NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1355 เด็กที่รอดชีวิต

บทที่ 1355 เด็กที่รอดชีวิต

“ไม่!จะใช้ไม่ได้ได้อย่างไร นี่มันของล้ำค่าอย่างมากเลยนะ!จะไร้ประโยชน์ได้อย่างไร หรือมันยังไม่พอนะ?ลูกน้อย คุณเปิดปากออก แล้วกินมันเข้าไป”

ทั้งๆ ที่ความจริงมันปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่หลี่ฝางก็ยังไม่อยากจะเชื่อกับเรื่องจริงที่ว่าเสี่ยวผิงอันนั้นได้จากโลกนี้ไปแล้ว แถมยังมีความคิดทางการปรุงยาที่อยากจะเอาจั๊กจั่นทองที่ถูกคั้นจนเหลือเศษแล้วใส่เข้าไปในปากของเสี่ยวผิงอันด้วย

“หลี่ฝาง!คุณพอได้แล้ว!เสี่ยวผิงอันเขาตายไปแล้ว!คุณทำตัวให้เหมาะกับเป็นผู้ชายหน่อยได้ไหม!”

ตอนที่ฉินวี่เฟยเดินเข้าไปในห้องรักษาพยาบาล เมื่อได้เห็นท่าทีเป็นบ้าของหลี่ฝางก็เดินเข้าไปตบเขาเข้าเต็มเปา

หลังจากที่โดนตบ หลี่ฝางก็อึ้งอยู่กับที่ จากนั้นก็มองฉินวี่เฟยด้วยดวงตาไร้แวว

“คุณกำลังพูดอะไรเหรอ?เสี่ยวผิงอันเขายังดีๆ อยู่แท้ๆ เขาจะต้องฟื้นขึ้นมาแน่นอน!”

“เขาตายไปแล้ว!ตายแล้ว!คุณลืมตาดูให้ดีหน่อยได้ไหม!คุณเป็นแบบนี้แล้วฉันทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว!”

ฉินวี่เฟยตะโกนด่าหลี่ฝางด้วยเสียงสั่นเทา

ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไม่ได้อารมณ์ร้ายสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นท่าทีของหลี่ฝางที่ทำร้ายตัวเองแบบนั้น ฉินวี่เฟยก็อดไม่ไหวจริงๆ

“คุณพูดอะไรบ้าๆ !เสี่ยวผิงอันไม่ใช่ลูกของคุณ คุณต้องหวังให้เขาตายอยู่แล้ว!คุณไสหัวไปนะ ฉันไม่อยากได้ยินคุณพูดอะไรแบบนี้อีก!”

หลี่ฝางในตอนนี้ทนฟังอะไรต่อไปไม่ไหวแล้ว ถึงขนาดที่ไม่คิดจะพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจกับฉินวี่เฟยด้วยซ้ำ

คำพูดเหล่านี้มันเหมือนกับมีดคมกริบ ที่บาดแทงใจของฉินวี่เฟย

เขาพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไรกับ?

ใช่ เสี่ยวผิงอันไม่ใช่ลูกของเธอก็จริง แต่ว่าเธอก็รักเขาเป็นอย่างมากนะ!

“ได้ คุณว่าอย่างไรก็เอาตามนั้น ฉันไปล่ะ!คิดไม่ถึงเลยว่าฉินวี่เฟยอย่างฉันจะเป็นคนแบบนี้ในสายตาคุณ!”

ฉินวี่เฟยมองหลี่ฝางด้วยแววตาแดงก่ำ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะหันตัววิ่งออกไป

“พี่สะใภ้วี่เฟย!” ราฟาเอลคิดว่าตัวเองนั้นกำลังจะโกรธหลี่ฝางเป็นอย่างมาก เลยตามไปพลางทนความเจ็บปวดที่กระดูกหัก

เมื่อเห็นเงาของฉินวี่เฟยจากไป แววตาของหลี่ฝางก็เปล่งประกาย ก่อนจะเดินเข้ามาเพื่อห้ามแต่เสี่ยวผิงอันที่อยู่บนเตียงรอรับการช่วยเหลือนั้นกลับมีลมหายใจออกมาเบาๆ

หลี่ฝางเบรกตัวเองอย่างจัง ก่อนจะรีบหันตัวไป พลางเอานิ้วจิ้มไปที่จมูกของเสี่ยวผิงอันอย่างสั่นไหว

“หมอ!เร็ว!ลูกของฉันกลับมามีชีวิตแล้ว!”

ทั้งๆ ที่เสี่ยวผิงอันหายใจรวยรินมาก แต่หลี่ฝางก็รู้สึกได้ พลางดีใจเป็นอย่างมากก่อนจะตะโกนหาแพทย์พยาบาลที่นั่งสั่นอยู่ตรงมุม

อันที่จริงหมดพวกนั้นไม่เชื่อคำของหลี่ฝาง เพราะต่างคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว แต่หลี่ฝางนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ เพื่อไม่ให้หลี่ฝางโกรธ พวกเขาเลยต้องเดินเข้าไปหาอย่างเกรงกลัว

“ให้ตายเถอะ!เด็กคนนี้ฟื้นขึ้นมาจริงๆ !”

ผู้ช่วยที่ตอนแรกอยากจะทำท่าเหมือนช่วยชีวิตเท่านั้น แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงหัวใจของเสี่ยวผิงอันแล้ว ก็เกือบกระโดดโหยง จากนั้นจึงเรียกให้เข้ามาช่วยชีวิตเสี่ยวผิงอันต่อ

แพทย์คนอื่นหลังจากที่ได้ยินเสียงพูดของเขา ก็รีบกลับเข้ามาทำงานเหมือนเดิม และทำตามแผนช่วยชีวิตเสี่ยวผิงอันมากมาย

“มันน่าเหลือเชื่อมากเลย!พิษในร่างกายเด็กก็ค่อยๆ หายไป!นี่มันไม่เหมือนสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์เลย!”

ผู้ช่วยมองเชื้อโรคที่ค่อยๆ หายไปจากร่างกายของเสี่ยวผิงอัน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็หันไปจับมือหลี่ฝาง พลางถามด้วยความตื่นตัว

“คุณให้เขากินอะไรเข้าไปน่ะ?นี่มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของวงการการแพทย์เลยนะ!มันไม่น่าเชื่อเลยล่ะ!ทำได้อย่างไรกันเนี่ย!”

หลี่ฝางมองชีพจรของเสี่ยวผิงอันที่ค่อยๆ กลับมาเป็นปกตินั้น ก่อนจะเริ่มวางใจลงได้บ้าง

เขาที่ตึงเครียดเป็นอย่างมากจู่ๆ ไม่มีแรง ก่อนที่ภาพข้างหน้าจะมืดดำไปหมด

หลังจากที่หลี่ฝางฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องพักผู้ป่วย หยางฉงฟุบหลับอยู่ข้างเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน ยังมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งอยู่บนหน้า

เขามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของฉินวี่เฟย เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองพูดถึงฉินวี่เฟยไปก่อนหน้านี้ ในใจของหลี่ฝางก็ปวดแปล็บขึ้นมา เขาเลยเอาผ้าห่มออกอย่างระวัง เพื่อลงจากเตียงแบบเงียบๆ

แต่ถึงแม้เขาจะระวังขนาดนั้นแล้ว แต่ก็ทำให้หยางฉงที่กำลังหลับอยู่นั้นตื่นขึ้นมาอยู่ดี

“พี่หลี่ฝาง?คุณตื่นแล้วเหรอ?” หยางฉงขยี้ตา จากนั้นก็มองหลี่ฝางพูด

หลี่ฝางยื่นมือออกมาลูบผมของเธอด้วยความรักจับใจ จากนั้นก็ดึงมือของเธอเพื่อให้เธอขึ้นมานอนบนเตียง

“ทำไมคุณถึงมานอนที่นี่?พวกราฟาเอลล่ะ?แล้วก็ ลูกน้อยเป็นอย่างไรบ้าง?น่าจะไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”

หลี่ฝางยังพอจำได้ ว่าหลังจากที่เขามั่นใจแล้วว่าเสี่ยวผิงอันไม่เป็นอะไรถึงได้เป็นลมไป แต่เขาในตอนนั้นอารมณ์ไม่แน่นอนเท่าไหร่ สมองเลยเลือนราง ดังนั้นเลยต้องทำให้มั่นใจสักหน่อย

หยางฉงซบไหล่ของหลี่ฝาง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“ลูกน้อยไม่เป็นอะไรแล้ว แต่หมอบอกว่าเพื่อให้ไม่เกิดอะไรผิดพลาด เลยอยากดูอาการสักระยะหนึ่ง”

เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวผิงอัน ในใจของหยางฉงก็กลัวขึ้นมา เมื่อเธอได้ยินว่าเป็นข่าวร้าย ตัวเองก็หวังว่าจะได้ไปกับเสี่ยวผิงอัน

ยังดีที่หลังจากที่หยางฉงเป็นลมไป Lafiteต้องรีบบอกข่าวที่เสี่ยวผิงอันตายแล้วฟื้นกับเขา ไม่อย่างนั้นหยางฉงก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะทำเรื่องโง่ๆ ไป

“งั้นก็ดี” หลังจากที่มั่นใจในข่าวนั้นแล้ว หลี่ฝางก็วางใจ หลังจากที่ลังเลสักพัก จากนั้นเลยถาม “วี่เฟยล่ะ เธอไปไหนแล้ว?”

เมื่อพูดถึงฉินวี่เฟย หยางฉงก็ชะงักไป จากนั้นเลยถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกออกจากอ้อมกอดของหลี่ฝาง

“พี่หลี่ฝาง คุณรีบไปขอโทษพี่วี่เฟยเถอะ”

ฉินวี่เฟยที่วิ่งออกไปจากโรงพยาบาลในตอนแรกนั้น สุดท้ายราฟาเอลก็เป็นคนพาเขากลับมา

แต่ว่าหลังจากที่ฉินวี่เฟยกลับมาที่โรงพยาบาลก็เปลี่ยนไปเป็นทุกใจอย่างมาก แต่ก็ยิ้มขึ้นได้บ้างตอนที่รู้ว่าเสี่ยวผิงอันนั้นฟื้นคืนชีพแล้ว

ในคืนวันเวลาหลังจากนั้น ฉินวี่เฟยล็อกตัวเองอยู่ในห้อง ไม่อยากเจอใครเลย ขนาดหยางฉงที่ไปหา ฉินวี่เฟยยังหลบหน้าไม่ยอมเจอเลย

หยางฉงโน้มน้าวอยู่นาน แต่ว่าฉินวี่เฟยก็ยังไม่ฟังตามเคย สุดท้ายหยางฉงก็ไม่มีวิธีอะไรแล้ว เลยต้องปล่อยเลยตามเลย

“เธอ……ยังโกรธฉันอยู่เหรอ?” ใจของหลี่ฝางนั้นรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก ถ้าเกิดสามารถย้อนเวลาไปได้ ตอนนี้เขาอยากจะตบตัวเองในตอนนั้นแทบไม่ไหว

เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย!ทำไมถึงไปพูดแบบนั้นกับฉินวี่เฟย!

ความรักที่ฉินวี่เฟยมีให้เสี่ยวผิงอันนั้น ใครๆ ก็มองออก

“เฮ้อ พี่หลี่ฝาง ครั้งนี้คุณทำร้ายจิตใจของพี่วี่เฟยไปแล้วจริงๆ ห้องพักผู้ป่วยที่อยู่ข้างๆ เขานั้น ไม่ได้ออกมาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ไม่ว่าใครจะไปโน้มน้าวก็ไม่มีประโยชน์ คุณๆ ไปดูหน่อยเถอะ”

หลังจากที่หยางฉงฟื้นแล้ว ก็รู้เรื่องอย่างละเอียดออกมาจากปากของราฟาเอล จะว่าไป ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ฝางเป็นพ่อของเสี่ยวผิงอัน เธอจะต้องสั่งสอนหลี่ฝางอย่างรุนแรงสักหน่อย

คำพูดแบบนั้นจะออกมาจากปากใครก็ได้ ยกเว้นปากของหลี่ฝาง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท