NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1372 เสียโฉม

บทที่ 1372 เสียโฉม

หลี่ฝางหัวเราะออกมา เมื่อเห็นคนอื่นไม่กล้าทำอะไรเขา ตัวเองเลยต้องทำแทน เขารวมพลังเล็กน้อย ก่อนจะขยับไปอยู่ตรงหน้าของเจียเหอ

เจียเหอคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่ฝางจะก่อเรื่องขึ้นมากะทันหัน เลยไม่ได้มีการตอบสนองอะไรในตอนแรก เลยโดนหลี่ฝางทำร้ายเข้าทันที

หมัดของหลี่ฝางนั้นใช้แรงมากพอตัว แถมยังทำร้ายเข้าไปที่ใบหน้าของเจียเหอเต็มๆ เลย เลยเห็นเพียงเจียเหอกระเด็นลอยไปไกล ก่อนจะชนเข้ากับกำแพง ก่อนจะเกิดเป็นรอยขึ้นมา

เมื่อคนอื่นๆ เห็นว่าหลี่ฝางลงมือ ก็หายใจเข้าเฮือก สิ่งแรกที่แสดงออกมาคือสนมชายหลายคนวิ่งเข้าไปข้างกายเจียเหอ ก่อนจะพยุงเจียเหอขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

“โอ๊ย!ท่านเจียเหอ!หน้าของคุณ……”

เมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าที่ยุบไปเพราะถูกหลี่ฝางต่อยของเจียเหอ ก่อนจะมีสีหน้าตกใจจนซีดเซียว

นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะ!เพียงหมัดเดียวก็ต่อยจนเสียโฉมเลย

เจียเหอรู้สึกมึนมาก เจ็บจนแทบจะหมดสติไป ดวงตาซ้ายก็เต็มไปด้วยเลือด ต่อหน้าก็มีเลือดปกคลุมไปหมด เลยทำได้เพียงมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างเบลอๆ

เขาเอามือจับใบหน้าที่ถูกทำร้ายอย่างมือสั่นคลอน หลังจากที่พบว่าใบหน้าของตัวเองเสียโฉมแล้ว ก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“โอ๊ย!หน้าฉัน!”

เมื่อคนอื่นๆ เห็นท่าทีของเขาที่เจ็บปวด ก็ตกใจจนถอยออกไปหลายก้าว

ต้องรู้ด้วยว่า ในจวนของท่านนายพลนี้ การมีหน้าตาที่หล่อเหลานั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาจะได้ชนะใจของท่านนายพล

เมื่อใบหน้าของเจียเหอเสียหายแล้ว ก็เท่ากับว่าตัดตำแหน่งความเป็นคู่ครองของนายพลเยลล่ะ เขาเพียงแค่คิดว่าในหัวของตัวเองมีเสียงแตกหักออกมา จากนั้นก็ระเบิดความโกรธในใจออกมาตามความโกรธและความเกลียด

“หลี่ฝาง!ฉันจะฆ่าแก!” เจียเหอลุกขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็ปรี่เข้าไปหาหลี่ฝางด้วยความร้ายกาจ

ท่าทีของเขาแบบนี้มันทำให้คนอื่นๆ ตกใจกลัว จนร้องออกมาพลางหลบไป มีเพียงหลี่ฝางคนเดียวที่ยังยืนอยู่ที่เดิมอย่างนิ่งเฉย จนเหมือนจะไม่กลัวการโจมตีของเจียเหอเลย

“หยุดมือนะ!อย่าฆ่าเขา!” ในตอนที่หลี่ฝางกำลังจะลงมือเจียเหอแล้ว ก็มีเสียงของท่านนายพลหญิงเข้ามาในหูด้วยความโกรธ

หลี่ฝางที่กำลังจะลงมือฆ่าแล้วก็รีบเก็บพลังนั้นไว้ เพียงแต่ทำให้เจียเหอที่จะเป็นบ้านั้นเป็นลมมึนไป

“ท่านนายพล!”

“ท่านนายพล ฉันกลัวจังเลย!”

“โอ๊ย~ท่านนายพล ฉันมึนหัวมาก……”

……

หลังจากที่ทุกคนได้เห็นเงาของท่านนายพลหญิงแล้ว ก็มีใบหน้าเปลี่ยนไปในทันที เมื่อครู่ยังตกใจจนหนีกันไปคนละทิศคนละทาง เมื่อท่านนายพลหญิงมา ทุกคนต่างวิ่งไปที่ประตูของสวนนั้น

ใครๆ ต่างทั้งมึนหัวและกลัวกันทั้งนั้น และพยายามให้ได้รับความสงสารจากท่านนายพลหญิง

“เหอะ พวกเจ้าเล่ห์” ฮัวเหลียนที่ตามอยู่ข้างกายท่านนายพลหญิงหัวเราะด้วยความไม่แยแส ก่อนจะด่าออกมา

ชายที่ต่อสู้เพื่อความเอ็นดูเหล่านั้นหลังจากที่ได้ยินเสียงของฮัวเหลียน ตัวก็สั่นอย่างเห็นได้ชัด เลยไม่แสร้งทำเป็นน่าสงสารอีกต่อไป ก่อนจะถอยออกไปอยู่ข้างๆ อย่างสงบเสงี่ยม

“ชิ ท่านหลี่ ลูกน้องของคุณนี่ร้ายกาจไปหน่อยแล้ว แม้เจียเหอจะทำผิดไป คุณเองก็ไม่ควรทำร้ายใบหน้าของเขานะ ท่าทีของเขาในตอนนี้ คุณจะให้เขามีชีวิตต่อไปอย่างไร?”

ฮัวเหลียนก้าวเดินมาด้านหน้าเจียเหอที่เป็นลมไปเพราะหลี่ฝาง พลางพูดอย่างเสียดาย

หลี่ฝางมองท่าทีที่เก๊กท่าของเขา ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็นชาในใจ เห็นได้ชัดว่าฮัวเหลียนนั้นเกลียดเจียเหอเป็นอย่างมาก จนอดไม่ได้ที่จะเตะเขาออกไปจากจวนของท่านนายพล ตอนนี้กลับทำเป็นเป็นห่วงเป็นใยเหมือนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

“เห้ย ท่านนายพล ฉันทำร้ายสนมชายของคุณขนาดนี้แล้ว คุณจะโทษฉันไหม?” หลี่ฝางไม่ได้สนใจฮัวเหลียน แต่ไปถามพลางมองท่านนายพลหญิง

ท่านนายพลหญิงเดินมาข้างกายหลี่ฝาง ก่อนจะมองเจียเหอที่อยู่บนพื้น ถึงแม้ในตานั้นจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่กลับไม่ได้มีท่าทีจะช่วยเจียเหอขึ้นมาจากพื้นเลย

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ท่านนายพลหญิงขมวดคิ้วแน่น พลางมองหลี่ฝางแล้วถาม

“เอ่อ……” หลี่ฝางถูกท่านนายพลหญิงถามจนอึ้งไป ตอนที่กำลังจะบอกความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น จู่ๆ จื่อยีก็รีบปรี่ออกมาจากกลุ่มคน แก้มของเขานั้นมีรอยนิ้วมือทั้งห้าอยู่

“ท่านนายพล!ท่านต้องออกหน้าแทนจื่อยีนะ!” จื่อยีคุกเข่าลงต่อหน้าท่านนายพลหญิงทันที ก่อนจะกอดขาของท่านนายพลหญิงพลางร้องไห้ออกมา

“ท่านนายพล ท่านเจียเหอเขาใช้อำนาจในทางที่ผิด ตั้งใจให้ยาโกะลำบาก ให้ยาโกะไปปรนนิบัติการเป็นอยู่ของท่านหลี่ ฉันกับยาโกะไปหาท่านหลี่แล้ว แต่ท่านหลี่เขาบอกว่าเขาชอบที่จะอยู่เงียบๆ ไม่ต้องการให้ยาโกะมาปรนนิบัติ เลยให้เรากลับไป”

“ท่านหลี่ในฐานะที่เป็นคู่ครองในอนาคตในจวนของท่านนายพลของพวกเรา คำพูดของเขานั้นเราก็ไม่กล้าขัดหรอก ฉันกับยาโกะก็เชื่อฟังคำกำชับอย่างเชื่อฟัง แล้วกลับมาอยู่ที่ที่พักของตัวเอง”

“แต่เมื่อเราเพิ่งเดินเข้าไปในประตู ท่านเจียเหอก็หาคนมา แล้วจับยาโกะมัดอย่างหลับหูหลับตา แถมยังใช้แส้เดชทิพย์ที่ท่านให้เขามาตียาโกะจนเต็มตัวไปหมด”

“ฉันอยากจะขอร้องยาโกะอยู่ข้างๆ แต่ท่านเจียเหอนั้นไม่ใช่แค่ไม่ฟังคำอธิบายของฉันเท่านั้น แต่ยังบ้องหูฉันด้วย แถมยังให้คนอื่นมาถลกเสื้อผ้าของฉันด้วย เพื่อดูแคลนฉันต่อหน้าคนอื่นๆ ท่านนายพล!ฉันรู้ว่าฉันกับยาโกะนั้นไม่ได้ดีเทียบเท่ากับท่านเจียเหอ แต่เขาเองก็จะมากลั่นแกล้งคนอื่นแบบนี้ไม่ได้!”

“เราเป็นสนมสนมชายของท่านนายพลเหมือนกัน ตัวตนนั้นมันไม่มีความสูงต่ำต่างกันเลย แต่ท่านเจียเหอใช้ความรักที่ท่านมีให้ ในการทำร้ายคนที่เข้ามาในจวนทีหลัง ท่านดูสิว่าทั้งตัวของยาโกะนั้นบาดเจ็บ ถึงจะรักษาจนหาย แต่ก็คงจะมีบาดแผลหลงเหลืออยู่ดี”

“ท่านนายพล!ถ้าคุณไม่ทวงความยุติธรรมให้เรา เราคงไม่มีทางอยู่ในจวนของท่านนายพลต่อไปได้!”

หลี่ฝางดูการพูดของจื่อยี แล้วก็ความกล้าหาญที่จะเป็นศัตรูของเจียเหอ เขานั้นกล้าพูดสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเจียเหอกับลิ่วล้อของเขา ถ้าท่านนายพลหญิงเป็นคนยุติธรรมซื่อตรงในกฎก็ดีไป แต่ถ้าเกิดว่าเธอลำเอียงสักหน่อย วันนี้จื่อยีกับยาโกะจะต้องไม่รอดแน่

หลังจากที่ท่านนายพลหญิงได้ฟังคำของจื่อยีแล้ว แววตาก็มีความอาฆาตออกมา ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น เธอเดินเข้าไปข้างหน้าหลายก้าว จากนั้นก็มาถึงด้านหลังคิริน ยาโกะที่หายใจรวยริน ก็คุกเข่าลงแล้วลูบแก้มของเขาอย่างระมัดระวัง

เธอนั้นพอจะจำคิริน ยาโกะในใจได้อยู่บ้าง ในความทรงจำของเธอนั้น เด็กคนนี้มีท่าทีขี้ขลาด ทุกครั้งที่จัดการรวมตัว เขาจะหลบอยู่ด้านหลังแล้วมองตัวเอง เขาไม่กล้าพูดเสียงดังด้วยซ้ำ

ถึงแม้หน้าตาของเขานั้นจะไม่ได้โดดเด่นเป็นอย่างมาก แต่ความอ่อนแอบนเรือนร่างของเขานั้น กลับให้ในใจของท่านนายพลหญิงเกิดความแปลกออกไป

“เจ็บไหม?” ท่านนายพลหญิงจับแผลบนเนื้อของคิริน ยาโกะอย่างระมัดระวัง พลางถามอย่างสงสาร

คิริน ยาโกะนั้นเจ็บจนแทบหมดสติไป แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านนายพลหญิงกลับต้องพยายามอดทนเอาไว้ แถมเมื่อเห็นท่านนายพลหญิงแสดงความห่วงใยต่อตนเองแล้ว แถมยังมีพยายามยิ้มออกมาด้วย ก่อนจะปลอบกลับ

“ท่านนายพล ฉัน ฉันไม่เจ็บหรอก ความเจ็บนี้มันไม่เท่าไหร่หรอก คุณ คุณไม่ต้องห่วงฉันนะ”

เขาในตอนนี้แทบจะไม่มีแรงพูดอะไรแล้ว คำพูดง่ายๆ นี้ยังต้องหายใจหลายครั้งถึงจะพูดออกมาได้จนจบประโยค

ท่านนายพลหญิงมองแววตาเพียรพยายามของเขา ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นพูดกับฮัวเหลียนที่อยู่ข้างหลัง

“ฮัวเหลียน พาเขาไปรักษาบาดแผลเถอะ ต้องทำให้บาดแผลของเขานั้นหายไปทั้งหมด เขายังเด็กอยู่ ถ้าเกิดมีบาดแผลบนเรือนร่าง คงจะรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท