NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1356 สามีภรรยาทะเลาะกันที่ปลายเตียง

บทที่ 1356 สามีภรรยาทะเลาะกันที่ปลายเตียง

“ตอนนี้ฉันจะมีหน้าไปเจอเธอเหรอ?” เมื่อคิดถึงแววตาของฉินวี่เฟยที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด หลี่ฝางก็ขี้ขลาดขึ้นมา ก่อนจะก้มหน้าพูดอย่างจนปัญญา

“พี่หลี่ฝาง คุณไม่กล้าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?คุณพูดผิดเอง ผู้หญิงของคุณ คุณไม่ไปปลอบ แล้วจะให้ใครไปทำให้งั้นเหรอ?ฉันจะบอกคุณให้นะ ถ้าวันนี้คุณไม่ปลอบพี่วี่เฟย คุณเองก็อย่าหวังว่าฉันจะสนใจคุณอีกเลย”

หยางฉงมองท่าทีของหลี่ฝางแล้วก็โกรธ พลางผลักเขาอย่างรุนแรง ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง แล้วไม่อยากมองเขาอีก

“ฉัน……ฉันรู้ว่าผิดไปแล้ว ฉันจะไปหาเธอตอนนี้ล่ะ” หลี่ฝางมีแววตาเป็นประกาย จากนั้นถึงได้ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย

“วี่เฟย คุณอยู่ด้านในหรือเปล่า?” หลี่ฝางเดินเข้ามาอยู่ด้านตรงข้ามของประตูห้องพักผู้ป่วยสักพัก จากนั้นก็ยื่นมือออกมาเคาะประตู พลางถามด้วยความไม่กล้า

พอผ่านไปสักสองนาที ด้านในก็ยังไม่มีเสียงอะไรออกมา หลี่ฝางเลยพูดอีกครั้ง

“ฉันรู้ว่าคุณอยู่ข้างใน ฉันเองก็รู้ว่าคุณแค่ไม่อยากสนใจฉันเท่านั้น ขอโทษนะ วี่เฟย ฉันมันไม่ดีเอง ฉันไม่ควรพูดอะไรแบบนั้น ฉันรู้ว่าในใจของคุณนั้น รักผิงอันเหมือนกับลูกชายแท้ๆ เลยล่ะ”

“ฉันมันเลวจริงๆ !ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันเป็นอะไร สมองคิดไม่ตก เลยพูดอะไรไม่ดีแบบนั้นออกไป ขอโทษจริงๆ วี่เฟย คุณเปิดประตูให้ฉันเจอหน่อยได้ไหม?”

เขาขอร้องอ้อนวอนเสียงต่ำแบบนี้ทำให้เหล่าหมอและพยาบาลสนใจขึ้นมา แถมยังมีคนบางคนในห้องพักผู้ป่วยออกมาดูความตื่นตานี้ด้วย

หลี่ฝางเห็นแววตาของคนเหล่านั้นก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ แต่เพื่อง้อฉินวี่เฟย เขาเลยฝืนเคาะประตูต่อไป

“ที่รัก ฉันผิดไปแล้วจริงๆ คุณให้อภัยฉันได้ไหม?ฉันมันเลวจริงๆ ที่ทำให้คุณน้อยใจแบบนี้ ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณยังโกรธ คุณเปิดประตูหน่อยได้ไหม ให้ฉันไปหาคุณหน่อยได้ไหม?เพียงแค่คุณยอมเปิดประตู คุณจะด่าจะว่าฉันอย่างไรก็ได้”

หลังจากที่ฉินวี่เฟยที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงของหลี่ฝางแล้ว ก็เอาหมอนมาปิดหัวของตัวเอง

ตอนแรกคิดว่าเพียงไม่นานหลี่ฝางจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะยังหน้าด้านหน้าทน ฉินวี่เฟยได้ยินเสียงเคาะประตูไม่หยุด เลยลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรำคาญ พลางต่อยไปที่หมอนอย่างเต็มแรง

“ออกไปนะ!ฉันไม่อยากเห็นคุณ!” ฉินวี่เฟยตะโกนออกไปทางประตูด้วยความโกรธเคือง

หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินเสียงเธอก็ไม่ได้โกรธ แต่กลับรู้สึกดีขึ้นอีกด้วย

ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะบอกให้เขาจากไป แต่ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยก็สนใจตัวเอง เขาเชื่อ ว่าถ้ายังอดทนต่อไป ประตูนี้จะต้องเปิดออกอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว

“ที่รัก คุณอย่าโกรธเลย ฉันรู้แล้วว่าฉันผิดไป คุณรีบเปิดประตูให้ฉันเห็นเถอะ เพียงแค่คุณเปิดประตู จะให้ฉันทำอะไรก็ได้”

หลี่ฝางหมอนี่ได้ทำให้คนรู้ว่า คนคนหนึ่งจะหน้าด้านได้แค่ไหน ตอนนี้เหมือนจะมีคนทั้งชั้นออกมาเพื่อดูความน่าสนใจนี้เลย แต่เขาก็ยังอยากจะขอร้องอยู่ที่หน้าประตูของฉินวี่เฟยเพื่อให้เธอให้อภัย

เพียงไม่นานพวกป้าๆ นั้นก็ลุกขึ้นมาเพื่อร้องขอแทนหลี่ฝาง

“สาวน้อย ทุกคนต่างบอกว่าเวลาสามีภรรยาทะเลาะกันก็เป็นเรื่องในบ้าน มีเรื่องอะไรจะมาพูดให้คนอื่นรู้ได้อย่างไร สามีคุณยังป่วยอยู่นะ ดูตัวเล็กผอมแห้งนี่สิ ให้เขายืนอยู่หน้าประตูตลอดแบบนี้ เกรงว่าอีกไม่นานจะต้องกลับไปนอนที่เตียงเหมือนเดิมแล้วนะ”

“ไม่หรอกมั้ง ฉันว่าสามีคุณน่ะใส่ใจคุณมากเลยนะ กล้ามาขอร้องต่อหน้าทุกคนแบบนี้เพื่อให้คุณให้อภัย ชายที่ดีขนาดนี้ ตอนนี้หายากแล้วนะ”

“สาวน้อย คุณออกมาเจอหน้าเขาหน่อยเถอะ น่าสงสารขนาดนี้ ทุกคนทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว”

……

เมื่อได้ยินป้าๆ บอกว่าตัวเองตัวเล็ก หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะมองเรือนร่างของตัวเอง ด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก

ความสูงแบบนี้ น้ำหนักแบบนี้ มันเป็นหุ่นตามมาตรฐาน จะเรียกว่าตัวเล็กๆ ได้อย่างไร?

ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่ชอบที่พวกป้าๆ บอกว่าตัวเองเป็นคนอ่อนปวกเปียก แถมยังเป็นชายที่กลัวภรรยา แต่ตอนนี้มันเป็นสถานการณ์ไม่ปกติไม่ใช่เหรอ เพียงแค่ขอให้ฉินวี่เฟยเปิดประตู ไม่ว่าพวกป้านั้นจะพูดว่าตัวเองเป็นตุ๊ดแต๋วอะไรก็ได้

ฉินวี่เฟยยืนฟังเหล่าป้าแก่ๆ พูดพล่ามอยู่หลังประตู ก็โกรธจนอกแทบระเบิด

คนที่ทำผิดคือหลี่ฝางแท้ๆ ทำไมตอนนี้ตัวเองถึงกลายเป็นคนผิดกันล่ะ?

“พวกคุณรู้อะไรบ้าง!เขาทำผิดก็ควรได้รับการลงโทษ!ถ้าไม่เชื่อพวกคุณก็ลองถามเขาเองสิ ใครกันแน่ที่ผิด!”

ฉินวี่เฟยนั้นโกรธจนไม่รู้จะโกรธอย่างไรแล้ว ก่อนจะเปิดประตูออกมาทันที จากนั้นก็ด่าไอ้พวกป้าที่ประตูอย่างรุนแรง

คนที่อยู่ตรงหน้าประตูนั้นตกใจเพราะฉินวี่เฟยกันหมด แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้โกรธ โดยเฉพาะป้าผู้หวังดี ยังยิ้มพลางพูดแทนหลี่ฝางอยู่ด้วย

“อั้ยหยา ผู้ชายก็ไม่ได้ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ขอแค่ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดหลักมากมาย ก็ค่อยๆ คุยกันก็ได้ อย่าเพิ่งโกรธเลย ฟังก่อนว่าเขาจะพูดว่าอย่างไร”

“นั่นสิ ดูท่าทีเขาแบบนี้ ร่างกายเองก็คงจะเจ็บเหมือนกันใช่ไหม?คุณทนเห็นเขายืนขอร้องคุณแบบนี้ได้เหรอ?”

ปกติฉินวี่เฟยก็ไม่ใช่คนที่โหดร้ายอะไร แล้วก็ไม่ได้อารมณ์ร้ายด้วย แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้ ก็เงยหน้ามองหลี่ฝาง

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาซีดจนน่ากลัว ก็ใจอ่อนลง น้ำเสียงที่พูดเมื่อวานก็ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนเมื่อครู่

“เขาอยากมายืนขอร้องอ้อนวอนเอง ฉันไม่ได้ขอสักหน่อย”

หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินเสียงของฉินวี่เฟยก็รู้ว่าฉินวี่เฟยใจอ่อนแล้ว เลยรีบพูดตอนที่ยังใช้ได้ พลางยื่นมือออกมาจะไปจับไหล่ของฉินวี่เฟย

“จะทำอะไร?อย่ามาโดนตัวฉัน!” ฉินวี่เฟยเห็นว่าหลี่ฝางอยากจะจับตัวเอง จากนั้นก็ตบมือของเขาออก ก่อนจะจ้องเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี

“ที่รักเรามาคุยกันเองดีไหม คุณดูสิว่าคนมองเยอะแยะขนาดนี้” ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะตบไม่ได้เจ็บ แต่หลี่ฝางก็ยังตั้งใจทำเหมือนเจ็บมาก ก่อนจะมองเธออย่างน้อยใจพลางพูด

ฉินวี่เฟยกัดฟันทำท่าทีไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อเธอเห็นแววตาของคนรอบๆ ก็ลังเลขึ้นมา

ว่ากันว่าความในอย่าเอาออก เธอจะทะเลาะกับหลี่ฝางอย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องในบ้าน ถ้ายังทะเลาะกันต่อไปแบบนี้ ไม่เพียงแค่หลี่ฝางจะไม่มีทางลง แต่เธอเองก็จะกลายเป็นที่นินทาของ

“เข้ามา” ฉินวี่เฟยคิดสักพัก สุดท้ายก็ได้แต่หันตัวไปให้ทางหลี่ฝางเข้ามาในประตู

“แหะๆ ฉันรู้ว่าที่รักนั้นดีที่สุดแล้วล่ะ” เมื่อเห็นว่าฉินวี่เฟยให้ตัวเองเข้าไป หลี่ฝางก็ยิ้มขึ้นมาทันที มีท่าทีน้อยใจที่ไหนกัน

เหมือนจะกลัวฉินวี่เฟยกลับใจ หลี่ฝางเลยรีบเข้ามาด้านใน เรียกได้ว่าวิ่งเข้ามาเลยล่ะ ทำให้คนรอบๆ นั้นหัวเราะร่าขึ้นมา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน