NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1366 ลอกเลียนคุณธรรมหญิง

บทที่ 1366 ลอกเลียนคุณธรรมหญิง

……

เมื่อท่านนายพลหญิงพูดออกไป ทั้งสวนก็เหมือนกับระเบิดออกมา เหล่าสนมชายพวกนั้นเริ่มทะเลาะเสียงดังขึ้นมา ภาษาจีนห่วยๆ นั้นทำให้หลี่ฝางรู้สึกไม่ดีไปหมด

บางคนก็อารมณ์ตื่นตัวมาก จนชี้หน้าด่าหลี่ฝาง ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่รู้ว่าเขากำลังพูดอะไร แต่จากแววตาและน้ำเสียงก็พอจะเดาออก มันต้องไม่ใช่คำพูดดีๆ แน่นอน

สีหน้าของท่านนายพลหญิงนั้นดูไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เจียเหอนั้นเป็นมีเซนส์ ถึงแม้เขาเองจะตกใจกับคำพูดของท่านนายพลหญิงมาก แต่กลับไม่ได้ด่าจนขาดสติเหมือนกับคนอื่น

ในขณะเดียวกันหลังจากที่เห็นสีหน้าของท่านนายพลหญิงที่เปลี่ยนไป ท่าทีก็ยิ่งเคารพมากขึ้น จากนั้นจึงโค้ง90องศา แล้วก็โค้งให้หลี่ฝางด้วย

“คู่ครองของท่านนายพล!ขอโทษด้วย!ฉันไม่สอนคนพวกนี้ให้ดีเอง!ขอให้ท่านอย่าได้ใส่ใจข้าน้อยเลย อย่าไปใส่ใจอะไรพวกเขา!”

เมื่อเห็นเจียเหอที่โค้งคำนับตัวเอง หลี่ฝางก็พึมพำเสียงเย็นชา ชายคนนี้มีความสามารถจริงๆ รู้จักการจัดการคนก่อนด้วย

เขาแบกรับคำตำหนิเอาไว้ เพื่อบอกว่าตัวเองเป็นคนผิด แม้เขาจะอยากลงโทษสนมชาย แต่มันจะทำให้ท่านนายพลหญิงคิดว่าตัวเองเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ

แต่ถ้าไม่จัดการคุมสนมชายที่เลี้ยงจนได้ใจ ในใจของหลี่ฝางคงจะกลืนความโกรธนี้ไม่ลงแน่ๆ

แววตากลอกไปมา จู่ๆ เขาก็จุดประกายความคิด พลางคิดวิธีหนึ่งออก

“คุณบกพร่องในหน้าที่จริง ท่านนายพลเอาหน้าที่อันใหญ่หลวงของในจวนนี้ฝากไว้ในมือคุณ แต่ว่าคุณไม่เพียงแค่ไม่อบรมสนมชายพวกนี้ให้ดี แต่ยังตามใจพวกเขาจนเคยตัว ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ควรถูกลงโทษ”

ตอนแรกคิดว่าหลี่ฝางคงจะเกรงในตัวตนของตัวเองบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าเขายกเอาคู่ครองของท่านนายพลขึ้นมา แล้วบอกต่อหน้าทุกคนว่าตัวเองนั้นบกพร่องในหน้าที่

เจียเหอเข้ามาอยู่ในจวนหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่หน้าแตกต่อหน้าทุกคน ใบหน้าเขานั้นกระตุก แววตาก็มีความโกรธประกายออกมา

แต่ความโกรธและความไม่พอใจนั้นมันก็มีอยู่ไม่นาน เจียเหอปรับอารมณ์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะโน้มตัวลงมามากกว่าเดิม

“ท่านพูดถูกจริงๆ ข้าน้อยบกพร่องในหน้าที่ ข้าน้อยควรถูกลงโทษ”

ชายคนนี้อดทนได้ดี ตัวเองทำให้เขาหน้าแตกขนาดนี้แต่เขาก็ยังทนได้ ถือเป็นคนที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ

หลี่ฝางกอดอก ก่อนจะมองเจียเหออย่างเย่อหยิ่ง พลางพูดอย่างแกล้งทำเป็นตั้งใจคิด

“จะโทษคุณทั้งหมดก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรคุณก็เป็นเพียงสนมชายในคลังไงล่ะ ต้องเรียนรู้เสน่ห์ดึงดูดเท่านั้น คงจะไม่เก่งการควบคุมจัดการเท่าไหร่ ครั้งนี้ฉันจะไม่ว่ากล่าวอะไรกับพวกคุณก็แล้วกัน แต่ก็ยังต้องลงโทษพวกคุณโดยการให้ลอกมารยาทหญิงสักสามจบ ถ้าคัดไม่เสร็จก็ห้ามออกมาจากห้อง”

คำพูดเหล่านี้ของหลี่ฝางทำให้คนพวกนั้นโกรธ ขนาดเจียเหอเองยังมีสีหน้าเปลี่ยนไป

ถึงแม้พวกเขาจะเป็นสนมชายของท่านนายพลหญิง แต่ก็เป็นชายที่ไร้ที่ติแทบจะที่สุดจากทุกที่ในประเทศเลย

พื้นเพที่มาและตัวตนในญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นชนชั้นสูงเลยทีเดียว ใครๆ ก็ต้องเคารพ ถือว่าเป็นชายที่อยู่เหนือชายอื่นเลยล่ะ

คำพูดไม่กี่ประโยคของหลี่ฝางนั้นหมายถึงการเสียดสีว่าพวกเขานั้นไม่เหมือนผู้ชาย แถมมารยาทหญิงนี้เป็นสิ่งที่หญิงสมัยก่อนต้องศึกษา การที่หลี่ฝางให้พวกเขาคัดสามจบ นี่ก็หมายความว่ากำลังดูถูกพวกเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง?

หลังจากที่ท่านนายพลหญิงได้ยินคำของหลี่ฝาง เปลือกตาก็กระตุก จากนั้นตาก็มีความจนปัญญาเปล่งประกายออกมา เมื่อมองสนมชายที่ก่อเรื่องเสียงดังวุ่นวาย เขาก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก

“เอาล่ะ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” ตอนที่ผู้คนกำลังทะเลาะโวยวายกันเสียงดังนั้น คำพูดเย็นชาของท่านนายพลหญิงคำเดียวก็ทำให้พวกเขาต้องปิดปากเงียบ

“ท่านนายพล คนคนนี้เกินไปจริงๆ นะ!เขาดูแคลนพวกเราแบบนี้ คุณจะไม่สนใจเลยเหรอ?”

หลังจากที่ทุกอย่างเงียบลง ก็มีชายหน้าตาสะสวย สวมชุดกี่เพ้าสีม่วงออกมา พลางมองท่านนายพลหญิงด้วยใบหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ

ท่าทีน่าสงสารนั้น ทำให้หลี่ฝางเกิดความสงสารขึ้นมาด้วย แล้วยิ่งเป็นท่านนายพลหญิงล่ะ

“เฮ้อ ฮวาเหลียน คุณเองก็อย่าวุ่นวายไป ท่านหลี่เขาเพิ่งมาที่จวนของท่านนายพลของพวกเรา มีเรื่องมากมายที่เขายังไม่รู้ ในฐานะที่เป็นพวกคุณเป็นคนที่อยู่ในจวนมาก่อน ยอมเขาหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น ท่านหลี่เขาจะเป็นคู่ครองของท่านนายพลในอนาคต พวกคุณควรจะเคารพเขานะ”

“ก่อนหน้านี้ฉันเห็นพวกคุณเท่าเทียมมาตลอด เลยไม่ได้เข้มงวดอะไรเท่าไหร่ พวกคุณเองก็ใช้ชีวิตอย่างสบายจนชิน แต่ตอนนี้ท่านหลี่มาที่นี่แล้ว พวกคุณต้องสงบเสงี่ยมสักหน่อย คนใช้อย่างไรก็คือคนรับใช้อยู่วันยังค่ำ จากนี้ก็ต้องช่วยเหลือดูแลท่านหลี่ให้ดีๆ รับผิดชอบเรื่องในจวนให้ดี”

แม่คำพูดของท่านนายพลหญิงนี้จะเป็นการอธิบายกับฮวาเหลียน แต่อันที่จริงกลับกำลังเข้าข้างหลี่ฝาง

คำตอบแบบนี้ของเธอทำให้ฮวาเหลียนรับแทบไม่ได้ เลยมีดวงตาแดงก่ำขึ้นมา ก่อนจะมองหลี่ฝางด้วยความโกรธ เกร็งมือเท้า จากนั้นจึงร้องไห้วิ่งเข้าจวนไป

หลี่ฝางมองฮวาเหลียนร้องไห้วิ่งออกไปแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะทำเสียงจิ๊จ๊ะเล็กน้อย

ชายที่ชื่อฮวาเหลียนนี้ยังรู้สึกผิดกับพ่อแม่ที่ตั้งชื่อนี้ให้ นิสัยที่ออกสาวขนาดนี้ แล้วก็หน้าตาที่อ้อนแอ้นนั้น การที่เขากล้าสะบัดหน้าหนีท่านนายพลหญิงก็ไม่แปลก

“ฮวาเหลียน!” ท่านนายพลหญิงเห็นฮวาเหลียนหันตัวเดินออกไปแบบนั้น ก็รู้สึกเสียหน้า เลยตำหนิออกไปเสียงทุ้ม

แต่ฮวาเหลียนนั้นเหมือนจะไม่ได้ยิน เลยวิ่งจากไปโดยที่ไม่ได้หันกลับมา ท่านนายพลหญิงโกรธไม่เบา ตอนที่กำลังจะให้คนไปจับตัวฮวาเหลียนกลับมานั้น เจียเหอกลับลุกออกมาแทนเพื่อขอร้องแทนฮวาเหลียน

“ท่านนายพล คุณปล่อยเขาไปเถอะ ฮวาเหลียนเขาเป็นคนที่รักคุณที่สุด ในใจมีเพียงคุณเท่านั้น จู่ๆ คุณพาคู่ครองของท่านนายพลกลับมาแบบนี้ เขาคงจะรู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว แต่ฮวาเหลียนเองก็ไม่ใช่คนที่หัวทึบมากมาย เดี๋ยวผ่านไปสักพัก ก็จะเข้าใจได้เอง ก็จะหายแล้วล่ะ”

หลังจากที่ได้ยินคำของเจียเหอแล้ว สีหน้าของท่านนายพลหญิงก็ดูดีขึ้นมาหน่อย แต่เธอกลับไม่มีท่าทีจะให้เจียเหอลุกขึ้นเลย เลยให้เขาพยักหน้าโค้งตัวแบบนี้ต่อไป ก่อนจะหันมาจับมือกับหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยความขอโทษ

“ท่านหลี่ ขอโทษ ที่ทำให้คุณน้อยใจไป”

หลี่ฝางขัดขืนเล็กน้อย พลางอยากจะเอามือออกมา แต่ว่ากลับถูกท่านนายพลหญิงจับเอาไว้แน่น จากนั้นก็เห็นสนมชายจ้องเขม็งใส่ตัวเอง เลยต้องเลิกขัดขืน พลางปล่อยให้ท่านนายพลหญิงจูงมือของตัวเอง

“ไม่มีปัญหา ฉันไม่เอาความอะไรพวกเขาหรอก” หลี่ฝางยืดอก ก่อนจะตั้งใจพูดเสียงดัง

ในตอนนั้นเองสีหน้าของสนมชายเหล่านั้นก็เคร่งเครียด ก่อนจะจ้องหลี่ฝางด้วยแววตาโหดร้าย เหมือนอยากจะเห็นหลุมบนตัวเขาเต็มทน

“เอาล่ะ พวกพ้องเองก็อย่าโค้งตัวมากมายเลย ฉันไม่ได้โทษอะไรคุณแล้ว เดี๋ยวไปพาพวกพ้องช่วยกันคัดมารยาทหญิงให้เสร็จก็พอแล้วล่ะ”

หลี่ฝางมองเจียเหอที่ยังโค้งให้อยู่ พลางตากระตุก ชายคนนี้ดูเหมือนจะโตกว่าตัวเองอยู่นะ การที่เขามาโค้งให้ตัวเองด้วยมารยาทขนาดนี้มันน่าอึดอัดเสียจริง

จะว่าไป เขาเองก็บรรลุเป้าหมายแล้ว เลยไม่มีอารมณ์จะมาเสียเวลาพูดคุยกับพวกชายไม่แท้เหล่านี้

“ขอบคุณท่านที่ใจกว้างต่อพวกเรา” เจียเหอขบริมฝีปากจนปากแทบแตก นิ้วมือเองก็แทบจะจิกเข้าไปในเนื้อ เขาในตอนนี้ไม่ได้เกลียดหลี่ฝางแล้ว แต่ถึงขนาดชิงชังเลยล่ะ

แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ เขาเองก็ยังต้องทนพูดขอบคุณออกไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท