NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1349 การเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1349 การเปลี่ยนแปลง

หลี่ต๋าคางมองท่าทีบ้าคลั่งของเขาพลางขมวดคิ้ว อยากจะจัดการนัยเหลียงให้ได้เสียก่อน แต่เขาเพิ่งจะขยับ เทพอ้านก็วาร์ปเข้ามาอยู่ข้างกายเขาแล้ว พลางหยุดการโจมตีของหลี่ต๋าคาง

“คู่แข่งของแกก็คือฉัน”

เทพอ้านมองหลี่ต๋าคางพลางยิ้มอย่างเหยียดหยาม จากนั้นจึงใช้มือม้วนพลังแห่งการเขมือบกลืนพลางจู่โจมเข้าไปในหน้าอกของเขา

ดีที่หลี่ต๋าคางมีเกราะป้องกันสีทองป้องกันเอาไว้ ถึงแม้คนจะถูกทำร้ายจนกระเด็น แต่กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากพลังแห่งการเขมือบกลืนเลย

หลี่ต๋าคางที่ล้มอยู่ที่พื้นเช็ดมุมปากที่แตก ก่อนจะถุยเลือดออกมาอย่างเต็มแรง

เขาเป็นเทพมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนทำให้มาถึงจุดนี้

หลังจากที่หายใจเข้าลึกๆ แล้ว หลี่ต๋าคางใช้ผนึกที่อยู่บนตัวคลายออกชั้นหนึ่งอีกครั้ง จนเกิดพละกำลังเก้าส่วนขึ้นมา

ประตูเทพบนหัวของเขานั้นแทบจะถูกเปิดออกทั้งหมด หลังคาบนหัวเองก็ถูกบดขยี้จนพังทลายเพราะได้รับผลกระทบจากแรงที่แข็งแกร่งของเขาด้วย

ฟ้าที่ดูสดใสในตอนแรกนั้นจู่ๆ ก็มีม่านเมฆสีดำเข้าปกคลุมในทันที ก่อนจะมีลมพัดมาเป็นระยะๆ ฉินวี่เฟยและคนอื่นๆ ที่เพิ่งจะเข้าไปในคฤหาสน์เก่าเมื่อได้เห็นก็งงเป็นไก่ตาแตก ก่อนจะยืนอึ้งอยู่กับที่

“นี่ก็คือเทพเหรอ?แข็งแกร่งจัง” ราฟาเอลมองหลี่ต๋าคางที่ลอยอยู่กลางอากาศ พลางพูดคนเดียวด้วยความอึ้งค้างไป

ตอนที่พวกเขากำลังตกใจกับพละกำลังของหลี่ต๋าคางอยู่นั้น เสี่ยวผิงอันที่อยู่ในอ้อมกอดของหยางฉงจู่ๆ ก็ร้องไห้ขึ้นมา

เสียงในลำคอนั้นทำให้ทุกคนกลับสู่โลกแห่งความจริง หยางฉงเลยรีบกล่อม

“เด็กน้อย ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะๆ แม่อยู่นี่ไง เดี๋ยวแม่จะพาไปโรงพยาบาลเองนะ”

หลายๆ คนที่มีสติกลับมาแล้วก็ไม่ได้สนใจสถานการณ์ของทางหลี่ต๋าคางอีกแล้ว แต่รีบไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

ฉากใหญ่อลังการแบบนี้มันดึงดูดความสนใจของคนอื่นในทันที มีคนที่ล้อมอยู่ไม่น้อยเลยที่หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายฉากที่ไม่น่าเชื่อนี้

“ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?ถ่ายหนังหรือไง?ทำเอฟเฟกต์ได้ดีเกินไปแล้วนะเนี่ย!”

“ปีศาจ!ทุกคนรีบหนีไปเถอะ!ถ้าไม่วิ่งเดี๋ยวจะไม่ทันแล้วนะ!”

“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?นี่มันยุคไหนแล้ว พวกคุณยังเชื่อเรื่องปีศาจอะไรอีกเหรอ ฉันว่าน่าจะเป็นพวกสมองพิการที่ไหนที่ทำออกมาเพื่อดูดความสนใจมากกว่า”

……

ทุกคนต่างวิจารณ์หลี่ต๋าคางกับเทพอ้านไปต่างๆ นานา ทั้งหมดต่างเดาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ท่านผู้อาวุโสในตอนนี้กำลังนั่งเปิดคลิปการประชุมอยู่ที่ห้องทำงานของต้าเซี่ยหลงเช่ว

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!ฉันให้แกดึงหลี่ต๋าคางเอาไว้ไม่ใช่เหรอ?ทำไมถึงได้ไปที่ญี่ปุ่นได้ล่ะ!”

หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นกำลังมีคนใส่สูทคนหนึ่ง เป็นชายวัยกลางคนใส่สูท เขาในตอนนี้กำลังโกรธเลยดูร้ายกาจอย่างเห็นได้ชัด บนหน้าผากก็มีเส้นเลือดปูด พลางชี้ไปที่คลิปที่โด่งดังบนอินเทอร์เน็ตแล้วด่าออกมา

เมื่อเทียบกับความขี้โมโหของเขานั้น ท่านผู้อาวุโสดูใจเย็นกว่ามาก เขานั่งลงบนเก้าอี้อย่างไร้อารมณ์ พลางมองชายวัยกลางคนบนหน้าจอพูด

“ฉันขวางเอาไว้แล้ว แต่ก็ขวางเอาไว้ไม่อยู่”

“ขวางไม่ได้งั้นเหรอไอ้งั่ง!กูเห็นมึงไม่อยากจะขวางเลยด้วยซ้ำ!แกอย่าลืมนะ ตอนนี้แกนั่งอยู่บนตำแหน่งนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะฉัน!แกเชื่อไหมว่ากูดึงมึงลงมาได้เดี๋ยวนี้เลย!”

“ขนาดหลี่ต๋าคางยังขวางไว้ไม่ได้ กูเลี้ยงคนไร้ประโยชน์มาเพื่ออะไรกัน?เลี้ยงหมายังรู้จักเฝ้าบ้าน คนไร้ประโยชน์อย่างพวกแกเอาแต่หาเรื่องวุ่นวายทำอะไรได้บ้าง?”

ชายวัยกลางคนนั้นไม่พอใจกับคำตอบของท่านผู้อาวุโสเป็นอย่างมาก เลยตบโต๊ะด้วยความโกรธ แถมยังขู่ท่านผู้อาวุโสอีกด้วย

เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของท่านผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไป ในตาก็มีประกายความดูแคลน

“เหอะ อยากจะดึงเมื่อไหร่ก็ได้ ฉันไม่มีความเห็นอะไร แต่ผลที่ตามมานั้นแกก็ต้องระวังด้วยนะ ต้าเซี่ยหลงเช่วนั้นฉันสร้างมาเองกับมือ แกคิดว่าคนด้านล่างจะฟังคำสั่งของแกงั้นเหรอ?”

“อีกอย่าง ถ้าแกคิดว่าลูกน้องในมือของฉันมันใช้ไม่ได้ งั้นคุณก็ไปโน้มน้าวหลี่ต๋าคางเองดีกว่า ฉันอยากจะเห็นว่าแกมีความอดทนมากแค่ไหน ที่จะขวางเขาเอาไว้ได้น่ะ”

คำพูดของท่านผู้อาวุโสนั้นทำให้ชายวัยกลางคนพูดอะไรไม่ออก เขาโกรธจนมีเสียงลมหายใจหนักหน่วงออกมาจากทางคอมพิวเตอร์

เมื่อมองมาที่ท่านผู้อาวุโสด้วยความร้ายกาจนั้น อารมณ์เหมือนพร้อมจะฆ่าได้เลยล่ะ

“ส่งเมี๋ยวชุ่ยคนนั้นมา ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าหลี่ต๋าคางจะไม่สนใจความเป็นความตายของเธอ!”

ชายวัยกลางคนหายใจเข้าอย่างแรง ก่อนจะกดความโกรธในใจของตัวเองเอาไว้ พลางสั่งท่านผู้อาวุโสเสียงเย็นชา

ในเวลาสิบกว่าปีที่ล่วงเลยไป พวกเขาใช้วิธีนี้ในการคุมรั้งหลี่ต๋าคางเอาไว้ แถมวิธีนี้เองก็ยังใช้ได้ผลเป็นอย่างมาก ปกติเพียงแค่ควบคุมเมี๋ยวชุ่ยกับหลี่ฝางได้ หลี่ต๋าคางก็ไม่มีทางแล้วล่ะ

แต่ในครั้งนี้ ชายวัยกลางคนเองก็เข้าใจไปเสียอย่างเดิม ว่าหลี่ต๋าคางเองก็จะฟังการจัดการของตัวเอง

ท่านผู้อาวุโสหัวเราะเสียงเย็นชา จากนั้นก็มองชายวัยกลางคนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลน

“คุณมั่นใจเหรอว่าผลของมันจะไม่สะท้อนกลับน่ะ?แถมคลิปนั้นคุณเองก็เห็นแล้ว ว่าตอนนี้กำลังของหลี่ฝางนั้นเรียกได้ว่าไม่มีใครเทียม ถ้าคุณไม่ให้หลี่ต๋าคางออกโรงเอง โลกคงจะพังพินาศ”

ชายวัยกลางคนได้ฟังคำของท่านผู้อาวุโสแล้วก็อึ้งไปสักพัก เขาแทบจะไม่ได้คิดถึงปัญหาในด้านนี้เลย

เขามองคลิปท่อนนั้นบนอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง ในแววตาก็มีความไม่พอใจออกมา

“หรือจะยอมให้หลี่ต๋าคางก่อความวุ่นวายแบบนี้ต่อไปงั้นเหรอ?เขาเป็นไพ่ใบเด็ดในมือพวกเราเลยนะ!เพราะมีเขา นักรบคนอื่นๆ เลยไม่กล้าทำอะไรโดยไม่คิด ถ้าเขาปลดผนึกบนตัวแล้ว งั้นคนในแดนอื่นก็จะรู้ถึงการมีอยู่ของเขาแล้วสิ”

“ตอนนี้พวกเรายังไม่มีเขาไม่ได้ เมื่อใดที่หลี่ต๋าคางถูกคนของแดนอื่นพาไป มันจะต้องเกิดการสั่นสะเทือนเป็นอย่างมากแน่ๆ พวกเรารับผลที่จะเกิดขึ้นไม่ไหวหรอก”

เหตุผลนี้ไม่ใช่ว่าท่านผู้อาวุโสจะไม่เข้าใจ ความสำคัญของหลี่ต๋าคางนั้นเขาเข้าใจดีกว่าใคร หลี่ต๋าคางไม่ได้เป็นตัวแทนของตระกูลหลี่เท่านั้น แต่ยังเป็นภาพลักษณ์ของพละกำลังของนักรบในจีนด้วย

เพราะการมีอยู่ของหลี่ต๋าคางพอดี หลายปีมานี้ของเหล่านักรบของประเทศจีนเลยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

ถ้าเสียหลี่ต๋าคางไปในตอนนี้ งั้นสำหรับนักรบในประเทศจีนนั้น ก็จะเสียคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งไป

แต่ว่า ท่านผู้อาวุโสเองก็เข้าใจ ยุคนี้มันจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเหล่านักรบของจีนอยากจะแข็งแกร่งขึ้นมาจริงๆ แล้วเป็นที่หนึ่งของโลก จะใช้กำลังของคนคนเดียวไม่ได้

ต้นไม้ต้นเดียวจะเป็นป่าไม่ได้ และดอกไม้ในห้องก็ไม่มีทางได้ประสบกับสายฝน ถ้านักรบของประเทศจีนยังใช้ชีวิตอยู่ในห้องที่ต้าเซี่ยหลงเช่วกับหลี่ต๋าคางสร้างขึ้น พวกเขาเองก็ไม่มีทางได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้โดยตนเอง

“ยุคมันเปลี่ยนไปแล้ว พวกเราจะพึ่งกำลังของหลี่ต๋าคางคนเดียวไม่ได้ ทำไมคุณมั่นใจขนาดนี้ หลังจากที่เสียหลี่ต๋าคางไป นักรบของประเทศจีนจะอยู่ในจุดตกต่ำงั้นเหรอ?พวกเราเองก็ควรลองปล่อยมือบ้างแล้วล่ะ”

ท่านผู้อาวุโสมองชายวัยกลางคนพลางพูดโน้มน้าวด้วยความมีนัย

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น หน้าของชายวัยกลางคนก็เกิดความลังเลเกิดขึ้น เขามองท่านผู้อาวุโสด้วยความสับสน ผ่านไปนานถึงจะถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ

“เฮ้อ หรือบางทีนี่อาจจะเป็นชะตาฟ้า อีกไม่นานก็จะพลิกผันแล้ว”

หลังจากที่พูดประโยคนี้จบ ชายวัยกลางคนก็ตัดสายทางวิดีโอของท่านผู้อาวุโส ส่วนใบหน้าของท่านผู้อาวุโสเองก็มีแววตาหนักใจเผยให้เห็นออกมา

“ท่านผู้อาวุโส มั่นใจเหรอว่าพวกเราจะไม่ต้องไปช่วยเหรอ?” เมื่อเห็นท่านผู้อาวุโสคุยวิดีโอคอลเสร็จแล้ว หลิวฮุยที่อยู่ข้างๆ ถึงได้ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท