NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1344 ใครก็ตามที่ผูกมัดฉันตาย

บทที่ 1344 ใครก็ตามที่ผูกมัดฉันตาย

เห็นได้ชัดเลยว่าอาซาโทสนั้นกะจะเอาเมี๋ยวชุ่ยให้ถึงตาย แต่ยังดีที่ก่อนหน้านี้เมี๋ยวชุ่ยเคยฝึกการแกล้งตาย เธอเลยสามารถทำให้ตัวของตัวเองนั้นเข้าสู่การหลับลึกได้ เลยสามารถทำให้เหมือนกับว่าเธอตายไปแล้วได้

หลังจากที่อาซาโทสมั่นใจแล้วว่าเมี๋ยวชุ่ย ‘ตาย’ แล้ว ก็พาเสี่ยวผิงอันจากไป

“คุณจะบอกว่าอาซาโทสฟื้นขึ้นมางั้นเหรอ?แถมเขายังพาตัวผิงอันไปอีกงั้นเหรอ?” หลังจากที่หลี่ต๋าคางได้ฟังเมี๋ยวชุ่ยเล่าแล้ว ก็ดูไม่ดีเลยแม้แต่น้อย

ใบหน้าอึมครึมเหมือนเมฆดำ ภายใต้แววตามีแต่ความโกรธ

“ที่รัก คุณรีบติดต่อท่านผู้อาวุโสเถอะ ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ง่ายๆ แล้วล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นกับผิงอันไม่ได้ ฉันจะไปช่วยเขา”

เมี๋ยวชุ่ยพยายามยันตัวจะลุกขึ้นมา แต่ตัวของเธอนั้นหนักเกินไป ยังไม่ทันจะยืนดีก็เซลงกับฟื้น ยังดีที่หลี่ต๋าคางมือไวเลยกอดเอาไว้ทัน ครั้งนี้เลยไม่ทำให้เจ็บตัวซ้ำสอง

“ที่รัก คุณอย่าร้อนใจไป ตอนนี้ร่างกายคุณอ่อนแอมาก อย่าหุนหัน เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง ฉันจะต้องทำให้คนพวกนั้นมาชดใช้เอง”

หลี่ต๋าคางกอดเมี๋ยวชุ่ยเอาไว้ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก

หลังจากที่ท่านผู้อาวุโสรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นที่สถานตากอากาศแล้ว เขาที่มีสีหน้านิ่งเฉยก็ร้อนรนขึ้นมา

ขนาดตอนที่หลี่ต๋าคางไปถึงต้าเซี่ยหลงเช่วแล้ว เขายังเดินออกมารับหลี่ต๋าคางกับเมี๋ยวชุ่ยที่ด้านหน้าด้วยตัวเองเลย

“พวกพ้องต๋าคาง คุณจะต้องคุมอารมณ์เอาไว้ให้ได้นะ อย่าหุนหันพลันแล่น เรื่องนี้พวกเราสืบได้แล้ว คุณรออีกสักหน่อย เดี๋ยวก็จะมีข่าวคราวแล้วล่ะ”

ท่านผู้อาวุโสเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พลางพูดด้วยน้ำเสียงเอาอกเอาใจหลี่ต๋าคาง

แต่หลี่ต๋าคางนั้นกลับไม่ได้อยากจะฟังเขาสักเท่าไหร่ เลยเห็นเพียงหลี่ต๋าคางชายตามองท่านผู้อาวุโสอย่างเย็นชาเล็กน้อย พลางพูดด้วยเสียงเย็นจับใจ

“พวกเขาแทบจะมาขี้บนหัวกูอยู่แล้ว แกยังจะบอกให้เก็บอารมณ์ไว้อีกเหรอ?ท่านผู้อาวุโส ไม่ว่าครั้งนี้คุณจะพูดอย่างไร พวกอ่อนหัดที่ญี่ปุ่นนั่นก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตต่อไปเลย”

เมื่อพูดจบ หลี่ต๋าคางก็กอดเมี๋ยวชุ่ยที่หลับใหลอีกครั้งก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องวิจัยของต้าเซี่ยหลงเช่ว

“ท่านผู้อาวุโส แล้วนี่จะทำอย่างไรดี?ถ้าเกิดหลี่ต๋าคางทำอะไรขึ้นมาจริงๆ หัวหน้าเกรงว่าจะนั่งไม่คิดแล้วล่ะ”

หลิวฮุยเห็นเงาของหลี่ต๋าคางที่ห่างไปไกล ก็ถามด้วยความหนักใจ

“เห้อ ครั้งนี้คนญี่ปุ่นพวกนั้นมาแตะกับสิ่งที่ไม่ควรของหลี่ต๋าคางแล้วจริงๆ เกรงว่าวันนี้มันจะเปลี่ยนไปจริงๆ”

ท่านผู้อาวุโสคิดถึงผลที่หลี่ต๋าคางจะระเบิดออกมาก็ปวดหัวเป็นอย่างมาก เขาคิดไม่ตกจริงๆ คนญี่ปุ่นพวกนั้นจะไปยั่วโมโหเพื่ออะไรกันนะ?ไม่อยากมีชีวิตอย่างยืนยาวหรือไง?

หรือพวกเขาคิดว่าหลี่ต๋าคางนั้นน่ากลั่นแกล้งเหมือนที่ตาเห็นจริงๆ งั้นสิ?

หลายปีมานี้ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าสั่งการหลี่ต๋าคางเอาไว้ ไม่ให้เขาทำอะไรบ้าๆ ไม่แน่ว่าองค์กรต้าเซี่ยหลงเช่วนั้นคงจะไม่มีทางก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้

ชายคนนี้ถ้าเกิดว่าเขาโกรธขึ้นมาจริงๆ ละก็ คงจะไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่จะขวางเขาเอาไว้ได้เลยล่ะ

“หลิวฮุย ช่วยฉันต่อสายกับหัวหน้าหน่อยสิ เรื่องในครั้งนี้เหมือนจะปิดเอาไว้ไม่อยู่แล้วล่ะ”

ท่านผู้อาวุโสถอนหายใจหนักอีกครั้ง เพราะได้คิดสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ในใจแล้ว

“ท่านผู้อาวุโส ภรรยาของฉันน่ะฝากคุณดูแลก่อนสักพักก็แล้วกัน” หลี่ต๋าคางมองเมี๋ยวชุ่ยที่หลับใหล ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนน่ากลัว

“พวกพ้องต๋าคาง คุณมั่นใจเหรอว่าจะทำแบบนี้น่ะ?คุณรู้ไหมว่าพวกเบื้องบนนั้น……”

ตอนแรกท่านผู้อาวุโสยังอยากจะโน้มน้าวหลี่ต๋าคาง เพื่อหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจได้ แต่เมื่อเขาพูดไปครึ่งหนึ่ง หลี่ต๋าคางก็พูดตัดบทขึ้นมา

“คุณไม่ต้องมาโน้มน้าวฉัน คนพวกนั้นสมควรตาย พวกเขามาเล่นกับขีดจำกัดของฉันมาหลายครั้งแล้ว ก็อย่าโทษว่าฉันลงมือหนักไปก็แล้วกัน”

เมื่อเห็นความอาฆาตในตาของหลี่ต๋าคาง ท่านผู้อาวุโสก็รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็คงจะห้ามเขาไม่ได้แล้ว

“เห้อ ถ้าคุณดื้อดึงแบบนี้ งั้นฉันเองก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว หลี่ต๋าคาง ในเมื่อฉันมานั่งอยู่บนที่ของท่านผู้อาวุโสต้าเซี่ยหลงเช่วแล้ว ก็ควรรับผิดชอบในสิ่งที่ฉันสั่ง”

“หัวหน้าพูดออกมาขนาดนั้นแล้ว ถ้าคุณยังดึงดันที่จะทำอะไรล่ะก็ ฉันเองก็ต้องใช้ไม้แข็งให้คุณอยู่ที่นี่แล้วล่ะ”

เสียถอนหายใจอย่างหนักใจ แววตาของท่านผู้อาวุโสนั้นเข้มงวดขึ้นมามาก หลังจากที่เขาพูดออกไปแล้ว จู่ๆ ก็มีชายติดอาวุธชุดดำสามสี่สิบคนโผล่ออกมาจากทุกทิศทุกทาง

หลี่ต๋าคางมองไปรอบๆ พลางเลิกคิ้วขึ้น “ท่านผู้อาวุโส คุณคิดว่าแค่คนพวกนี้ จะมาขวางหลี่ต๋าคางอย่างฉันได้เหรอ?”

เมื่อเพิ่งจะพูดออกไป ชายชุดดำก็เอาอาวุธนั้นเข้ามาหวังจะทำร้ายที่หัวของหลี่ต๋าคาง สีหน้าของท่านผู้อาวุโสนั้นค่อยๆ หนักใจขึ้น

“หลี่ต๋าคาง อย่าใช้อารมณ์เป็นใหญ่ หัวหน้าบอกแล้ว ว่าจะพวกเขาจะออกไปพาตัวของหลานและภรรยากลับมาอย่างปลอดภัย ตอนนี้คุณรอก็เพียงพอแล้วล่ะ”

จะว่าไป ท่านผู้อาวุโสนั้นไม่อยากเป็นศัตรูกับหลี่ต๋าคางเลย ไม่เพียงแค่เพราะกำลังที่แข็งแกร่งของเขา แต่ยิ่งกว่านั้นคือเขาเห็นหลี่ต๋าคางเป็นเพื่อนไปแล้ว

แต่หลี่ต๋าคางนั้นไม่ยอมรับสิ่งที่ท่านผู้อาวุโสวางไว้ เลยยิ้มขึ้นมา ก่อนจะระเบิดความโกรธขึ้นมา

“คนที่ทำร้ายฉันต้องตาย”

หลังจากที่พูดคำเย็นชานี้ออกไป ร่างกายของหลี่ต๋าคางก็หายไปต่อหน้าต่อตา สีหน้าของท่านผู้อาวุโสก็แย่เข้าไปใหญ่ เลยเตือนลูกน้องของตัวเองขึ้นมาอย่างดัง

“ระวัง!”

แต่มันก็เป็นเพียงเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น ชายชุดดำที่อยู่ใกล้หลี่ต๋าคางมากที่สุดนั้นรับคำก่อนจะล้มลง

เพียงไม่นาน ชายชุดดำที่ดูโหดร้ายก็ล้มระเนระนาด จากนั้นท่านผู้อาวุโสก็มองคนที่ตัวเองเลือกมาอย่างดีล้มลงต่อหน้าทีละคนๆ

นี่มันเหมือนหลี่ต๋าคางเป็นคนฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวเลยล่ะ

“ท่านผู้อาวุโส รบกวนช่วยพูดกับเบื้องบนหน่อย ให้พวกเขาอย่าได้มาล้อเล่นกับฟางเส้นสุดท้ายของความรู้สึกฉัน”

ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที หลี่ต๋าคางก็ทำให้ชายชุดดำทุกคนนั้นล้มลง แต่เขาก็ยังไม่ได้ลงมือถึงขั้นที่จะตาย เพียงแค่ทำให้คนเหล่านั้นสลบไปเท่านั้นเอง

“พอแล้วล่ะๆ คุณไปเถอะ” ท่านผู้อาวุโสนั้นรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเอาหลี่ต๋าคางไว้ไม่อยู่ เขาทำแบบนี้ก็เพื่อจะได้รายงานเพียงเท่านั้น

เลยโบกมือให้หลี่ต๋าคางอย่างจนปัญญา จากนั้นก็หันหน้าไปอีกด้าน เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางห้ามหลี่ต๋าคางไม่ให้ไปได้ คนญี่ปุ่นเหล่านั้นก็ฆ่าคนในครอบครัวไปแล้ว เป็นใคร จะมาห้ามความโกรธเอาไว้ได้เล่า?

หลี่ต๋าคางเลยมองเมี๋ยวชุ่ยที่อยู่ในห้อง จากนั้นก็หายตัวไปในทางเดิน

พวกหลี่ฝางนั้นบินมาพอดี กำลังเตรียมจะเอาโทรศัพท์โทรหาพวกฉินวี่เฟยเพื่อบอกว่าปลอดภัย แต่ก็ถูกพวกคนติดอาวุธเหล่านั้นขวางทางเอาไว้

“เฮ้ พวกคุณเป็นใครน่ะ?เปิดทางให้คุณชายเดี๋ยวนี้ อย่ามาขวางทางพวกเรา” ไขจี๋เออขมวดคิ้วพลางมองคนที่ขวางทางอยู่ ก่อนจะไล่พวกเขาด้วยความรำคาญ

เพียงแค่คนเหล่านั้นไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะยื่นมือไปผลักไขจี๋เออไปข้างๆ ด้วยท่าทีน่ารังเกียจเป็นอย่างมาก

“คุณหลี่ฝาง นายของพวกเราอยากเจอคุณ”

เมื่อได้ยินสำเนียงภาษาจีนที่เกินทนของพวกเขา หลี่ฝางก็ขมวดคิ้วขึ้น พลางเอาโทรศัพท์กลับไปไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม ก่อนจะพูดปฏิเสธออกไป

“ขอโทษนะ ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปเจอนายของพวกคุณหรอก”

เมื่อพูดจบ หลี่ฝางก็พาคนอื่นๆ จากไป แต่พวกนักรบเหล่านั้นกลับไม่ยอม เลยไม่มีท่าทีจะเปิดทางให้พวกเขาเลยแม้แต่น้อย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท