NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1369 หลอกเล่น

บทที่ 1369 หลอกเล่น

หลี่ฝางทิ้งอาหารที่อยู่ในมือลงไปในบ่อทั้งหมด จากนั้นก็ปัดมือ เมื่อเห็นชายทั้งสองที่อายุไม่มากเลยขมวดคิ้วเล็กน้อย

ถึงแม้จะมีคนมากมายในสวนแห่งนี้ แต่เขาที่ความจำดีนั้นก็พอจะจำได้ว่าเป็นหน้าตาของเหล่าสนมชายนั้น

ชายหนุ่มสองคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ถึงแม้เมื่อครู่พวกเขาจะตัวสั่นอยู่ที่มุม แต่หลี่ฝางที่ตาคมกริบก็เห็นอยู่ดี

พวกเขามาหาตัวเองในตอนนี้ทำไมกันนะ?

“มีเรื่องอะไร?” หลี่ฝางมองชายทั้งสองคนนั้นพลางถามด้วยความสงสัย

“ท่านหลี่ ฉันชื่อจื่อยี เขาชื่อคิริน ยาโกะ เป็นสนมชายของท่านนายพลเหมือนกัน” จื่อยีใจกล้ากว่าหน่อย หลังจากที่ได้ยินเสียงของหลี่ฝาง ก็เดินเข้าไปใกล้ครึ่งก้าว จากนั้นจึงคำนับหลี่ฝางอย่างมีมารยาท จากนั้นจึงแนะนำตัวอย่างเรียบเฉย

หลี่ฝางจ้องจื่อยีอยู่สักพัก พลางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจเล็กน้อย

ท่านนายพลหญิงนี้มีโชคที่จะได้รับความชอบพอดีมากเลยจริงๆ เธอคงจะกวาดเอาชายงามทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นมาอยู่ในจวนได้เลยล่ะ

ฮัวเหลียนนั้นหน้าตาดีพอที่จะเทียมกับในประเทศได้แล้ว ส่วนชายที่ชื่อจื่อยีนั้นก็ยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่

ถ้าไม่ใช่ว่าตัวเองชอบผู้หญิงล่ะก็ เกรงว่าจะอดไม่ได้ที่จะหลงรักจื่อยีเข้า

จื่อยีถูกหลี่ฝางมองจนอึดอัด เลยเอามือทั้งสองข้างกุมเข้าหากัน จากนั้นหัวก็แล่นอย่างรวดเร็ว พลางเดาความคิดของหลี่ฝางในตอนนี้

คิริน ยาโกะที่อยู่ข้างๆ นั้นดูขี้ขลาดขึ้นมา หัวเล็กๆ นั้นแทบจะมุดลงไปในหน้าอกของตัวเองแล้ว มือทั้งสองข้างก็จับชายเสื้อของตัวเองอย่างแน่นหนา โดยไม่กล้าพูดอะไรออกมา

หลี่ฝางมองคิริน ยาโกะที่หวาดกลัว จากนั้นอดไม่ได้ที่จะอยากหยอกล้อขึ้นมา ดวงตาก็กลอกไปมา ก่อนจะเดินไปข้างหน้า ก่อนจะยื่นมือออกมาจับคางของคิริน ยาโกะแน่น ก่อนจะบังคับให้เขาเงยหน้าขึ้นมา

“ไอ้หนุ่ม กลัวฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?หือ?” หลี่ฝางบังคับให้คิริน ยาโกะสบตากับตัวเอง ก่อนจะยิ้มบางๆ พลางถาม

ท่าทีของเขานั้นทำให้คิริน ยาโกะตกใจเป็นอย่างมาก ตัวเขาสั่นเหมือนเจ้าเข้า ปากก็ป้าเล็กน้อย พลางคิดจะตอบคำถามของหลี่ฝาง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็พูดไม่ออก

เมื่อจื่อยีที่อยู่ข้างๆ เห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็ยื่นมือออกไปผลักหลี่ฝางเต็มแรง ถ้าไม่ใช่ว่าหลี่ฝางตอบสนองได้ไว คงจะตกลงไปในบ่อแล้ว แล้วคงจะได้ไปอาบน้ำร่วมกับปลาคาร์ฟที่กำลังแย่งอาหารกัน

หลังจากที่ผลักหลี่ฝางจนเซ จื่อยีถึงได้รู้ว่าตัวเองทำผิดมหันต์ไปแล้ว เลยมีใบหน้ารู้สึกผิด ก่อนจะบังคิริน ยาโกะไว้ข้างหลังตัวเอง พลางจ้องหลี่ฝางไม่ห่าง

ชิ ทั้งสองคนนี้ดูมีความสัมพันธ์ที่ดีจริงๆ เลย

หลี่ฝางมองจื่อยีที่เหมือนแม่นกปกป้องลูก ก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจในใจ

“ขอโทษ ท่านหลี่ เราไม่ได้ตั้งใจ ท่านนั้นเป็นคนใหญ่คนโต อย่าได้ใส่ใจกับคนตัวเล็กๆ อย่างพวกเราเลย”

เมื่อเห็นจื่อยียื่นมือออกมาผลักหลี่ฝาง คิริน ยาโกะก็ตกใจจนจิตไม่อยู่กับตัว จากนั้นจึงรีบดึงจื่อยีให้คุกเข่าลงต่อหน้าหลี่ฝาง และขอโทษอย่างจริงจัง

ถึงแม้จื่อยีนั้นจะมีท่าทีไม่ยินยอมเท่าไหร่ แต่การบังคับของคิริน ยาโกะ ทำให้ต้องคุกเข่าลงลงอย่างอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

“เขาเป็นคนผลักฉัน ไม่ใช่คุณสักหน่อย คุณผิดอะไรเหรอ?” เมื่อเห็นคิริน ยาโกะเหมือนจะร้องไห้ออกมา หลี่ฝางก็ยิ่งอยากแกล้งเข้าไปใหญ่ เลิกคิ้วขึ้น พลางมองจื่อยีแล้วพูดด้วยหน้าบูดบึ้ง

คิริน ยาโกะที่ปากไม่ดีเมื่อถูกเขาถามเลยเหมือนเสียความสามารถในการพูดไป จากนั้นก็มองหลี่ฝางพลางอึกอักอยู่นานก่อนจะพูดออกมา สุดท้ายก็สะอื้น ก่อนจะร้องไห้ออกมา

หลี่ฝางมองคิริน ยาโกะที่ตาแดงเหมือนกระต่ายก่อนจะอึ้งไป จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา

เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงบางคนถึงชอบชายอ่อนแอ ชายที่น้อใจนิดหน่อยก็ร้องไห้นั้น มันน่ารักไม่เบาเลย

เมื่อได้ยินหลี่ฝางหัวเราะร่า คิริน ยาโกะกับจื่อยีก็หัวตื้อไปหมด เพราะไม่รู้ว่าเขากำลังหัวเราะอะไร

“มีอะไรให้ตลกกัน!ห้ามชำ!” จื่อยีถูกหลี่ฝางขำจนหน้าแดง เลยตกโกนออกไปด้วยความโกรธ

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหลี่ฝางกำลังหัวเราะอะไร แต่สัญชาตญาณมันก็บอกจื่อยี ว่าหลี่ฝางจะต้องกำลังหัวเราะเขากับคิริน ยาโกะ

“แค่กๆ ……” หลี่ฝางที่ถูกเด็กคนนี้ดุใส่ก็กระแอมเบาๆ ออกมา พลางพยายามกดความอยากหัวเราะเอาไว้

เด็กทั้งสองคนนี้นี่น่าสนใจจริงๆ เลย คนหนึ่งก็หยิ่งเป็นอย่างมาก ส่วนอีกคนหนึ่งก็ไม่มีความมั่นใจจนหัวหด

“ท่านหลี่ ความผิดทั้งหมดเป็นของฉัน ถ้าท่านจะลงโทษก็ให้ลงโทษฉันคนเดียว มันไม่เกี่ยวอะไรกับจื่อยีเลย ฉันเป็นคนลากเขามาเจอท่านเอง”

ตอนนี้คิริน ยาโกะเอาแต่เห็นว่าหลี่ฝางโทษตัวเองทั้งหัว เขานั้นไม่สามารถคิดอะไรได้ปกติแล้ว แถมยังเอาความผิดทั้งหมดใส่ตัวเอง เพื่อไม่ให้หลี่ฝางไปโกรธจื่อยี

หลังจากที่จื่อยีได้ยินคำพูดของเขาก็ร้อนใจขึ้นมา เลยดึงคิริน ยาโกะขึ้นมาจากพื้น

“ยาโกะ ทำไมต้องยอมอ่อนต่อเขาขนาดนั้นด้วย ถึงแม้เราจะไม่ได้รับความเอ็นดูจากท่านนายพลในจวนนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็เป็นสนมชายของท่านนายพลเหมือนกัน เขาเป็นคนนอก ยังไม่ได้เข้ามาในจวนด้วยซ้ำ ตามหลักแล้วเขาต้องเคารพเรา คุณจะไปกลัวเขาขนาดนี้ทำไม?”

ตอนแรกที่คิริน ยาโกะที่ตกใจจนไม่ไหว เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่ดังไม่เบาเกินไปของจื่อยีก็ตกใจจนขาอ่อนไปมากกว่าเดิม จากนั้นจึงรีบปิดปากของจื่อยี พลางโค้งขอโทษหลี่ฝาง

“ขอโทษๆ ท่านหลี่ จื่อยีเขาเป็นคนปากไวแบบนี้จนชิน ท่านอย่าได้เอาความเขาเลย!ท่านเป็นคู่ครองของท่านนายพลในอนาคต ก็เหมือนกับท่านนายพล ถือเป็นเจ้านายของเราเหมือนกัน จากนี้เราต้องเคารพนบน้อมฟังคำสั่งของท่าน”

หลี่ฝางมองเด็กทั้งสองที่ยึดยื้อ พลางขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนความสัมพันธ์ในจวนมันจะซับซ้อนกว่าที่เขาคิดอีกนะ

“ลุกขึ้นมาเถอะ ฉันไม่ได้จะว่าอะไรพวกคุณ เมื่อครู่แค่หยอกพวกคุณเล่นเพียงเท่านั้นเอง”

หลี่ฝางโบกไม้โบกมือให้พวกเขา เพื่อแสดงว่าพวกเขาไม่ต้องคุกเข่าอีกต่อไปแล้ว จากนั้นก็หันตัวไปจับอาหารปลา ก่อนจะให้อาหารปลาต่อไป

เมื่อเห็นท่าทีผ่อนคลายไม่ตึงเครียดของหลี่ฝาง คิริน ยาโกะกับจื่อยีก็สบตากันสักพัก เพราะเดาความคิดของหลี่ฝางไม่ออก

“ใครเป็นคนจัดให้พวกคุณมาเหรอ?เจียเหอ?หรือว่าฮัวเหลียน?หรือจะเป็น ท่านนายพลงั้นเหรอ?”

หลี่ฝางเอามือโปรยอาหารปลาในบ่อ จากนั้นก็ถามขึ้นเบาๆ

อันที่จริงในใจเขานั้นรู้อย่างชัดเจน ว่าสนมสนมชายนี้ถ้าจะโหดก็โหดร้ายกับเขามาก แต่ถ้ากลัวก็กลัวมากเช่นกัน ถ้าไม่ใช่ว่าถูกคนบังคับมา พวกเขาคงไม่มีทางมาคุยกับตัวเองแน่ๆ

คิริน ยาโกะกับจื่อยีนั้นเห็นได้ชัดว่าเพราะถูกบังคับ ถึงได้มาหาตัวเอง

“คือ……ท่านเจียเหอเป็นคนให้ฉันมา เขาบอกว่าจากนี้จะให้มาดูแลความเป็นอยู่ของท่านหลี่ในจวนนี้”

คิริน ยาโกะชะงักไปหลายวินาที จากนั้นถึงได้พูดเสียงเบา

หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเขา หลี่ฝางก็พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ไปมองปลาหลากสีปลาคาร์ฟในบ่อ

คิริน ยาโกะกับจื่อยีที่อยู่ด้านหลังนั้นมองเงาของเขาอยู่นาน แถมยังรอให้เขาพูดอะไรต่อ แต่เมื่อผ่านไปสามสี่นาที แต่ก็ยังไม่เห็นหลี่ฝางพูดอะไรเลย

“เฮ้ คุณเป็นใบ้เหรอ?” จื่อยีขมวดคิ้วแน่นก่อนจะปรี่เข้าไปด้านหลังหลี่ฝางพลางถาม

คิริน ยาโกะได้ฟังดังนั้น ก็รีบใช้กำลังในการดึงแขนเสื้อของเขา เพื่อเตือนให้เขาสนใจคำพูดของตัวเอง แต่จื่อยีนั้นไม่ได้สนใจการเตือนของเขาเลย จากนั้นจึงสะบัดมือของคิริน ยาโกะ จากนั้นจึงเดินสาวเท้ามาข้างกายของหลี่ฝาง พลางพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน