NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1379 ไม่ยอม

บทที่ 1379 ไม่ยอม

“พ่อ ฉันไม่ยอม!ได้ยังไงกัน!ทำไมต้องเป็นหลี่ฝาง!ฉันอยู่ที่จวนของท่านนายพลมาเป็นสิบปี ตอนแรกคิดว่าสุดท้ายจะได้ทุกอย่าง แต่กลับมีหลี่ฝางโผล่ในตอนนี้มา จะให้ลูกไม่โกรธได้อย่างไร!”

ในใจของเจียเหอ ชื่อของคู่ครองของท่านนายพลนั้นต้องเป็นของเขา การเกิดเรื่องบ้าบอขึ้นกลางทางนั้น จนตำแหน่งของคู่ครองของท่านนายพลถูกแย่งไป เขาจะยอมได้อย่างไร?

“ไอ้บ้าเอ้ย!แกอย่าลืมนะว่าสิ่งที่แบกอยู่คือเกียรติของทั้งตระกูล!แกมีวันนี้ได้ ก็เพราะตระกูลทั้งนั้น!หลังจากนี้แกต้องเป็นคู่ครองฐานะเท่าเทียมอย่างเชื่อฟัง อย่าคิดจะทำอะไรโง่ๆ อีก!”

สือจิ่งจะไม่รู้ว่าเจียเหอคิดอะไรได้อย่างไร แต่เรื่องมันมาถึงตอนนี้ เขาไม่ยอมแล้วทำไมล่ะ?ถ้าทักษะไม่ดีเท่ามนุษย์ ก็ต้องยอมรับชะตากรรม

หลังจากที่เจียเหอถูกสือจิ่งด่าแบบนั้นแล้ว อารมณ์ก็ตื่นตัวขึ้นมา ก่อนจะตะโกนออกไปอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็เริ่มทำลายข้าวของ

สือจิ่งเองก็ไม่สนใจเขา เลยมองเขาระบายอารมณ์อยู่ข้างๆ ซามูไรที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นก็ไม่กล้าพูดอะไร เลยทำเหมือนเป็นท่อนไม้ และทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร

ตอนที่ของทั้งห้องถูกเจียเหอทำลายไปจนมากแล้ว สือจิ่งถึงจะเปิดปากพูดออกมา

“เอาล่ะ คุณอยู่บนตำแหน่งคู่ครองฐานะเท่าเทียมไปก่อน เดี๋ยวฉันจะหาวิธีจัดการหลี่ฝางเอง”

ตอนที่พูดคำนี้ ในตาของสือจิ่งเต็มไปด้วยความคิด เมื่อเจียเหอได้ยิน แววตาทั้งสองก็เป็นประกาย ก่อนจะวิ่งมาอยู่ข้างกายสือจิ่ง ก่อนจะจับมือเขาพลางถามอย่างตื่นตา

“พ่อ ท่านมีวิธีต่อกรกับหลี่ฝางแล้วใช่ไหม?”

“สิ่งที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม” แต่สือจิ่งนั้นไม่อยากบอกแผนให้เจียเหอรู้ กลับปรายตามองเจียเหออย่างเย็นชา พลางเตือนเขาให้รู้จักดูแลตัวเองให้ปลอดภัย

เจียเหอถูกเขามองอย่างเย็นชาจนเนื้อเต้นทั้งตัว เลยปล่อยมือที่จับมือของสือจิ่งออก จากนั้นก็พยักหน้าด้วยความรู้เรื่องเป็นอย่างมาก

“โอเค เจียเหอรู้แล้วล่ะ”

เมื่อเห็นเจียเหอเชื่อฟังขนาดนี้ สือจิ่งถึงได้กลับมามีท่าทีแบบเดิม ใบหน้าที่อาฆาตเมื่อครู่นั้นเหมือนจะเป็นจินตนาการของเจียเหอเอง

“เอาล่ะ คุณรออยู่ในจวนของท่านนายพลเถอะ ฉันกลับก่อนนะ” บรรลุเป้าแล้ว สือจิ่งเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อเท่าไหร่ เลยตบไหล่ของเจียเหอ หลังจากกำชับแล้วก็พาคนของตัวเองไป

หลังจากที่หลี่ฝางออกมาจากโถงด้านหน้าแล้วก็ไม่ได้รีบกลับไปที่ที่พักของตัวเอง แต่ให้จื่อยีพาเขาไปหาที่ห้องของคิริน ยาโกะ

แผลของคิริน ยาโกะหนักกว่าเจียเหอมาก หมอช่วยอยู่ทั้งวันทั้งคืนถึงจะรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้ ทั้งตัวพันด้วยผ้าก็อซ เหมือนกับมัมมี่ที่ได้เห็นในทีวี

“หมอบอกหรือเปล่าว่าเขาจะฟื้นเมื่อไหร่?” หลี่ฝางมองคิริน ยาโกะที่อยู่ในห้องปลอดเชื้อก่อนจะถาม

“หมอบอกแล้ว ว่ายาโกะมีชีวิตต่อได้ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์แล้ว ส่วนเขาจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่นั้น ต้องดูจากการฟื้นตัวของเขาเองด้วย”

จื่อยีพูดไปๆ เสียงก็เปลี่ยน ตาทั้งสองข้างก็แดงก่ำ พลางสูดหายใจฟุดฟิด ท่าทีน่าสงสารเป็นอย่างมาก

“คุณเองก็……” อย่ากังวลไปเลย……

หลี่ฝางกำลังเตรียมจะปลอบจื่อยี แต่พูดไปครึ่งเดียว ก็มีแขนเรียวยาวมาดึงจื่อยีไป จากนั้นก็เห็นท่านนายพลหญิงดึงจื่อยีไปอยู่ในอ้อมกอด พลางปลอบด้วยแววตาอ่อนโยน

“เด็กดี อย่าร้องไห้ไปเลย เขาจะต้องไม่เป็นไร”

หลังจากที่ได้ยินเสียงของท่านนายพลหญิง ตอนแรกที่จื่อยีกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ก็ร้องไห้ออกมา หลี่ฝางมองจื่อยีที่ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาเลอะหน้าอกของท่านนายพลหญิง เปลือกตาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก

ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ร้องไห้ เพียงไม่นาน ก็ร้องห่มร้องไห้ ดูเหมือนปลอบถึงสิบนาทีก็ยังไม่ไหว

เป็นไปตามคาด หลี่ฝางมองท่านนายพลหญิงปลอบจื่อยีอย่างอ่อนโยนถึงสิบห้านาที มองจนเขารู้สึกอึดอัด

แม้ท่านนายพลหญิงจะไม่แก่ แต่ก็โตกว่าจื่อยีเป็นสิบปี อายุห่างกันขนาดนี้ เธอลงมือลงได้อย่างไรกัน?

“หลี่ฝาง คุณไม่ว่าอะไรจริงๆ ใช่ไหมถ้าฉันยกเจียเหอเป็นคู่ครองฐานะเท่าเทียม?” หลัจากที่ปลอบจื่อยีแล้ว ท่านนายพลหญิงก็ถามหลี่ฝางทันที

หลี่ฝางที่กำลังเหม่อลอยก็ไม่ทันตอบสนอง แต่หลังจากที่ตอบห๊ะถึงจะตอบคำถามนั้น

“คุณจะรักใครชอบใคร จะยกใครเป็นคู่ครองฐานะเท่าเทียม จะเอาใครเข้าจวน มันก็เป็นเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน คุณมีความสุขก็พอแล้ว”

หลี่ฝางไม่ว่าอะไรเลยจริงๆ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้สนใจในตัวของหญิงญี่ปุ่นคนนี้เลย จะว่าไป ตัวเองก็มีลูกมีภรรยาแล้ว ถ้ายังมีสัมพันธ์อะไรกับท่านนายพลหญิงอีก ก็เลวจนเกินเยียวยาแล้ว

คำตอบของเขามันทำให้ท่านนายพลหญิงเสียใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอโกรธและเจ็บปวด

เธอมองหลี่ฝางด้วยความโศก จากนั้นก็โกรธขึ้นมา “หลี่ฝาง แกมันเลว!”

หลังจากที่ตะโกนใส่หลี่ฝางแล้ว ท่านนายพลหญิงก็หันตัววิ่งออกไป หลี่ฝางมองเธอวิ่งไปไกลด้วยใบหน้างุนงง หญิงคนนี้จู่ๆ ก็เปลี่ยนอารมณ์ไปเลยเหรอ?

“ท่านหลี่ ท่านนายพลดูไม่พอใจนะ คุณจะตามเธอไปไหม?”

จื่อยีเองก็เพิ่งเคยได้เห็นท่าทีแบบนี้ของท่านนายพล เลยมองหลี่ฝางด้วยความขี้ขลาด ก่อนจะเตือนด้วยความหวังดี

“ทำไมฉันต้องตามเธอไป?ถ้าคุณเป็นห่วงเธอ คุณก็ไปง้อเธอสิ” หลี่ฝางยักไหล่ขึ้น โดยที่ไม่คิดจะตามไปง้อเลย

จื่อยีพอจะรู้ว่าทำไมท่านนายพลหญิงถึงรักหลี่ฝางทั้งแต่แรกเห็น อาจจะเพราะความไม่สนใจนี้ของเขาก็ได้

สนมชายทั้งหมดในจวน เมื่อเจอท่านนายพลหญิงก็รีบเข้าหา และทำตามกับเธอ จะไปมีใครสะบัดหน้าและไม่สนใจท่านนายพลหญิงแบบนี้กัน

ในใจของพวกสนมชาย ท่านนายพลหญิงเป็นเหมือนฟากฟ้าและผืนดินของพวกเขา ถ้าเกิดทำให้ท่านนายพลหญิงไม่พอใจ จากนี้ไปพวกเขาและตระกูลจะจบเห่ไปพร้อมๆ กัน

“ท่านหลี่ งั้นฉันไปก่อนล่ะ” จื่อยีมองท่านนายพลหญิงที่เดินไปไกล ก่อนจะรีบบอกหลี่ฝาง พลางรีบตามไป

หลี่ฝางบิดขี้เกียจอย่างเต็มแรง ก่อนจะบิดกระดูกให้สบายตัว จากนั้นก็เดินไปที่สวนที่พักของตัวเองด้วยความสบายอารมณ์เป็นอย่างมาก

ผ่านไปสักสี่ห้าวัน สุดท้ายหลี่ฝางก็ได้ข่าวคราวของที่อยู่ของส่วนผสมปรุงยานั้น มันถูกนายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่นเก็บซ่อนเอาไว้ในจวนของนายกรัฐมนตรี มันถูกคนมากฝีมือทั้งสี่ปกป้องเอาไว้ อีกอย่างถ้าเกิดไม่ใช่คนของราชวงศ์ ก็ไม่มีทางเข้าใกล้จวนของนายกรัฐมนตรีได้เลยแม้แต่น้อย

มันทำให้หลี่ฝางทำได้ยากมาก ถ้าเกิดเขาทะลวงเข้าไปก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ชำนาญ แต่การทำแบบนี้มันยิ่งทำให้เรื่องมันวุ่นวายเข้าไปใหญ่ เดี๋ยวมันจะไม่ได้มีปัญหากับเขาเพียงคนเดียวแล้ว

“ท่านหลี่ ท่านหลี่ ข่าวดี!” ตอนที่หลี่ฝางกำลังคิดว่าจะแทรกเข้าไปในจวนของนายกรัฐมนตรีอย่างไร เด็กน้อยอย่างจื่อยีก็รีบวิ่งเข้ามาด้านใน

หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน ทำไมไอ้หนุ่มนี่ชอบวิ่งมาหาตัวเองที่นี่ตลอดเลย?ก่อนหน้านี้เกลียดตัวเองมากเลยไม่ใช่เหรอ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท