NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1401 หยูหลิงฮุ่ยจะคลอดแล้ว

บทที่ 1401 หยูหลิงฮุ่ยจะคลอดแล้ว

“ลูกพี่ใหญ่ จริงจังใช่มั้ยเหนี่ย?” เพราะว่าถูกปฏิเสธมาหลายรอบ ในใจของหงส์แดงก็ไม่กล้าคาดหวังแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองกู่ยี่เทียนพลางถามอย่างไม่แน่ใจ

“ก็ต้องจริงจังสิ!”

เห็นท่าทีของหงส์แดงดูระมัดระวัง ในใจของกู่ยี่เทียนก็เสียดายสุดๆ ในตอนนั้นทำไมเขาถึงได้ใจดำปฏิเสธหงส์แดงไปได้นะ ทำตัวเองจริงๆ เลย

“งั้น……งั้นหลังจากนี้นายก็เป็นแฟนฉันแล้วนะ”

หงส์แดงมองกู่ยี่เทียนอยู่นาน จากนั้นนัยน์ตาสองข้างจึงมีรอยยิ้มพลางพูด

นี่ทำให้กู่ยี่เทียนดีใจมากๆ จนอุ้มหงส์แดงขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็หมุนไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น

“ดีจริงๆ เลย!ฉันดีใจมากๆ จริงๆ !”

เมื่อเห็นทั้งสองในที่สุดก็เปิดเผยความในใจ และได้มาคบกัน ผู้ที่มองดูต่างก็ยิ้ม หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะสะกิดส้าวส้วยที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็พูดเปรยๆ

“ไอ้กู่มันยังจีบเมียติดแล้ว ฝั่งนายเมื่อไหร่ถึงจะกระเตื้องสักที? ออกไปครั้งนี้ ทั้งสองคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?” ส้าวส้วยรู้ว่าหลี่ฝางต้องดึงเรื่องเข้ามาหาตน จึงมองบ่นใส่หลี่ฝาง

“ห่วงเรื่องของตัวนายให้ดีก็พอ ไปญี่ปุ่นก็ยังจะเนื้อหอม หากฉันเป็นฉินวี่เฟยกับหยางฉง ฉันคงถลกหนังนายไปแล้ว”

เรื่องของหลี่ฝางกับชิราอิชิ ฮานาซากินับว่าไม่ใช่ความลับแล้ว พวกส้าวส้วยก็ได้เห็นข่าวบนอินเทอร์เน็ตนั่นแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพอเดาออกว่าเป็นไปได้มากที่หลี่ฝางจะแสดงความสามารถที่มีอยู่ออกมาให้เห็น แต่นี่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการที่ส้าวส้วยจะพูดตอกใส่หลี่ฝาง

เมื่อเห็นส้าวส้วยพูดถึงชิราอิชิ ฮานาซากิ สีหน้าของหลี่ฝางก็แย่ลงมาทันที และใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่ตัวเขา ไม่คิดที่จะพูดถึงเรื่องนี้ต่อไป

ไป๋หลินที่อยู่ด้านข้างมองไปทางกู่ยี่เทียนกับหงส์แดง ในดวงตาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงให้เห็นถึงความอิจฉา จากนั้นก็ค่อยๆ หันหน้ามามองส้าวส้วย อยากจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ยังไม่ทันได้พูดออกมา ส้าวส้วยก็จากไปอย่างรวดเร็ว

พลางมองแผ่นหลังของเขา บนหน้าของไป๋หลินก็มีความเหงาหงอยแวบขึ้นมา แต่ว่าไม่นานเธอก็จัดการคุมอารมณ์ตัวเองได้ และเดินตามไปอย่างรวดเร็ว

“ชิ……ขี้งอนอีกคนแหละ” หลี่ฝางมองแผ่นหลังของพวกเขาทั้งสอง พลางอดไม่ได้ที่จะชิเบาๆ ขึ้นมาคำนึง

“ไท่ซาง!รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!หลิงฮุ่ยจะคลอดแล้ว!”

ขณะที่ทุกคนกำลังจมอยู่กับเสียงหัวเราะยินดีอยู่นั้น ฉินวี่เฟยก็รีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามา พลางลากไท่ซางไป

“อะไร? จะคลอดแล้ว? ไม่ใช่ว่ายังไม่ถึงกำหนดคลอดเหรอ?” เมื่อไท่ซางได้ยินฉินวี่เฟยบอกว่าหยูหลิงฮุ่ยจะคลอดแล้ว ก็ตกใจมาก และถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“เรื่องคลอดลูกจะไปเอาแน่เอานอนขนาดนั้นได้ที่ไหน!นายอย่ามั่วอ้ำอึ้ง รีบพาหลิงฮุ่ยไปโรงพยาบาลเร็ว!”

ไท่ซางทำฉินวี่เฟยโมโหจะตายอยู่แล้ว วันเวลาที่หยูหลิงฮุ่ยมาที่บ้านพักตากอากาศ เขาไม่ได้ทำหน้าที่พ่อกับสามีเลยสักนิด

ตอนนี้คนจะคลอดอยู่แล้ว เขากลับยังโวยวายอยู่นี่

“อ๋อๆๆ ฉันไปเดี๋ยวนี้”

ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากได้ยินข่าวว่าหยูหลิงฮุ่ยจะคลอดแล้ว ในใจของไท่ซางก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใส่ใจลูกคนนี้มากมาย แต่เขาก็มีโอกาสที่จะเป็นลูกคนแรกของตน ความรู้สึกที่จะได้เป็นพ่อคนครั้งแรกนี้เขาไม่รู้ว่าอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร

ทุกคนต่างลนลานพาหยูหลิงฮุ่ยไปส่งโรงพยาบาล นี่คือชีวิตใหม่คนที่สองของครอบครัวใหญ่ของพวกเขา ความหมายมันจึงค่อนข้างพิเศษ

“นี่……ทำไมตั้งนานแล้วยังไม่ออกมาสักทีล่ะ? คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ?”

ไท่ซางเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน พลางจ้องมองไปทางประตูห้องฉุกเฉินตลอด เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาดันขึ้นมาจนถึงคอหอยแล้ว หยูหลิงฮุ่ยเข้าไปสองชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย มันทำให้ใจเขาเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ

“นี่ นายหยุดเดินจะได้มั้ย!นายทำฉันมึนไปหมดแล้วเหนี่ย!” ฉินวี่เฟยตบไปที่หลังของเขาหนึ่งทีอย่างไม่สบอารมณ์ และบังคับเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง

“นายคิดว่าคลอดลูกมันง่ายหรือไง? บอกว่าให้คลอดก็คลอดออกมา? ตอนนั้นที่เสี่ยวฉงคลอดผิงอัน คลอดตั้งหกเจ็ดชั่วโมง หลิงฮุ่ยเพิ่งเข้าไปได้นานเท่าไหร่เอง นายนั่งรอตรงนี้นิ่งๆ ไปเถอะ!”

ฉินวี่เฟยรู้สึกว่าไท่ซางเหมือนเด็กน้อยคนนึงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือว่าอะไรก็ตามยังมัวแต่ห่วงเล่น

“อะไรนะ? คลอดลูกต้องนานขนาดนั้นเลย? นั้นไม่เจ็บมากเลยเหรอ!” ไท่ซางได้ยินฉินวี่เฟยพูด ก็ตกใจจนเสียงเพี้ยนเลย

เขาไม่เคยเรียนรู้เรื่องการคลอดลูกของผู้หญิงเลยจริงๆ คิดมาตลอดว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ

“เอาล่ะ นายนั่งเถอะ เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้” หลี่ฝางมองบนใส่ไท่ซางอย่างไม่สบอารมณ์ ให้เขารออย่างอดทน

พี่ใหญ่พี่สะใภ้ต่างก็ออกปากพูดแล้ว ไท่ซางจึงทำได้แค่นั่งลงอย่างเชื่อฟัง เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อย ไม่ทันรู้ตัวหยูหลิงฮุ่ยก็เข้าไปอยู่ในห้องฉุกเฉินเป็นเวลาแปดชั่วโมงแล้ว

นานขนาดนี้ ฉินวี่เฟยก็เริ่มร้อนรนแล้ว ตอนที่ตรวจหยูหลิงฮุ่ยก็ปกติดีทุกอย่าง ทำไมถึงได้คลอดนานขนาดนี้นะ?

“ใครคือญาติของคุณแม่คะ? คุณแม่ตอนนี้เสียเลือดมาก ต้องให้เลือดเดี๋ยวนี้!กรุณามาเซ็นชื่อด้วยค่ะ!”

จู่ๆ ก็มีพยาบาลวิ่งออกมาจากในห้องฉุกเฉิน ถือเอกสารแผ่นนึงออกมา ในปากก็ตะโกนเรียกให้คนเซ็นชื่อ

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้เสียเลือดมาก? ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง? เด็กกับแม่ยังอาการดีอยู่มั้ย?”

ฉินวี่เฟยเมื่อได้ยินว่าเสียเลือดมากก็นั่งไม่ติด รีบวิ่งเข้าที่ตรงหน้าของพยาบาล และคว้ามือหล่อนพลางถาม

“โอ๊ย!คุณทำดิฉันเจ็บแล้ว!ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก พวกคุณเร็วหน่อยอย่าลีลา รีบเซ็นเถอะค่ะ ดิฉันยังต้องไปที่คลังเลือดเอาเลือดนะคะ!”

พยาบาลสะบัดมือของฉินวี่เฟยออกอย่างโมโหเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นเอกสารใส่มือฉินวี่เฟย และเร่งให้เธอเซ็นชื่อ

“ผมเอง!ผมเอง!ผมเป็นพ่อของเด็ก!” ไท่ซางลนลานจนเหงื่อแตกพลั่ก และรับเอกสารมามือสั่น จากนั้นก็เซ็นชื่อตัวเองลงบนนั้น

นางพยาบาลก็อดไม่ได้ที่จะมองไท่ซาง รู้สึกว่าเขาจะร้อนรนมากเกินไป แต่ก็กลับไม่ได้พูดอะไรมาก และรับเอกสารมาเตรียมจะจากไป

“เดี๋ยวก่อน!พยาบาล ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมต้องการให้รักษาชีวิตแม่เอาไว้!ขอแค่แม่!เด็กจะเป็นยังไงก็ได้!”

ขณะที่พยาบาลกำลังจะจากไป จู่ๆ ไท่ซางก็คว้าแขนหล่อนไว้อีกครั้ง จากนั้นก็พูดด้วยท่าทีที่เด็ดขาดสุดๆ

“คุณนี่……จริงๆ เลย” นางพยาบาลได้ยินคำพูดของไท่ซางก็ขำ ไม่รู้จริงๆ ว่าควรว่าเขายังไงดี ดึงแขนตัวเองออกจากมือของเขา จากนั้นก็พูดขึ้น

“สถานการณ์ไม่ได้หนักหนาขนาดนั้น คุณวางใจเถอะ แล้วก็พวกเราต้องพยายามให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่หรือลูกพวกเราจะพยายามรักษาไว้ให้ได้มากที่สุด คุณวางใจเถอะค่ะ”

ฉินวี่เฟยได้ยินประโยคนี้ของหลี่ฝาง ทัศนคติในใจก็ถือว่าได้มองคนเจ้าชู้อย่างเขาเปลี่ยนไป อดไม่ได้ที่จะตบไหล่เขาและพูดอย่างชื่นชม

“ได้นี่หว่าไท่ซาง อย่างน้อยนายก็ยังรู้ว่าให้รักษาแม่เอาไว้ การกระทำของนายนี่เรียกคะแนนสุดๆ รอให้หยูหลิงฮุ่ยคลอดลูกแล้ว ฉันจะต้องชมนายต่อหน้าเธอดีๆ สักหน่อย”

ไท่ซางชะงักเล็กน้อยพลางมองฉินวี่เฟย ราวกับเอ๋อไป และก็ไม่ได้พูดตอบรับคำเธอ

ที่จริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อกี้ถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกไป ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างแรกของเขานั่นก็คือหยูหลิงฮุ่ยจะตายไม่ได้ เด็กจะเป็นยังไงเขาไม่สนใจ หยูหลิงฮุ่ยจะต้องมีชีวิตอยู่ถึงจะโอเค

หลี่ฝางมองท่าที่เอ๋อๆ ของไท่ซาง ก็รู้สึกหมดคำพูด นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าไท่ซางมีความรู้สึกต่อหยูหลิงฮุ่ย แต่กลับดันทำให้ความรู้สึกของคนสองคนกลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้เด็กก็คลอดแล้ว ก็น่าจะควรใช้ชีวิตด้วยกันดีๆ แล้วมั้ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท