NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1331 ออกจากเผ่ากู่

บทที่ 1331 ออกจากเผ่ากู่

เมื่อเห็นอูหลิงที่น้ำตาแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว หลี่ฝางหัวแทบระเบิด รักสามเส้านี่มันยากชะมัด แถมเสี่ยวหลินตังก็เป็นยัยบื้อ ต่อให้ไม่มีความรู้สึกต่ออูหลิง ก็ไม่ควรที่จะพูดออกมาในเวลานี้

ที่นี่เป็นพื้นที่ของเขา ปฏิเสธนายน้อยต่อหน้าคนทั้งชนเผ่าของเขา ต้องทำให้คนในชนเผ่าที่ไม่ชอบคนนอกอยู่แล้วโกรธแน่

“คือว่า……เสี่ยวหลินตัง เขาชอบเธอก็ไม่ได้มีความผิดอะไร เธอไม่ต้องทำให้เขาเสียใจแบบนี้ก็ได้ พวกเธอสองคนค่อยๆ ทำความรู้จักกันก็ได้ ไม่แน่สักวันอาจจะรักกันขึ้นมาก็ได้”

เมื่อเห็นคนของเผากู่รอบกายที่จ้องเขม็งตนอย่างดุดัน หลี่ฝางรีบแก้ต่าง ดึงเสื้อของอูหลิง พลางพูดกับเธอพร้อมส่งสัญญาณเตือนด้วยสายตา

คนอื่นๆ เองก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป พลันขยับเข้าหากันอย่างเงียบเชียบ

“เฮีย คนโบราณพวกนี้เหมือนว่าจะลงมือกับเรา เราจะต่อต้านใช่ไหม?” เมื่อเห็นเผ่ากู่ที่ค่อยๆ เข้าใกล้ตนเองมากขึ้น ไขจี๋เออตื่นตระหนก เค้นถามความคิดเห็นของหลี่ฝาง

“ดูสถานการณ์ก่อนเข้าว่ากัน ก่อนหน้านี้เราเคยรับปากกับอูหลิง ว่าจะไม่ทำร้ายเผ่ากู่” เมื่อเห็นชนเผ่ากู่ที่เต็มไปด้วยความไม่ประสงค์ดี หลี่ฝางขมวดคิ้วแน่นเป็นแน่น

หากไม่ใช่เพราะอูหลิงมีบุญคุณต่อพวกเขา ปฏิกิริยาของเผ่ากู่ หลี่ฝางลงมือตั้งนานแล้ว

“หยุด ปล่อยพวกเขาไป” ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายทนไม่ไหวอีกต่อไป หัวหน้าชนเผ่าที่จากไปแล้วเมื่อสักครู่นี้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง กล่าวอย่างดุดันต่อหน้าเหล่าเผ่ากู่ที่คิดที่จะลงมือ

คำสั่งของหัวหน้าเผ่า เผ่ากู่จึงไม่กล้าทำอะไร ก่อนที่จะถอยออกไป

“เสี่ยวหลิง ทางนี้แกเป็นคนเลือกเอง ต่อให้คุกเข่าแกก็ต้องเดินต่อไป และฉันก็จะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย หากครั้งนี้แกยังไม่สามารถได้หัวใจของคนนอกชนเผ่านี่ แกก็ต้องกลับมาทำตามคำสั่งของฉัน”

หัวหน้าเผ่าจ้องมองอูหลิงอย่างเคร่งขรึม ด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน เมื่อเผชิญหน้าต่อท่านพ่อแบบนี้ อูหลิงรู้สึกเหมือนมีกระดูกติดที่ลำคอ ทรมานเจียนตาย

“ขอบพระคุณท่านพ่อที่ให้โอกาส ผมรับปาก หากครั้งนี้ผมไม่สำเร็จ ถ้างั้นสามเดือนให้หลัง ผมก็จะทำตามคำสั่งของท่านพ่อ”

สามเดือน เป็นโอกาสสุดท้ายที่อูหลิงให้กับตนเอง หากภายในสามเดือน เขาทำให้เสี่ยวหลินตังชอบเขาไม่ได้ เขาก็จะปล่อยวางความรักในครั้งนี้

ไม่ใช่เพราะความไม่มั่นคง ไม่ใช่เพราะเขารักไม่มากพอ แต่เป็นเพราะเขาเข้าใจดีถึงหน้าที่ของเขา

เขาที่เป็นผู้สืบทอดของเผ่ากู่ สามารถเอาแต่ใจครั้ง สองครั้งได้ แต่จะไม่สามารถมีครั้งที่สามเป็นอันขาด

การที่เขาเอาแต่ใจแบบนี้ได้เป็นเพราะบิดาของเขา ต่อให้ไม่ทำเพื่อตัวเอง ก็ทำนึกถึงพ่อของเขาบ้าง

เป็นหัวหน้าเผ่า หากยังตามใจลูกชายของตนเองอยู่บ่อยครั้ง เขาก็จะเสียความน่าเชื่อถือในเผ่า

อูหลิงไม่อยากให้เป็นสาเหตุเพราะเขา ที่ทำให้ท่านพ่อของตนเองต้องเสียหน้าต่อเผ่าของตน

“ฟ้ามืดแล้ว พวกแกไปเถอะ” หัวหน้าเผ่าไม่พูดอะไรอีก พลันแหงนหน้ามองอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ก่อนเร่งอีกครั้ง

เรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้หลี่ฝางไม่อยากพาอูหลิงไปก็ไม่ได้แล้ว หลังกล่าวล่ำลาหัวหน้าเผ่าอย่างมีมารยาทแล้ว พวกเขาจึงเดินทางออกจากหมู่บ้าน

ก่อนหน้านี้ไม่ได้มาอย่างเปิดเผย เพราะงั้นถึงต้องแอบมาจากทางรกร้างเป็นร้อยปี ตอนนี้พวกเขาสามารถออกจากเผ่ากู่อย่างมั่นใจ จึงใช้ทางที่ใกล้ที่สุด

หลี่ฝางนำพาไขจี๋เออสองพี่น้อง ไป๋หลินนำเสี่ยวหลินตัง ส้าวส้วยนำพาอูหลิง ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการเดินทางออกจากพื้นที่ของเผ่ากู่

“เฮีย เราเจอบ้านไม้ข้างหน้า น่าจะเป็นบ้านพักชั่วคราวของพวกที่มาล่าสัตว์ คืนนี้เราอาจจะสามารถนอนที่นั่นได้”

หลังจากที่ไขจี๋เออไปสอดแนมอยู่ข้างหน้า จึงกลับมารายงานอย่างมีความสุข

อยู่ในป่า มีบ้านไม้ขนาดเล็กแบบนี้ถือว่าใช้ได้เลย อย่างน้อยก็ดีกว่านอนพักแรมกลางป่า

พวกเขาเดินตามไขจี๋เออไปทันที บ้านไม้หลังนี้ค่อนข้างเก่า แต่โดยรวมใช้ได้แล้ว

พื้นที่ก็ไม่ได้ถือว่าเล็กมาก เบียดกันหน่อยน่าจะพักแรมได้

หลังจากที่ได้ที่พักแรม จึงเริ่มเตรียมอาหารเย็น เมื่อเห็นสองพี่น้องไขจี๋เออก่อไฟ ส้าวส้วยและกู่ยี่เทียนรับผิดชอบซ่อมแซมบ้านไม้ที่ผุพัง

หลี่ฝางและไป๋หลินออกไปสำรวจเส้นทางที่จะเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ เสี่ยวหลินตังและอูหลิงรับผิดชอบเตรียมอาหาร ทั้งหมดดำเนินการไปได้อย่างมีแบบแผน

“ถุงน้ำดีคางคกหนาวนี่เรามีแล้ว เลือดกวางทิพย์เราหายาตัวอื่นก่อนแล้วค่อยกลับไปหาที่เผ่ากู่ ในตำราได้จดเอาไว้ งูดำและเขตภูเขาฉางไป่ ต้องฟันฝ่าอันตรายมากถึงจะหาได้ ส่วนใบหวายเลือดกลับชอบความอุ่น แต่เพียงแค่เส้นศูนย์สูตรที่เกาะชวาเท่านั้นที่มี ผลแก้วม่วงอยู่ที่ราชวงศ์ของประเทศญี่ปุ่น”

“ยาพวกนี้ทุกตัวห่างจากเรามาก แถมยังอยู่ไกลกัน หาสิ่งเหล่านี้ให้ได้ในสามเดือน ยากมากสำหรับเรา ฉันว่าเราควรแยกออกไปหาเป็นสามทีม แล้วค่อยกลับมารวมตัวกันที่เผ่ากู่”

หลี่ฝางดูตำราที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ให้คนเองเอาไว้ กล่าวอย่างมีหลักการ

“อืม ฉันก็คิดว่าทุกคนน่าจะแยกกันดีกว่า” ไป๋หลินเห็นด้วยกับการตัดสินใจของหลี่ฝาง พวกเราจำนวนคนเยอะ พอดีกับที่ได้เวลาใช้กำลังคน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท