหยอกล้อ รีบเข้าไปแต่งตัว

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พริบตาเหล่าหลี่ฝางก็มาปรากฏตัวขึ้นที่สนามบินเมืองตงไห่

“เฮีย! ทางนี้!” เมื่อออกจากสนามบิน หลี่ฝางก็เห็นไท่ซางโบกมือใส่เขา

หลี่ฝางพยักหน้ากับไท่ซาง ก่อนที่จะสาวเท้าเข้าไป เขาเพิ่งจะเดินได้เพียงข้างรถ ก็ได้ยินเสียงอันดีอกดีใจของหยางฉง

“พี่หลี่ฝาง! ฉันคิดถึงพี่จะแย่!” มือทั้งสองข้างของหยางฉงฟุบกับหน้าต่าง พูดกับเขาด้วยดวงตาประกาย ฉินวี่เฟยที่นั่งอยู่ข้างในจ้องมองหลี่ฝางด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางนิ่งไปสักพัก ใบหน้าที่เฉยชาในทีแรกเผยรอยยิ้มสดใส พลันหยีหัวของหยางฉงอย่างเอ็นดู ก้มหน้าลงจูบเธอ

“ข้างนอกลมแรง พวกเธอทำไมถึงได้มาด้วย?”

หยางฉงเลียริมฝีปากของตนเองอย่างอดไม่ได้ กล่าวตอบอย่างเขินอาย “ก็ฉันคิดถึงพี่”

เมื่อได้ยินหยางฉงบอกว่าคิดถึงตน หลี่หยางรู้สึกดีใจ เปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง อุ้มหยางฉงขึ้นมมาไว้ที่ตักของตนเอง

มือข้างหนึ่งโอบเอวของหยางฉงเอาไว้ มืออีกข้างประสานกับมือของฉินวี่เฟย “เสี่ยวฉง เธออ้วนขึ้นนะ”

หยางฉงที่โอบเอวหลี่ฝางฉีกยิ้มอย่างมีความสุขในคราแรก เมื่อได้ยินอย่างนั้นหุบรอยยิ้มทันที หยิกแขนของหลี่ฝางอย่างแรง

“พี่หลี่ฝาง ใจร้าย!”

แม้หลี่ฝางจะพูดความจริง แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากได้ยินคนอื่นบอกว่าคนอ้วนขึ้นหรอกนะ ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงคนนั้นยังเป็นคนรักของตนเองอีกต่างหาก

ยิ่งไปกว่านั้น ที่เธออ้วนขนาดนี้เพราะใครกัน? ก็เพราะผิงอันไม่ใช่หรือไง หลี่ฝางคนไร้จิตใจ กล้าหัวเราะเยาะเธอ!

โมโหจะแย่!

“ฮ่าฮ่า เสี่ยวฉงเธอน่ารักชะมัด” หลี่ฝางจ้องมองหยางฉงที่โมโหกระฟัดกระเฟียด พลันเอื้อมมือหยิกแก้มของเธอ หัวเราะลั่น

รอยยิ้มที่สะใจของหลี่ฝาง ทำให้หยางฉงไม่พอใจ มือทั้งสองข้างกำแน่น ต่อยลงกับอกของหลี่ฝาง

“ห้ามหัวเราะ พี่หัวเราะอีกฉันจะไม่สนใจพี่แล้ว! ที่ฉันอ้วนขึ้นก็เพราะลูกของพี่ไม่ใช่หรือไง แต่พี่ไม่นึกถึงหัวอกของฉันเลย ก่อนหน้านี้บอกว่าฉันผอมเกินไป บอกให้ฉันทานเยอะๆ หน่อย ตอนนี้ฉันเริ่มอ้วนพี่จะรังเกียจฉันแล้ว ใจร้าย!”

หยางฉงยิ่งพูดยิ่งเสียใจ หลังจากนั้นน้ำตาพลันไหลอาบ หลี่ฝางที่คิดจะแกล้งเธอในทีแรกเกิดทำอะไรไม่ถูก จึงรีบปลอบโยนเอาใจ

“โอ๊ย ผมหัวเราะเพราะมีความสุข ทำไมเธอถึงได้ร้องไห้ซะได้ อีกอย่าง ผมรักเธอจะตาย จะรังเกียจเธอได้ยังไง? เด็กดี เลิกร้องนะ เธอร้องไห้หัวใจผมจะสลาย”

หลี่ฝางใช้มือเช็ดน้ำตาให้กับหยางฉง พร้อมกับปลอบใจอย่างอ่อนโยน ฉินวี่เฟยที่อยู่อีกด้านก็ช่วยปลอบใจเธอ

“เสี่ยวฉง เลิกร้องได้แล้ว เขาไม่กล้ารังเกียจเธอหรอก ถ้าเขากล้ารังเกียจเธอ ฉันไม่ปล่อยเขาไว้แน่!”

ในที่สุด หลังผ่านการปลอบใจจากหลี่ฝางและฉินวี่เฟย หยางฉงถึงได้หยุดร้องไห้ สูดน้ำมูกบนตักของหลี่ฝาง พร้อมพึมพำ

“เหอะ พี่ระวังตัวไว้ให้ดี ตอนนี้ทุกคนในบ้านอยู่ข้างฉัน พ่อบอกแล้ว ถ้าพี่กล้าแกล้งฉัน พี่จะไม่ได้มรดกสักแดงเดียว”

เมื่อได้ยินประโยคของหยางฉง หลี่ฝางไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ไม่คิดเลยว่าเขาไม่ได้กลับบ้านเพียงปีกว่า พ่อกับแม่ที่รักและเอ็นดูเขา ฉินวี่เฟยที่รักเขามากก็เข้าข้างหยางฉงเสียแล้ว

ดูเหมือนว่าสถานะในบ้านของเขาก็ลดลงเสียแล้ว

“โอเคๆ ตอนนี้เป็นคนที่ดีเด่นของตระกูลเรา ผมไม่กล้าทำให้คุณโกรธหรอก ร้องไห้มากไม่ดีต่อสุขภาพ ห้ามร้องไห้เด็ดขาด”

อันที่จริงต่อให้ไม่มีพ่อและแม่ของหลี่ฝางหนุนหลังหยางฉง หลี่ฝางก็ไม่อยากให้หยางฉงเสียน้ำตาแม้แต่น้อย

ผู้หญิงคนนี้เพื่อลูกแล้วสามารถสละได้กระทั่งชีวิต เขาจะมีเหตุผลอะไรที่จะทำร้ายเธอ?

เมื่อได้ยินประโยคของใจตนของหลี่ฝาง หยางฉงก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มอีกครั้ง เธอฟุบลงกับอกของหลี่ฝาง เริ่มพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้

“พี่หลี่ฝาง ลูกของเราฉลาดมากเลย เพียงแค่ครึ่งเดือน เขาก็จำฉันได้แล้ว ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นมาก ตอนนี้อุ้มเขาออกมาจากตู้ได้วันละชั่วโมงสองชั่วโมงทุกวันเลย”

“สุขภาพของคุณแม่ก็ดีขึ้นมาก แม้ตอนนี้ยังต้องอาศัยสารฟื้นบำรุงแบบเหลวในการฟื้นฟูร่างกาย แต่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนก็ดีขึ้นมาก จะตื่นขึ้นมาประมาณห้าถึงหกชั่วโมงทุกวัน”

“ใช่สิ พี่ยังไม่ได้ตั้งชื่อลูกเลย ฉันกับพี่วี่เฟยและพ่อกับแม่คิดชื่อเอาไว้เยอะมากเลย แต่ก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ คราวนี้พี่กลับบ้าน ก็ตั้งชื่อลูกซะเลย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท