NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1380 ยาโกะฟื้นแล้ว

บทที่ 1380 ยาโกะฟื้นแล้ว

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?เสียงดังได้ทั้งวัน” หลี่ฝางส่งถ้วยชาให้จื่อยี เพื่อบอกให้เขาค่อยๆ ดื่มน้ำ

จื่อยีเพราะวิ่งมาเร็วเกินไป ใบหน้าก็มีเหงื่อออกมาปกคลุม แก้มก็แดง ดูน่ารักดี

เขาตบอกตัวเองด้วยความโกรธ ก่อนจะกรอกน้ำชาที่หลี่ฝางยื่นให้ลงปากไป เมื่อกินเสร็จก็หายใจเฮือกก่อนจะพูดกับหลี่ฝาง

“ท่านหลี่ ยาโกะฟื้นแล้ว!”

นี่เป็นข่าวดี ยาโกะหมดสติไปอาทิตย์หนึ่ง ถึงจะฟื้นขึ้นมา ตอนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว เลยค่อยๆ ดีขึ้นมา

“ฟื้นก็ดีแล้ว” แม้หลี่ฝางจะดีใจแทนยาโกะ แต่กลับไม่ได้แสดงออกมาเท่าไหร่ เลยพูดออกมาเรียบๆ เพื่อแสดงออกว่ารู้แล้ว

“ท่านหลี่ คุณไปดูยาโกะหน่อยเถอะ เขาให้ฉันมาเชิญคุณโดยเฉพาะเลย บอกว่าอยากจะขอบคุณที่ช่วยเอาไว้”

ถึงแม้ท่าทีของหลี่ฝางจะนิ่งเฉยมาก แต่กลับไม่ได้กระทบต่อความดีใจของจื่อยีเลย เขามองหลี่ฝางด้วยความยินดี ก่อนจะเชิญหลี่ฝางไปเยี่ยมยาโกะ

“ก็ได้ งั้นก็ไปดูเถอะ” หลี่ฝางอยู่ในที่พักมาตลอดขนเริ่มเบื่อ เมื่อตอบรับจื่อยีแล้ว ก็เก็บของเล็กน้อยก่อนจะออกไปทันที

“เอ่อ……ท่านนายพลมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” เมื่อหลี่ฝางออกไป กลับได้เห็นท่านนายพลหญิงที่ยืนอยู่ตรงกลางสวน ก่อนจะถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

หลังจากที่ครั้งก่อนท่านนายพลหญิงโมโหและไม่พอใจกับเขา หลี่ฝางก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย ท่านนายพลหญิงก็ไม่มาหาเขา เขาเองก็อยู่เงียบๆ อย่างสบายใจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ท่านนายพลหญิงจะมาหาเขาด้วยตัวเอง

“ท่านนายพลมากับฉันน่ะ ท่านหลี่ คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหม?” จื่อยีมองหลี่ฝาง พลางถามด้วยความกลัว

ครั้งก่อนที่เขาไปปลอบท่านนายพลหญิงแทนหลี่ฝาง ความสัมพันธ์ของเขากับท่านนายพลหญิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไป ช่วงนี้ท่านนายพลหญิงแทบจะรักและเอ็นดูจื่อยีคนเดียว ขนาดฮัวเหลียนมาหา ท่านนายพลหญิงยังไม่สนใจเท่าไหร่เลย

จู่ๆ จื่อยีก็กลายเป็นสนมสนมชายของท่านนายพลที่ถูกรักและทะนุถนอมมากที่สุดไป

การที่ท่านนายพลหญิงรักขึ้นมากะทันหันแบบนี้ทำให้จื่อยีตกใจอยู่ไม่น้อย เขาที่ผ่านโลกมาไม่มากเลยบริสุทธิ์อยู่มาก ทำให้มองไม่ออกว่าที่ท่านนายพลหญิงแสดงความรักกับเขาก็แค่เพื่อทำให้หลี่ฝางโกรธ แถมเขายังแอบดีใจอยู่เล็กน้อย เพราะคิดว่าท่านนายพลหญิงทำดีกับตัวเองอย่างจริงใจ

หลี่ฝางสบตากับท่านนายพลหญิงเมื่อไหร่ ก็เดาเรื่องในใจของท่านนายพลหญิงได้ทั้งหมด จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา พลางมองจื่อยีที่เขินอายเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดเอาไว้

“เห้อ ไปเถอะ บอกให้ไปหายาโกะไม่ใช่เหรอ?” หลี่ฝางมองจื่อยีสักพัก จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาหนักหน่วง

ตอนแรกจื่อยีเป็นสนมชายของจวนของท่านนายพล มีบางเรื่องที่เขาไม่ยุ่งจะดีกว่า

ท่านนายพลหญิงจ้องหลี่ฝางอยู่ตลอด เพราะอยากจะมองอะไรออกจากเขาบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้เธอเศร้า เพราะนอกจากหลี่ฝางจะขมวดคิ้วในตอนแรกแล้ว ก็ไม่มีอารมณ์อื่นอีกเลย

เธออดไม่ได้ที่จะคิดในใจ บางทีหลี่ฝางอาจจะไม่ได้รู้สึกรักอะไรตัวเองเลยก็ได้

แต่ยิ่งหลี่ฝางแสดงออกว่าไม่สนใจเธอเท่าไหร่ ในใจของท่านนายพลหญิงก็ยิ่งไม่สบายใจ พลางโบกมือให้จื่อยี แล้วพูดขึ้น

“จื่อยี คุณมานี่หน่อย”

จื่อยีเห็นเธอเรียกตัวเอง เลยหน้าแดง จากนั้นก็เดินมาหาท่านนายพลหญิงด้วยความเชื่อฟังเป็นอย่างมาก พลางถามเสียงเบาสุดๆ

“ท่านนายพล ท่านเรียกฉันมาทำไม?”

ท่านนายพลหญิงดึงจื่อยีเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง จากนั้นก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากของเขา

“จากนี้ห้ามห่างฉันเกินไป ต้องอยู่ข้างกายฉันอย่างเชื่อฟังนะ เข้าใจไหม?”

จูบของเธอนั้นทำให้จื่อยีแก้มแดงเหมือนตูดลิง ก่อนจะก้มหน้าเอาหัวซุกอก พลางขบริมฝีปากเบาๆ ด้วยความเขินอาย พลางตอบรับเสียงเบา

หลี่ฝางมองจื่อยีที่มีท่าทีเหมือนสาวน้อยที่เพิ่งมีรักแรก แววตาก็เป็นประกาย เด็กคนนี้หวั่นไหวง่ายเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วงั้นเหรอ?

นอกจากนี้ท่านนายพลหญิงใจร้ายเกินไปแล้ว เพื่อแก้แค้นตัวเอง เลยทำกับเด็กน้อย เขาควรจะเตือนจื่อยีหน่อยไหมนะ?

ถ้าบอกจื่อยีตอนนี้ ว่าท่านนายพลหญิงกำลังใช้เขาเพื่อดึงความสนใจของตัวเอง จื่อยีคงจะฟังไม่เข้าหู ไม่แน่ว่าอาจจะเกลียดตัวเองไปเลยก็ได้

ถ้าไม่สนใจ ในใจก็ปล่อยไปไม่ได้เหมือนกัน

“ท่านหลี่ ทำไมคุณยังไม่ไป?” ในตอนที่หลี่ฝางคิดอยู่นั้น ท่านนายพลหญิงกับจื่อยีก็เดินไปหลายเมตรแล้ว ท่านนายพลหญิงเห็นหลี่ฝางยังยืนเหม่ออยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามมา เลยอดไม่ได้ที่จะตะโกนเรียกเขา

เมื่อหลี่ฝางได้ยินเสียงของท่านนายพลหญิงเลยมีสติกลับมา ก่อนจะสะบัดหัว แล้วก็ลบสิ่งที่อยู่ในสมองมากมายออกไป ก่อนจะรีบตามไป

“ท่านหลี่ ขอบคุณที่ตอนนั้นท่านช่วยชีวิตเอาไว้ ขอให้ท่านรับการขอบคุณจากข้าน้อยด้วย!”

หลี่ฝางเพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องของคิริน ยาโกะ คิริน ยาโกะที่นั่งพิงอยู่ตรงหัวเตียงก็รีบลุกลงมาจากเตียง เพราะอยากจะก้มหัวคำนับหลี่ฝาง

ตัวเขายังพันผ้าพันแผลอยู่เลย ปากแผลก็เพิ่งจะประสาน ท่าทีนี้มันไปขยับแผลบนตัว มันเจ็บจนเขาเกือบจะหมดสติไป

หลี่ฝางเห็นดังนั้นเลยรีบเดินไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะประคองคิริน ยาโกะขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง

“คุณอย่าขยับ!กว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ ถ้าเกิดเจ็บหนักอีก เพราะก้มหัวให้ฉัน ก็ถือว่าฉันช่วยไปอย่างเปล่าประโยชน์แล้วนะ!”

หลี่ฝางจนปัญญากับชายหนุ่มคนนี้มาก คิริน ยาโกะซื่อเกินไปแล้ว ตัวเองยังเจ็บอยู่แท้ๆ ยังจะให้ตัวเองมา เพื่อก้มหัวขอบคุณตัวเองอีก

ต้องรู้ว่าคิริน ยาโกะเกือบจะตายแล้ว ก่อนหน้านี้หลายวันก็ไข้ขึ้นหนักไม่หาย หมอลงสัญญาความเสี่ยงในการรักษาหลายครั้ง ดีที่เขาแข็งแกร่งมากพอ บวกกับใช้ยาที่ดีที่สุดด้วย เลยแย่งเขามาจากมือของพญายมได้

ถ้าเกิดว่าต้องตายเพราะได้รับบาดเจ็บ จนทำให้แผลติดเชื้อ งั้นสิ่งที่ตัวเองทำก่อนหน้าทั้งหมดมันก็คงไร้ประโยชน์

เมื่อได้ยินหลี่ฝางด่าตัวเอง คิริน ยาโกะก็ฝืนยิ้มออกมา

“ท่านหลี่ท่านสอนถูกแล้ว ฉันร้อนใจเกินไป แต่ฉันไม่ได้พยายามจะเรียกร้องให้ท่านหลี่มา แต่เป็นพ่อแม่ของฉัน พวกเขาอยากขอบคุณท่านต่อหน้า”

เมื่อได้ยินคิริน ยาโกะพูด หลี่ฝางถึงได้เห็นว่าในห้องมีคนแปลกหน้าอยู่อีกสองคน

ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ตัวผอมสูง ไว้เคราแพะ ใส่แว่นขอบทอง ดูสุภาพเป็นอย่างมาก หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้างเขากลับอวบเล็กน้อย แต่หน้าตานั้นดูร่ำรวย ดูใจดีเป็นอย่างมา ก็น่าจะเป็นพ่อแม่ของคิริน ยาโกะ

“ท่านหลี่ ท่านมีพระคุณต่อตระกูลคิรินมาก ฉันกับฮุย มิโกะเลยมาเพื่อคำนับท่าน”

ตอนที่หลี่ฝางกำลังจะทักทายพ่อแม่ของคิริน ยาโกะอยู่นั้น พ่อของเขาก็ภรรยาของเขาคุกเข่าลงลงอะหลี่ฝาง

คำพูดที่ติดสำเนียงอย่างมาก แถมยังพูดไม่ชัดมันทำให้หลี่ฝางรู้สึกแย่ไปหมด ถ้าไม่ใช่เพราะสถานที่และบรรยากาศแบบนี้ เขาจะต้องหัวเราะออกมาแน่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท