NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1362 นายพลหญิง

บทที่ 1362 นายพลหญิง

“ท่านผู้อาวุโส ต้องฝากพวกเธอไว้ที่คุณด้วย” หลังจากที่บอกลาฉินวี่เฟยกับหยางฉงแล้ว หลี่ฝางก็บอกท่านผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกายอีกครั้ง

“ไม่มีปัญหา คุณก็ระวังให้มากแล้วกัน” ท่านผู้อาวุโสตบไหล่ของหลี่ฝาง หลังจากที่พูดประโยคนี้จบ เขาก็พาพวกหยางฉงกับฉินวี่เฟยจากไป

พวกท่านผู้อาวุโสไปได้ไม่นาน ก็มีรถลินคอล์นยาวสีดำมาจอดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของโรงพยาบาล

มีหญิงใส่ชุดกิโมโนทยอยลงมาจากรถ ก่อนจะเรียงกันอยู่หน้าประตูโรงพยาบาลมากมาย ท่านนายพลหญิงค่อยๆ เดินลงมาจากรถท่ามกลางการพยุงของคนใช้

เมื่อคนในโรงพยาบาลเห็นดังนั้น ก็ทยอยวิ่งออกมา จากนั้นจึงคุกเข่าลงหน้าโถงของโรงพยาบาล

แต่ว่าท่านนายพลหญิงกลับทำเหมือนไม่เห็นคนที่คุกเข่าลงต่อหน้าตัวเอง จากนั้นก็เดินตรงไปหาหลี่ฝาง

“บอกพวกเขาชัดเจนหรือยัง?” ท่านนายพลหญิงยื่นมือออกมาจัดแจงเสื้อผ้าของหลี่ฝาง ก่อนจะยิ้มพลางถาม

ท่าทีสนิทสนมแบบนี้หลี่ฝางรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก แต่เพื่อเอาชนะใจของท่านนายพลหญิง เขาเลยพยายามกดความเกลียดชังในใจเอาไว้

“พูดชัดเจนแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังไปที่สนามบิน คุณเคยบอกฉัน ว่าจะทำให้พวกเขาออกมาอย่างปลอดภัย ฉันหวังว่าคุณจะทำได้อย่างที่พูด”

เพื่อรับประกันความปลอดภัยของพวกฉินวี่เฟย หลี่ฝางเลยกล่าวซ้ำอีกครั้ง

ท่านนายพลหญิงปิดปากหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็ซบอยู่ในอ้อมกอดของหลี่ฝางเหมือนไม่มีกระดูกอย่างไรอย่างนั้นเลย

“โฮะๆ ……ตอนนี้ฉันไม่ได้อารมณ์ดีมากนะ หรือไม่อย่างนั้น คุณก็มากล่อมฉันสักหน่อย ไม่แน่ว่าถ้าฉันอารมณ์ดีแล้ว อาจจะตอบตกลงกับคุณก็ได้?”

หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินคำของท่านนายพลหญิง สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที จากนั้นจึงผลักเธอออกจากอกของตัวเอง พลางหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น

“คุณหมายความว่าอย่างไร?เมื่อครู่คุณสัญญาแล้วว่าจะให้พวกเขาไปอย่างปลอดภัย หรือว่าตอนนี้คุณอยากจะกลับคำงั้นเหรอ?”

ท่านนายพลหญิงถูกเขาผลักจนเซ เกือบจะล้มลงบนพื้นแล้ว ยังดีที่ชายกล้ามโตที่อยู่ข้างๆ กอดเธอเอาไว้ได้ทัน

“สามหาว!แกกล้าทำตัวไร้มารยาทกับท่านนายพลงั้นเหรอ!” ชายกล้ามโตทนหลี่ฝางมานานแล้ว เมื่อเห็นเขายื่นมือออกมาผลักท่านนายพลหญิงในครั้งนี้ ก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที

“มากเกินไปแล้วนะ ฉันเป็นถึงคู่ครองของท่านนายพลเลยนะ แกกล้ามาใช้คำพูดแบบนี้กับฉันเหรอ!ใครก็ได้มานี่หน่อย ตบเข้าที่หูของมันเดี๋ยวนี้!”

หลี่ฝางนั้นไม่ได้กลัวชายกล้ามโตเลยแม้แต่น้อย เลยยกตำแหน่งคู่ครองของท่านนายพลของตัวเองขึ้นมา พลางเรียกคนรับใช้ที่ท่านนายพลหญิงพามาด้วยเพื่อสั่งสอนอย่างเสียงดัง

คนรับใช้เหล่านั้นมองหน้ากันอยู่นาน เพราะไม่รู้ว่าต้องลงมือหรือเปล่า ชายกล้ามโตเห็นท่านนายพลหญิงไม่ได้ตำหนิตัวเอง เลยมีความกล้าขึ้นมามากกว่าเดิม ก่อนจะมองหลี่ฝางอย่างไม่แยแส

“คุณยังไม่ได้แต่งงานกับท่านนายพลเลย ตอนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นคนของจวนของท่านนายพล อยากจะเข้ามาตบบ้องหูของฉัน มันเหมือนการไม่คำนึงถึงกำลังของตัวเองเลย”

เพิ่งพูดจบ ชายกล้ามโตก็ถูกตบอย่างไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าที่เป็นสีทองแดงของเขาในตอนแรกนั้นก็เกิดเป็นรอยห้านิ้วขึ้นมา

สร้างรอยให้เกิดบนสีผิวแบบนี้ได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าการตบนั้นมันหนักหนาแค่ไหน

“แกตบฉันงั้นเหรอ?!ฉันจะฆ่าแก!” ชายกล้ามโตมองหลี่ฝางที่ตบตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เสียงที่ใหญ่และทุ้มต่ำนั้นก็สูงขึ้นไม่น้อยเลย

เมื่อมองชายกล้ามโตที่กระโจนเข้ามาหา หลี่ฝางก็ยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะใช้มือข้างเดียวในการยกชายกล้ามโตขึ้นจากพื้น

“ท่านนายพล คนของคุณไม่รู้จักมารยาทบ้างเลยเหรอ?ฉันยังไม่ทันได้แต่งงานกับคุณ พวกเขาก็กล้าทำท่าทีแบบนี้กับฉันแล้ว ถ้าเกิดฉันเข้าไปอยู่ในจวนของท่านนายพลของคุณ จากนี้คงจะต้องผ่านไปอย่างยากลำบากหรือเปล่านะ?”

หลี่ฝางไม่ปรายตามองชายกล้ามโตเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะหันมามองท่านนายพลหญิงที่เหมือนจะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา

ท่านนายพลหญิงเมื่อได้ยินดังนั้น แววตาก็เป็นประกาย ไม่เพียงแค่ไม่ตำหนิที่หลี่ฝางทำร้ายชายในคลังของตัวเอง แต่ยังชื่นชมด้วย

“เหมาะกับเป็นชายที่ฉันชอบจริงๆ ฉันชอบความยโสนี้” ท่านนายพลหญิงปรบมือพลางพูดกับสาวในตำหนักที่อยู่ด้านหลัง “คุณชื่อของจู้เจียนลบออกจากสมุดไป จากนี้ไปฉันไม่อยากเห็นเขาในจวนของท่านนายพลแล้ว”

หลังจากที่หญิงในตำหนักด้านหลังได้ยินคำของท่านนายพลหญิงแล้ว สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เพียงแค่ตอบรับอย่างเชื่อฟัง

ชายกล้ามโตที่ถูกหลี่ฝางยกขึ้นในตอนนี้มีสีหน้าซีดเซียว ก่อนจะมองท่านนายพลหญิงด้วยความกลัว

“ท่านนายพล!คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!คุณเคยบอกฉัน ว่าฉันคือชายในคลังที่คุณรักมากที่สุด!คุณจะทิ้งฉันไปเพราะไอ้สารเลวนี่ได้อย่างไร!ท่านนายพล!”

เมื่อหลี่ฝางได้ยินคำนั้นของชายกล้ามโตก็รู้สึกอยากอาเจียน ชายชาตรีแบบนี้ กล้ามาพูดคำหวานบ้าบอแบบนี้ได้อย่างไร นี่มันยากเกินจะรับไหวจริงๆ

“แกหุบปากไปเดี๋ยวนี้นะ ชายชาตรีแบบนี้มีเกียรติหน่อยได้ไหม?มีแต่ผู้หญิงล่ะที่จะพูดแบบนี้ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงฉันจะไม่มีทางชอบคุณ”

หลี่ฝางทิ้งชายกล้ามโตลงบนพื้นด้วยความรังเกียจ ในตานั้นมีแต่ความเกลียดชัง

ชายกล้ามโตถูกหลี่ฝางทิ้งลงพื้น ก่อนจะรีบกลับไปอยู่ข้างกายท่านนายพลหญิง พลางกอดขาของท่านนายพลหญิงแล้วร้องอ้อนวอน

“ท่านนายพล คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!ฉันอยู่ข้างกายคุณมาเจ็ดปี ยังไงก็ต้องมีเครดิตที่ลงมือลงแรงอยู่ คุณจะมาทำเหมือนไม่มีอะไรต่อกัน เพราะคนที่มาใหม่คนเดียวแบบนี้ได้อย่างไร?ฉันจากคุณไปแล้วจะอยู่อย่างไร!”

หลังจากที่ท่านนายพลหญิงได้ฟังชายกล้ามโตแล้ว ไม่เพียงแค่ไม่สงสารเขา แต่ยังมีความโกรธอยู่ในแววตาอีกด้วย จากนั้นจึงเตะชายกล้ามโตเข้าที่หน้าอกเต็มแรงอย่างไม่เกรงใจ พลางพูดเสียงเย็นชา

“ความเป็นความตายของแก มันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”

คำพูดนี้เหมือนตัดขาดกับชายกล้ามโตอย่างชัดเจน ท่านนายพลหญิงไม่อยากจะสนใจเขาอีกต่อไปแล้ว

หลี่ฝางมองท่านนายพลหญิงที่ไร้ความรู้สึกพลางเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะแอบคิดไป คนที่เป็นถึงจักรพรรดิของแบบหญิงคนนี้ก็ไม่ต้องการความรักความรู้สึกอะไรนั่นเอง

ชายกล้ามโตคนนี้อยู่กับเขามาเจ็ดปี จะทิ้งก็ทิ้งเลย หญิงที่ใจโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่ได้เป็นถึงท่านนายพลหญิงของญี่ปุ่น

“ท่านนายพล!ทำแบบนี้ก็ฆ่าฉันไปเลยดีกว่า!” ชายกล้ามโตมองท่านนายพลหญิงด้วยใบหน้าราวกับขี้เถ้า ในตานั้นก็ไม่มีความอยากร้องขออะไรแล้ว

หลี่ฝางรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาทันที และมองออกเลย ว่าชายกล้ามโตคนนี้จริงใจกับท่านนายพลหญิงมากจริงๆ

น่าเสียดาย ในคำโบราณของประเทศจีนนั้น คนใหญ่คนโตนั้นเจ้าอารมณ์ ที่ไร้รักต้องเป็นราชา

การมีใจให้กับกษัตริย์นั้น เป็นเรื่องที่โง่เขลาที่สุดในโลก

“พวกคุณยังยืนอึ้งอะไรอยู่ รีบลากคนคนนี้ออกไป” สุดท้ายท่านนายพลหญิงนั้นก็ไม่อยากจะมองชายกล้ามโตเลยด้วยซ้ำ แถมยังให้ลูกน้องลากตัวชายกล้ามโตออกไปด้วย

เมื่อรู้ว่าท่านนายพลหญิงไม่เอาตัวเองแล้วจริงๆ ชายกล้ามโตก็หัวเราะเหมือนคนบ้า ผมที่จัดแต่งอย่างเรียบร้อยก็ยุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

“ท่านนายพล!พวกเราเจอกันชาติหน้าเถอะ!” หลังจากที่ชายกล้ามโตหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้ว จู่ๆ ก็ชักมีดออกมาจากนักสู้ที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะแทงเข้าอย่างจัง

เลือดสีแดงสดนั้นกระฉูดออกมาจากคอของเขา ดวงตาทั้งสองข้างก็ยังมองท่านนายพลหญิงด้วยความไม่อยากเสียไปอยู่อย่างนั้น

หลี่ฝางตกใจเพราะการกระทำของเขา ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น

พวกพ้องเหล่านี้ก็พยายามเกินไปหน่อยแล้วมั้ง?แค่ผู้หญิงคนเดียวไม่ใช่เหรอ?หายก็หายไปสิ ทำไมต้องมาฆ่าตัวตายด้วย?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท