หลี่ฝางมองน้ำยาสีดำมืดในอ่างพลางกัดฟัน เท้าข้างนึงจุ่มลงไปในอ่าง ขณะที่ผิวของเขาสัมผัสโดนน้ำยาสีดำมืดนั่น ความเจ็บปวดก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของหลี่ฝาง เข่าสองข้างเกือบอ่อน จนทั้งหัวเกือบจุ่มลงไปในอ่างน้ำยา
“นายแน่ใจว่าทนไหวนะ?” เซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านข้างก็รีบพยุงหลี่ฝางเอาไว้ ถ้าหากทั้งหัวเขาจุ่มลงไปแบบนี้ ยังไงก็คงจะเจ็บจนหมดสติตายไปแน่ๆ
หลี่ฝางเจ็บจนหน้าซีด ตัวสั่นไปทั่วร่าง ริมฝีปากล่างถูกกัดจนเลือดออก จับตัวเซียนผู้ยิ่งใหญ่ฝืนพยุงตัวไว้อยู่นาน ถึงจะกัดฟันพูดออกมา
“ผมทำได้ ไม่เป็นไรครับ”
พูดจบ หลี่ฝางก็ค่อยๆ ยื่นเท้าเข้าไปในอ่างน้ำยา เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที จนใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที หลี่ฝางถึงจะใช้ขาสองข้างจุ่มลงไปในอ่างน้ำยา
ในตอนนี้เขารู้สึกว่าขาสองข้างของเขาเหมือนไม่ใช่ของตัวเองแล้ว เจ็บจนหัวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ หยดลงมาติ๋งๆ
ในปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เล็บก็จิกฝ่ามือตัวเองอย่างลึก
“หลี่ฝาง ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็พอเถอะ ฉันสามารถใช้วิชาผนึกเทพอ้านเอาไว้ในร่างนายได้ชั่วคราว”
เซียนผู้ยิ่งใหญ่เห็นเขาแบบนี้ ก็รู้สึกว่าโอกาสที่จะทนต่อไปได้มีน้อย ดังนั้นเลยกล่อมให้เขายอมแพ้
หลี่ฝางใช้มือค้ำขอบอ่างน้ำยาเอาไว้ และนั่งลงไปอย่างช้าๆ กัดฟันกรอด บังคับให้ตัวเองมีสมาธิ
เซียนผู้ยิ่งใหญ่เห็นท่าทีดื้อรั้นของเขา ก็ไม่พูดอะไรแล้ว และก็ค่อยๆ รอเขา ผ่านไปอีกสิบกว่านาที ร่างส่วนต่ำกว่าคอของหลี่ฝางก็นับได้ว่าทั้งหมดได้ลงไปแช่อยู่ในอ่างน้ำยาแล้ว
สีหน้าของหลี่ฝางในตอนนี้ซีดจนน่าตกใจ ร่างกายสั่นเทาไปทั่วร่าง เซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็ลนลานไม่ไหว แล้วสั่งหลี่ฝางด้วยสีหน้าจริงจัง
“หลี่ฝาง นายได้ข้ามผ่านก้าวแรกมาแล้ว ก้าวที่ยากที่สุดนายได้ผ่านมันมาแล้ว นายจะต้องอดทนเอาไว้ ขอแค่นายอดทนผ่านสามวันแรกไป วันเวลาต่อจากนี้ก็ผ่านไปได้อย่างดีแล้ว”
ที่จริงการอาบยาครั้งนี้ที่ทรมานที่สุดก็แค่สามวันแรก ปกติแล้วหลังจากสามวัน ร่างกายของหลี่ฝางก็จะไร้ความรู้สึกแล้ว ส่วนที่ยากก็คือการควบคุมสติ ขอแค่สามารถต่อต้านความทรมานทางร่างกายและสติได้ แบบนั้นก็สำเร็จแล้ว
“เซียนผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าหากผมใกล้จะหมดสติไป ต้องรบกวนท่านคิดหาวิธีให้ผมมีสติอยู่ตลอดด้วย ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้ผมผ่านมันไปให้ได้”
ปากของหลี่ฝางสั่นเล็กน้อย เซียนผู้ยิ่งใหญ่ฟังอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
เขาหันกลับมาค้นตู้ยาที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็หยิบขวดยาเล็กๆ ออกมาวางไว้ข้างๆ หลี่ฝาง
“เจ้าขวดยานี้ด้านในมียาอายุวัฒนะที่มีสรรพคุณทำให้กระปรี้กระเปร่า ถ้าหากนายรู้สึกว่าจะอดทนไม่ไหวแล้ว ก็กินไปหนึ่งเม็ด ในนี้มีทั้งหมดสิบห้าเม็ด น่าจะพอให้นายอดทนรอดจนเสร็จ”
หลังจากบอกหลี่ฝางถึงสรรพคุณและประสิทธิภาพของยาแล้ว เซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็ถอยออกไป นี่คือขั้นตอนที่จะต้องอดทนให้รอดผ่าน เขาอยู่ต่อก็ช่วยอะไรหลี่ฝางไม่ได้ และเขาก็ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำ ถ้าหากหลี่ฝางสามารถอดทนผ่านครั้งนี้ไปได้ งั้นเขาก็จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขา
“เซียนผู้ยิ่งใหญ่ เวลาก็น่าจะได้แล้วมั้ย? ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว ท่านแน่ใจว่าหลี่ฝางไม่เป็นอะไร?”
เวลาผ่านไปสี่สิบวันอย่างไม่รู้สึกตัว ได้มาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของการอาบน้ำยาแล้ว พวกกู่ยี่เทียนและคนอื่นก็ต่างทนไม่ไหวแล้ว วันเวลาที่ผ่านมาพวกเขาก็อยู่บนภูเขาหลิน ถึงแม้บรรยากาศจะไม่เลว แต่ว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลยสักนิด
พวกกู่ยี่เทียนทุกวันนอกจากฝึกยุทธก็คือฝึกยุทธ นี่ทำให้เขาที่เพิ่งจะมีแฟนได้ไม่นานทนความทรมานในการคิดถึงแบบนี้ยังไงไหว แล้วก็ทุกวันยังจะต้องโดนส้าวส้วยกับไป๋หลินอวดรักจนตาแสบ มันทำให้เขาทรมานอย่างแสนสาหัส
“รีบร้อนอะไร ถ้าเขาผ่านไปไม่ได้ และถูกเทพอ้านควบคุมร่างอีกครั้ง เขาก็คงพุ่งออกมาจากด้านในแล้ว แค่ด้านในไม่มีความเคลื่อนไหว ก็หมายความว่าเขายังทนไหว”
เซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังพัฒนาอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากได้ยินกู่ยี่เทียนพูดก็เหลือบมอง และพูดอย่างนิ่งๆ
กู่ยี่เทียนทรุดตัวลงบนเก้าอี้ของปรมาจารย์ และทำหน้าเหงาเศร้าสร้อย “ส้าวส้วย นายหยุดหยอกเย้าไป๋หลินจะได้มั้ย? นายจงใจใช่มั้ยเหนี่ย? แกล้งฉันมีเมียไม่อยู่นี่?”
คิดถึงหงส์แดง สีหน้าของกู่ยี่เทียนก็ขมขื่นมากขึ้น เขากับหงส์แดงเพิ่งจะสวีตหวานกันได้กี่วัน ยังสวีตกันไม่พอเลย ก็ถูกหลี่ฝางลากมาที่นี่ แถมยังติดต่อไม่ได้ เขาจะขาดใจตายอยู่แล้ว
ไป๋หลินได้ยินคำพูดของกู่ยี่เทียน สีหน้าก็แดงอยู่ครู่ และก็หาเหตุผลขึ้นอย่างลนลาน จากนั้นก็ถอยออกไป ส้าวส้วยมองบนใส่กู่ยี่เทียน และไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ค่อยๆ ตามไป
“เชี่ย!พอกันทีสองคนนี้!เซียนผู้ยิ่งใหญ่ ไอ้หมอนี้มันจะเอาตัวไป๋หลินไปแล้ว นายจะสนใจมั้ยเหนี่ย!”
ไป๋เห้อคนนี้ไม่ได้พูดว่าพอเซียนผู้ยิ่งใหญ่รู้ว่าไป๋หลินหนีตามไปกับส้าวส้วยแล้วจะโกรธไม่ใช่เหรอ? ทำไมหลายวันที่ผ่านมานี่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้โทษอะไรส้าวส้วย แต่กลับเหมือนว่าจะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอย่างนั้น และไม่สนใจพวกเขาแล้วล่ะ?
มือของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังปรุงยาอยู่ชะงักอยู่ครู่ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิม เหมือนกันคนไม่เป็นอะไร
“ลูกโตแล้ว เรื่องบางเรื่องเธอควรตัดสินใจด้วยตัวเอง ฉันก็แก่แล้ว เวลาก็เหลือไม่มาก ก็ควรที่จะให้ลูกได้วางแผนอนาคตของตัวเองแล้ว”
“ผู้เฒ่านี่รู้แจ้งมาก ท่านไม่กลัวว่าส้าวส้วยจะเป็นคนไม่ดี หลังจากนี้จะทำเรื่องไม่ดีกับไป๋หลินเหรอ?”
กู่ยี่เทียนคิดไม่ถึงภายนอกเซียนผู้ยิ่งใหญ่ดูแล้วเหมือนคนหัวโบราณสุดๆ แต่กับเรื่องนี้กลับคิดได้เปิดกว้างขนาดนี้ เขาเอนตัวไปข้างหน้าเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ทำหน้าเหลือเชื่อพลางจ้องเซียนผู้ยิ่งใหญ่
“คนหนุ่มอย่างนาย ทำไมถึงได้ไม่มีมารยาท” เซียนผู้ยิ่งใหญ่ผลักหัวของกู่ยี่เทียนออกไปด้านข้าง ไม่ให้เขาบังสายตาของตัวเอง
วันที่ผ่านมากู่ยี่เทียนอยู่บนภูเขาหลินแทบขาดใจ ไม่มีคนพูดกับเขา เขาจึงไปคุยกับเซียนผู้ยิ่งใหญ่คุยไปคุยมาทั้งสองก็สนิทกันมากขึ้นไม่น้อย
“ชิ ท่านก็เก๊กให้มันน้อยๆ หน่อย ความสัมพันธ์ของพวกเราสองคนจำเป็นต้องถ่อมตัวอะไรแบบนั้นที่ไหน แล้วก็ ที่ท่านพูดเมื่อกี้ว่ามีเวลาอยู่ไม่มากแล้วหมายความว่าไง? หรือว่าครบกำหนดของท่านแล้ว?”
ถึงแม้ว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่พูดเมื่อกี้จะดูขอไปที แต่ก็ยังจับประเด็นได้ เซียนผู้ยิ่งใหญ่คนนี้มีชีวิตมาหลายพันปีแล้ว ตามหลัก เหลือเวลาไม่มากแล้วก็ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ว่านี่จู่ๆ มันพูดออกจากปากของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ กู่ยี่เทียนก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชินเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่นั้นเป็นคนดี ช่วยเหลือพวกเขาไว้มาก รุ่นพี่แบบนี้ถ้าหากจากไปแล้วละก็ สำหรับพวกเขาแล้ว แม้แต่ทั้งโลกยุทธภพก็ยังรู้สึกสูญเสียอย่างมหาศาล
“นี่ก็คือชีวิตของฉัน ครั้งนี้ถ้าหลี่ฝางผ่านมันไปได้ ภารกิจของชีวิตฉันก็ถือว่าเสร็จสิ้น ฉันก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่แล้ว โลกนี้ก็ต้องการเซียนคนใหม่มาปกครอง ที่ของฉันก็ควรจะยกให้หลี่ฝางแล้ว”
เซียนผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มบางๆ ให้กู่ยี่เทียน ราวกับปลงกับการเกิดการตายแล้ว สำหรับสิ่งที่เขาพูดกู่ยี่เทียนก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรมาก อะไรที่เรียกว่าเซียนคนใหม่มาปกครองโลกนี้?