NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1383 หลอกลวง

บทที่ 1383 หลอกลวง

“พระเจ้า เขาคงไม่ได้ไปหาท่านนายพลหรอกนะ?จื่อยี นายรีบตามท่านหลี่ไป อย่าให้เขาทำอะบ้าๆ!”

หลังจากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นที่หลี่ฝางพูดถึงคือท่านนายพลหญิง คิริน ยาโกะก็ร้อนใจ ดันจื่อยีที่เหม่ออยู่ให้รีบตามหลี่ฝางไปทันที

“อืมๆๆ ฉันไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”จื่อยีถูกเขาดันจนได้สติกลับมา รีบตอบแล้ววิ่งไปอย่างลุกลี้ลุกลน

“นี่ ท่านนายพลของพวกนายอยู่ไหน?”หลี่ฝางออกมาจากทางด้านคิริน ยาโกะ แล้วจับทหารองครักษ์เฝ้าประตูคนหนึ่งมาถาม

ทหารองครักษ์คนนั้นถูกหลี่ฝางบีบเค้นตกใจจนแทบสิ้น บวกกับไม่เข้าใจว่าหลี่ฝางพูดอะไร จึงทำได้เพียงยกมือสองข้างขึ้นเหนือหัวร้องขอความเมตตา

“แม่งเอ้ย ขนาดฉันพูดอะไรยังฟังไม่รู้เรื่อง ไร้ประโยชน์สิ้นดี”หลี่ฝางได้ยินเขาพูดไม่รู้เรื่องก็รำคาญ จึงโยนไปอีกด้านหนึ่ง แล้วเขาก็ลอยไปบนอากาศ

ในเมื่อถามไม่ได้คำตอบ ก็ไปหาเสียเองเลย

หลี่ฝางเหาะดูรอบๆ ในที่สุดก็เจอท่านนายพลหญิงอยู่ริมแม่น้ำ แต่ขณะกำลังเหาะไปยังด้านนั้น ก็ได้ยินเสียงจื่อยีตะโกนเรียกตนจากด้านล่าง

“ท่านหลี่!ท่านใจเย็นก่อน!มีเรื่องอะไรก็ลงมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

จื่อยีกลัวหลี่ฝางไปหาท่านนายพลหญิง แล้วคุยความแค้นเหล่านั้นที่มีกับนายกรัฐมนตรี นี่เป็นเรื่องห้ามพูดในจวนท่านนายพล ถ้ามีใครกล้าพูดขึ้นมา โทษหนักคือโดนไล่ออกจากจวน โทษหนักคือฆ่าทิ้ง

แม้ท่านนายพลหญิงมีความรู้สึกกับหลี่ฝางแตกต่างจากคนอื่น แต่ใครๆก็มีขีดจำกัด บางทีท่านนายพลหญิงได้ยินแล้วอาจโกรธจัด ฆ่าหลี่ฝางเลยก็ได้!

หลี่ฝางเหลือบมองจื่อยี แต่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจเขา หันหน้ากลับมุ่งไปยังท่านนายพลหญิงต่อ

จื่อยีมองเงาไกลๆของหลี่ฝางจากด้านล่าง ร้อนใจจนแทบร้องไห้ออกมา พลางกระทืบเท้าวิ่งตามทางที่หลี่ฝางไป

“นี่ คุณ คุณกล้าหลอกผมงั้นเหรอ?”หลี่ฝางเหาะลงมาตรงหน้าท่านนายพล ถามอย่างเกรี้ยวกราดด้วยสีหน้าเย็นชา

ตอนท่านนายพลหญิงเห็นหลี่ฝางปรากฏต่อหน้าตน ก็รู้สึกดีใจมาก คิดว่าหลี่ฝางตั้งใจมาปลอบใจตน แต่เมื่อได้ยินที่เขาพูด สีหน้าเปลี่ยนไปทันที มุมปากที่เพิ่งยกยิ้มขึ้นก็กลับลงไป คิ้วทั้งสองขมวดแน่น มองหลี่ฝางด้วยสีหน้างุนงง

“คุณพูดอะไร?ฉันหลอกอะไรคุณ?”

หลี่ฝางเห็นเธอทำเป็นไม่รู้เรื่องก็ยิ่งโกรธเข้าไปอีก จึงพูดข้อมูลที่จื่อยีบอกออกมาซะหมดเปลือก

“หลอกอะไรผมงั้นเหรอ?ผลแก้วม่วงอยู่ที่จวนของนายกรัฐมนตรีใช่ไหม?คุณมีความแค้นฝังลึกกับนายกรัฐมนตรีใช่ไหม?ตอนแรกคุณก็บอกแล้วว่าให้ผมเข้าจวน มาเป็นคู่ครองท่านนายพลของคุณ แล้วคุณจะมอบผลแก้วม่วงให้ผม”

“นายกรัฐมนตรีนั่นฆ่าพ่อแม่คุณ คุณกับเขาเหมือนน้ำกับไฟ ผมไม่เชื่อว่าเขาจะมอบผลแก้วม่วงให้คุณ ถ้านี่ไม่เรียกว่าคุณกำลังหลอกผมอยู่แล้วจะเรียกว่าอะไร?”

ส่วนจื่อยีวิ่งเหนื่อยหอบตามมาถึงพอดี พอได้ยินที่หลี่ฝางพูดก็แข็งทื่อไปทั้งตัว

ในใจมีแค่ความคิดเดียว คือจบเห่แล้ว!

และเป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากท่านนายพลหญิงได้ยินที่หลี่ฝางพูด สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด ลมหายใจของทั้งร่างก็เปลี่ยนไป

แม้พลังของท่านนายพลหญิงไม่ได้สัก1ใน10ของหลี่ฝาง แต่ถึงยังไงก็เป็นปรมาจารย์กำลังภายใน เมื่อเธอโกรธจื่อยีก็รับมือได้ ส่งเสียงออกมาเล็กน้อยแล้วกระอักเลือดออกมา จากนั้นล้มลงไปกับพื้นทันที

ท่านนายพลหญิงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จึงหันไปมองจื่อยี แววตาเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นความโกรธอันมหาศาลที่มีอยู่ก็ลดลง

“นายมาที่นี่ทำไม ไปซะ!”ท่านนายพลหญิงเหมือนไม่อยากทำร้ายจื่อยี เธอสะบัดแขนเสื้ออย่างแรงแล้วดุให้เขาออกไป

จื่อยีเช็ดเลือดที่มุมปากออกจนสะอาด แล้ววิ่งไปตรงหน้าท่านนายพลหญิงโดยไม่ฟังคำสั่งเธอ พลางพูดวิงวอน“ท่านนายพล ท่านอย่าโทษท่านหลี่ ผมเป็นคนเล่าเรื่องพวกนี้ให้เขาฟังเอง ถ้าท่านจะลงโทษก็ลงโทษผมเถอะ!”

หลังจากท่านนายพลหญิงได้ยินที่จื่อยีพูด แววตาก็ดูเย็นลงไม่น้อย พลางกำหมัดแน่น มองจื่อยีที่คุกเข่าบนพื้นอยู่ครู่ใหญ่ ถึงจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“จื่อยี ฉันจะคิดว่านายยังเด็ก ไม่ลงโทษนาย ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”

จื่อยีดูออกว่านี่ถึงจุดความอดทนสูงสุดของท่านนายพลหญิงแล้ว ถ้าเขาอยู่ที่นี่ต่อชีวิตน้อยๆคงไม่ปลอดภัย แต่แม้เป็นเช่นนี้ จื่อยีก็ยังไม่ยอมลุก โขกหัวให้ท่านนายพลหญิงติดต่อกันหลายครั้ง

“ท่านนายพล!โปรดอภัยให้ท่านหลี่ด้วย!”

หลี่ฝางได้ยินโกหัวดังกึกๆๆนั้น ตนก็รู้สึกตกใจ เห็นจื่อยีหัวโนขนาดนั้นจึงเดินเข้าไปตรงหน้าเขา แล้วดึงจื่อยีลุกขึ้นจากพื้น

“ทำไมพวกนายชอบโขกหัวกันขนาดนี้?นี่ไม่ใช่ก้อนหินนะ ดูสิหัวนายจะแตกแล้ว!”

แต่ถึงแม้หลี่ฝางดึงจื่อยีขึ้นจากพื้นแล้ว วินาทีต่อมาเขาก็กลับลงไปคุกเข่าอีกครั้ง เหมือนถ้าท่านนายพลหญิงไม่อภัยให้หลี่ฝาง เขาก็จะคุกเข่าจนตายอยู่ตรงนี้

หลี่ฝางเห็นความดื้อรั้นของเขา โกรธจนแทบพูดไม่ออก สีหน้าของท่านนายพลหญิงดูแย่กว่าก่อนหน้านี้มาก จ้องหลี่ฝางกับจื่อยีอยู่ครู่ใหญ่ แล้วพูดเย้ยหยันออกมา

“เหอะ นายนี่จริงใจกับเขามากจริงๆ อยู่ในจวนมาสามปีกว่า ยังไม่เคยเห็นนายทำแบบนี้กับฉัน แต่เขามาอยู่ในจวนได้แค่อาทิตย์กว่าๆ นายปกป้องเขาขนาดนี้เลย?หรือนายอยากไปกันเขา?”

หลี่ฝางไม่ลงรอยกับตนมาตลอดก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ขนาดสนมชายของตนก็ยังเข้าข้างเขา ท่านนายพลหญิงจะไม่โกรธได้ยังไง ตอนนี้เธอแทบอยากจะให้คนมาลากจื่อยีไปขังให้รู้แล้วรู้รอด

หลังจากจื่อยีได้ยินที่ท่านนายพลพูดก็ตัวสั่นไปหมด จากนั้นเงยหน้าสบตากับท่านนายพลหญิง

“ท่านนายพลท่านพูดอะไร?ความใส่ใจที่จื่อยีมีให้ท่านท่านไม่รู้หรอกเหรอ!เพียงแต่เรื่องพวกนั้นจื่อยีเป็นคนบอกท่านหลี่เองดังนั้นท่านหลี่ไม่ผิด จื่อยีต่างหากที่ผิด จื่อยีไม่อยากให้ท่านลงโทษผิดคนก็เท่านั้น!”

จื่อยีมีไมตรี ถึงขนาดรับความผิดไว้คนเดียว ตอนแรกหลี่ฝางยังโกรธมากเพราะเขาวุ่นวาย แต่ตอนนี้ความโกรธทุเลาลงไปไม่น้อย

“หุบปาก!นี่เป็นเรื่องของฉันกับเขา นายไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว!จื่อยี อย่าคิดว่าฉันโปรดปรานนาย แล้วจะขัดคำสั่งฉันได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า!ถ้านายอยากอยู่ในจวนท่านนายพลต่อ ก็ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”

ท่านนายพลหญิงที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ ฟังคำอธิบายของจื่อยีที่ไหนกัน ตบหินด้านข้างไปทีหนึ่ง ทำให้หินแตกเป็นเสี่ยงๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท