NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1405 ต้องการเซียนคนใหม่

บทที่ 1405 ต้องการเซียนคนใหม่

หลี่ฝางมองน้ำยาสีดำมืดในอ่างพลางกัดฟัน เท้าข้างนึงจุ่มลงไปในอ่าง ขณะที่ผิวของเขาสัมผัสโดนน้ำยาสีดำมืดนั่น ความเจ็บปวดก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของหลี่ฝาง เข่าสองข้างเกือบอ่อน จนทั้งหัวเกือบจุ่มลงไปในอ่างน้ำยา

“นายแน่ใจว่าทนไหวนะ?” เซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านข้างก็รีบพยุงหลี่ฝางเอาไว้ ถ้าหากทั้งหัวเขาจุ่มลงไปแบบนี้ ยังไงก็คงจะเจ็บจนหมดสติตายไปแน่ๆ

หลี่ฝางเจ็บจนหน้าซีด ตัวสั่นไปทั่วร่าง ริมฝีปากล่างถูกกัดจนเลือดออก จับตัวเซียนผู้ยิ่งใหญ่ฝืนพยุงตัวไว้อยู่นาน ถึงจะกัดฟันพูดออกมา

“ผมทำได้ ไม่เป็นไรครับ”

พูดจบ หลี่ฝางก็ค่อยๆ ยื่นเท้าเข้าไปในอ่างน้ำยา เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที จนใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที หลี่ฝางถึงจะใช้ขาสองข้างจุ่มลงไปในอ่างน้ำยา

ในตอนนี้เขารู้สึกว่าขาสองข้างของเขาเหมือนไม่ใช่ของตัวเองแล้ว เจ็บจนหัวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ หยดลงมาติ๋งๆ

ในปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เล็บก็จิกฝ่ามือตัวเองอย่างลึก

“หลี่ฝาง ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็พอเถอะ ฉันสามารถใช้วิชาผนึกเทพอ้านเอาไว้ในร่างนายได้ชั่วคราว”

เซียนผู้ยิ่งใหญ่เห็นเขาแบบนี้ ก็รู้สึกว่าโอกาสที่จะทนต่อไปได้มีน้อย ดังนั้นเลยกล่อมให้เขายอมแพ้

หลี่ฝางใช้มือค้ำขอบอ่างน้ำยาเอาไว้ และนั่งลงไปอย่างช้าๆ กัดฟันกรอด บังคับให้ตัวเองมีสมาธิ

เซียนผู้ยิ่งใหญ่เห็นท่าทีดื้อรั้นของเขา ก็ไม่พูดอะไรแล้ว และก็ค่อยๆ รอเขา ผ่านไปอีกสิบกว่านาที ร่างส่วนต่ำกว่าคอของหลี่ฝางก็นับได้ว่าทั้งหมดได้ลงไปแช่อยู่ในอ่างน้ำยาแล้ว

สีหน้าของหลี่ฝางในตอนนี้ซีดจนน่าตกใจ ร่างกายสั่นเทาไปทั่วร่าง เซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็ลนลานไม่ไหว แล้วสั่งหลี่ฝางด้วยสีหน้าจริงจัง

“หลี่ฝาง นายได้ข้ามผ่านก้าวแรกมาแล้ว ก้าวที่ยากที่สุดนายได้ผ่านมันมาแล้ว นายจะต้องอดทนเอาไว้ ขอแค่นายอดทนผ่านสามวันแรกไป วันเวลาต่อจากนี้ก็ผ่านไปได้อย่างดีแล้ว”

ที่จริงการอาบยาครั้งนี้ที่ทรมานที่สุดก็แค่สามวันแรก ปกติแล้วหลังจากสามวัน ร่างกายของหลี่ฝางก็จะไร้ความรู้สึกแล้ว ส่วนที่ยากก็คือการควบคุมสติ ขอแค่สามารถต่อต้านความทรมานทางร่างกายและสติได้ แบบนั้นก็สำเร็จแล้ว

“เซียนผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าหากผมใกล้จะหมดสติไป ต้องรบกวนท่านคิดหาวิธีให้ผมมีสติอยู่ตลอดด้วย ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้ผมผ่านมันไปให้ได้”

ปากของหลี่ฝางสั่นเล็กน้อย เซียนผู้ยิ่งใหญ่ฟังอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร

เขาหันกลับมาค้นตู้ยาที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็หยิบขวดยาเล็กๆ ออกมาวางไว้ข้างๆ หลี่ฝาง

“เจ้าขวดยานี้ด้านในมียาอายุวัฒนะที่มีสรรพคุณทำให้กระปรี้กระเปร่า ถ้าหากนายรู้สึกว่าจะอดทนไม่ไหวแล้ว ก็กินไปหนึ่งเม็ด ในนี้มีทั้งหมดสิบห้าเม็ด น่าจะพอให้นายอดทนรอดจนเสร็จ”

หลังจากบอกหลี่ฝางถึงสรรพคุณและประสิทธิภาพของยาแล้ว เซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็ถอยออกไป นี่คือขั้นตอนที่จะต้องอดทนให้รอดผ่าน เขาอยู่ต่อก็ช่วยอะไรหลี่ฝางไม่ได้ และเขาก็ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำ ถ้าหากหลี่ฝางสามารถอดทนผ่านครั้งนี้ไปได้ งั้นเขาก็จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขา

“เซียนผู้ยิ่งใหญ่ เวลาก็น่าจะได้แล้วมั้ย? ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว ท่านแน่ใจว่าหลี่ฝางไม่เป็นอะไร?”

เวลาผ่านไปสี่สิบวันอย่างไม่รู้สึกตัว ได้มาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของการอาบน้ำยาแล้ว พวกกู่ยี่เทียนและคนอื่นก็ต่างทนไม่ไหวแล้ว วันเวลาที่ผ่านมาพวกเขาก็อยู่บนภูเขาหลิน ถึงแม้บรรยากาศจะไม่เลว แต่ว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลยสักนิด

พวกกู่ยี่เทียนทุกวันนอกจากฝึกยุทธก็คือฝึกยุทธ นี่ทำให้เขาที่เพิ่งจะมีแฟนได้ไม่นานทนความทรมานในการคิดถึงแบบนี้ยังไงไหว แล้วก็ทุกวันยังจะต้องโดนส้าวส้วยกับไป๋หลินอวดรักจนตาแสบ มันทำให้เขาทรมานอย่างแสนสาหัส

“รีบร้อนอะไร ถ้าเขาผ่านไปไม่ได้ และถูกเทพอ้านควบคุมร่างอีกครั้ง เขาก็คงพุ่งออกมาจากด้านในแล้ว แค่ด้านในไม่มีความเคลื่อนไหว ก็หมายความว่าเขายังทนไหว”

เซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังพัฒนาอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากได้ยินกู่ยี่เทียนพูดก็เหลือบมอง และพูดอย่างนิ่งๆ

กู่ยี่เทียนทรุดตัวลงบนเก้าอี้ของปรมาจารย์ และทำหน้าเหงาเศร้าสร้อย “ส้าวส้วย นายหยุดหยอกเย้าไป๋หลินจะได้มั้ย? นายจงใจใช่มั้ยเหนี่ย? แกล้งฉันมีเมียไม่อยู่นี่?”

คิดถึงหงส์แดง สีหน้าของกู่ยี่เทียนก็ขมขื่นมากขึ้น เขากับหงส์แดงเพิ่งจะสวีตหวานกันได้กี่วัน ยังสวีตกันไม่พอเลย ก็ถูกหลี่ฝางลากมาที่นี่ แถมยังติดต่อไม่ได้ เขาจะขาดใจตายอยู่แล้ว

ไป๋หลินได้ยินคำพูดของกู่ยี่เทียน สีหน้าก็แดงอยู่ครู่ และก็หาเหตุผลขึ้นอย่างลนลาน จากนั้นก็ถอยออกไป ส้าวส้วยมองบนใส่กู่ยี่เทียน และไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ค่อยๆ ตามไป

“เชี่ย!พอกันทีสองคนนี้!เซียนผู้ยิ่งใหญ่ ไอ้หมอนี้มันจะเอาตัวไป๋หลินไปแล้ว นายจะสนใจมั้ยเหนี่ย!”

ไป๋เห้อคนนี้ไม่ได้พูดว่าพอเซียนผู้ยิ่งใหญ่รู้ว่าไป๋หลินหนีตามไปกับส้าวส้วยแล้วจะโกรธไม่ใช่เหรอ? ทำไมหลายวันที่ผ่านมานี่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้โทษอะไรส้าวส้วย แต่กลับเหมือนว่าจะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอย่างนั้น และไม่สนใจพวกเขาแล้วล่ะ?

มือของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังปรุงยาอยู่ชะงักอยู่ครู่ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิม เหมือนกันคนไม่เป็นอะไร

“ลูกโตแล้ว เรื่องบางเรื่องเธอควรตัดสินใจด้วยตัวเอง ฉันก็แก่แล้ว เวลาก็เหลือไม่มาก ก็ควรที่จะให้ลูกได้วางแผนอนาคตของตัวเองแล้ว”

“ผู้เฒ่านี่รู้แจ้งมาก ท่านไม่กลัวว่าส้าวส้วยจะเป็นคนไม่ดี หลังจากนี้จะทำเรื่องไม่ดีกับไป๋หลินเหรอ?”

กู่ยี่เทียนคิดไม่ถึงภายนอกเซียนผู้ยิ่งใหญ่ดูแล้วเหมือนคนหัวโบราณสุดๆ แต่กับเรื่องนี้กลับคิดได้เปิดกว้างขนาดนี้ เขาเอนตัวไปข้างหน้าเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ทำหน้าเหลือเชื่อพลางจ้องเซียนผู้ยิ่งใหญ่

“คนหนุ่มอย่างนาย ทำไมถึงได้ไม่มีมารยาท” เซียนผู้ยิ่งใหญ่ผลักหัวของกู่ยี่เทียนออกไปด้านข้าง ไม่ให้เขาบังสายตาของตัวเอง

วันที่ผ่านมากู่ยี่เทียนอยู่บนภูเขาหลินแทบขาดใจ ไม่มีคนพูดกับเขา เขาจึงไปคุยกับเซียนผู้ยิ่งใหญ่คุยไปคุยมาทั้งสองก็สนิทกันมากขึ้นไม่น้อย

“ชิ ท่านก็เก๊กให้มันน้อยๆ หน่อย ความสัมพันธ์ของพวกเราสองคนจำเป็นต้องถ่อมตัวอะไรแบบนั้นที่ไหน แล้วก็ ที่ท่านพูดเมื่อกี้ว่ามีเวลาอยู่ไม่มากแล้วหมายความว่าไง? หรือว่าครบกำหนดของท่านแล้ว?”

ถึงแม้ว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่พูดเมื่อกี้จะดูขอไปที แต่ก็ยังจับประเด็นได้ เซียนผู้ยิ่งใหญ่คนนี้มีชีวิตมาหลายพันปีแล้ว ตามหลัก เหลือเวลาไม่มากแล้วก็ถือเป็นเรื่องปกติ

แต่ว่านี่จู่ๆ มันพูดออกจากปากของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ กู่ยี่เทียนก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชินเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่นั้นเป็นคนดี ช่วยเหลือพวกเขาไว้มาก รุ่นพี่แบบนี้ถ้าหากจากไปแล้วละก็ สำหรับพวกเขาแล้ว แม้แต่ทั้งโลกยุทธภพก็ยังรู้สึกสูญเสียอย่างมหาศาล

“นี่ก็คือชีวิตของฉัน ครั้งนี้ถ้าหลี่ฝางผ่านมันไปได้ ภารกิจของชีวิตฉันก็ถือว่าเสร็จสิ้น ฉันก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่แล้ว โลกนี้ก็ต้องการเซียนคนใหม่มาปกครอง ที่ของฉันก็ควรจะยกให้หลี่ฝางแล้ว”

เซียนผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มบางๆ ให้กู่ยี่เทียน ราวกับปลงกับการเกิดการตายแล้ว สำหรับสิ่งที่เขาพูดกู่ยี่เทียนก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรมาก อะไรที่เรียกว่าเซียนคนใหม่มาปกครองโลกนี้?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท