“ไป๋เห้อ!นายเลิกโวยวายได้แล้ว!เซียนผู้ยิ่งใหญ่ได้จากไปแล้ว นายให้ท่านจากไปอย่าเงียบๆ ไม่ได้หรือไง? !”
ไป๋หลินที่อยู่ข้างๆ เห็นท่าทีเขาไม่รู้ความ เลยโมโหจนสะบัดมือตบหน้าเขาไปหนึ่งที พลางดุเขาเสียงแหบ
ไป๋เห้อที่โดนตบนิ่งอยู่กับที่ไปครึ่งนาทีเต็มๆ จากนั้นถึงได้เอามือขึ้นมาปิดหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนหายใจไม่ออก
“เธอพูดอะไรมั่วๆ เมื่อกี้ไม่ใช่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ จะเป็นเขาได้ยังไง นี่เพิ่งจะผ่านไปสามวันเอง เขาไม่นานจะไปเร็วแบบนี้ เธอให้ฉันเข้าไปหาเขาเถอะ มันต้องมีทางสิ เธอให้ฉันเข้าไป ขอร้องพวกเธอล่ะให้ฉันเข้าไปเถอะ!”
จนสุดท้ายไป๋เห้อก็คุกเข่าลงกับพื้นอ้อนวอนพวกไป๋หลิน น้ำตาเม็ดใหญ่หยดลงมาจากใบหน้าเขา อารมณ์ความทุกข์นี้แพร่ไปยังทุกคนที่อยู่ที่นี่
ไม่รู้ว่าคร่ำครวญไปนานเท่าไหร่ สุดท้ายไป๋เห้อก็ร้องพอแล้ว ร้องเหนื่อยแล้ว ดวงตาสองข้างบวมจนดูไม่ได้ เสียงก็แหบจนพูดไม่ออก
“พวกนายไม่ต้องห้ามฉันแล้ว ฉันใจเย็นลงแล้ว ตอนนี้ให้ฉันเข้าไปจัดแจงเสื้อผ้าแทนเซียนผู้ยิ่งใหญ่เถอะ”
ไป๋เห้อใส่สองมือพยุงเข่าตัวเอง ลุกขึ้นยืนจากพื้น จากนั้นก็ปัดฝุ่นและดินบนเสื้อผ้าตัวเองจนสะอาด พลางมองไป๋หลินและฝืนยิ้มอยากทรมาน
“นาย……เข้าไปส่งเซียนผู้ยิ่งใหญ่ดีๆ สักครั้งเถอะ……”
อารมณ์ของไป๋หลินก็ไม่ได้ดีไปกว่าสักเท่าไหร่ เธอกวักมือเรียกไป๋เห้อ และเห็นด้วยกับคำที่เขาพูด
เซียนผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีทายาท ไป๋เห้อก็เหมือนกับลูกของเขา ตามธรรมเนียม คนเฒ่าจากไปแล้ว ต้องให้ลูกหลานมาสวมชุดแทนเขาให้เรียบร้อย ให้ผู้เฒ่าได้ไปสู่สุคติ
ไป๋เห้อเดินเข้าไปในห้องของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ พลางมองเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งท่าสมาธิบนเตียง ชั่วพริบตาก็ร้องไห้โฮขึ้นอีกครั้ง
เซียนผู้ยิ่งใหญ่ในตอนนี้หลับตาลง นอกจากสีเลือดฝาดที่ปากดูจางลงไปแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนกับตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ทุกอย่าง
ยังไงไป๋เห้อก็ไม่เชื่อว่าคนที่ยังดีๆอยู่แล้ว นั้นไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว
“เซียนผู้ยิ่งใหญ่!” ไป๋เห้อพุ่งเข้าไปที่เตียงของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ หลังจากตะโกนร้องเสียงดังก็เริ่มร้องไห้โฮขึ้นมา
ไป๋หลินที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงร้องไห้ใจแหลกสลายของเขา ก็ซุกเข้าไปในอกของส้าวส้วย และร้องไห้โฮ
งานศพของเซียนผู้ยิ่งใหญ่จัดขึ้นอย่างรัดกุม ตกแต่งห้องโถงเซ่นไหว้อย่างง่ายๆ จากนั้นไป๋เห้อก็เผาศพของเซียนผู้ยิ่งใหญ่
ในเย็นวันนั้นหลี่ฝางก็ได้เดินออกมาจากอ่างน้ำยา ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ตอนนี้เขาได้มาถึงขั้นที่สูงขึ้นแล้วเขามีความสามารถรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกได้
ตอนที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่จากไปเขารู้สึกถึงพลังงานแปรปรวนบางอย่าง จากนั้นในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ เดินออกจากอ่างน้ำยา มองเห็นโคมไฟและม่านสีขาวที่แขวนอยู่บนผนัง ความรู้สึกไม่ดีในใจเขาก็ยิ่งทวีคูณ
หลี่ฝางเร่งฝีเท้า เดินไปยังห้องโถงด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“นี่มันเรื่องอะไร? ใครตาย? ทำไมถึงได้แขวนโคมขาวล่ะ?”
หลี่ฝางเดินเข้ามาในห้องโถง และถามทุกคนอย่างร้อนรน ส้าวส้วยกับกู่ยี่เทียนเห็นเขา ตอนแรกก็ดีใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานนัยน์ตาก็มืดมนลงอีกครั้ง
“ไป๋เห้อ ไป๋หลิน ทำไมพวกนายใส่ชุดไว้ทุกข์? เซียนผู้ยิ่งใหญ่ล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
หลี่ฝางมองไปตรงหน้าที่เซ่นไหว้ เห็นไป๋เห้อกับไป๋หลินสวมชุดไว้ทุกข์คุกเข่าอยู่ ใจก็หล่นวูบ
เซียนผู้ยิ่งใหญ่คงไม่ได้เสียแล้วใช่มั้ย?
“หลี่ฝาง นายไปเถอะ พวกเราภูเขาหลินไม่ต้อนรับนายแล้ว”
ถึงแม้ว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่จะยินดีมอบยาคมจิตหลิงหลงเอาไปปรุงยาล้างไขกระดูกให้หลี่ฝาง แต่ในใจของไป๋เห้อก็ยังคงเกิดความแค้นต่อหลี่ฝางอยู่ดี
ถ้าหากหลี่ฝางไม่มาหาเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าหากหลี่ฝางไม่อยากไปพาหลี่ต๋าคางกลับมา แบบนั้นเซียนผู้ยิ่งใหญ่คงไม่ต้องเสียเวลาและเสียแรงช่วยขามากขนาดนี้ และก็ไม่ต้องเอายาคมจิตหลิงหลงของตนออกมาปรุง เป็นยาล้างไขกระดูกให้เขา
สาเหตุที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่จากไป ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะหลี่ฝางทำ ไป๋เห้อบอกให้ตนเองทำใจเผชิญหน้ากับหลี่ฝางอย่างใจเย็นไม่ได้จริงๆ
ได้ยินที่ไป๋เห้อพูด หลี่ฝางก็รู้ว่าที่เขาคาดเดานั้นเป็นเรื่องจริง ทันใดนั้นสีหน้าก็ย่ำแย่ลง มองส้าวส้วยที่อยู่ด้านข้างพลางถาม
“ส้าวส้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่ามีคนฉวยโอกาสตอนที่ฉันไม่อยู่ลงมือกับเซียนผู้ยิ่งใหญ่เหรอ?”
ส้าวส้วยมองหลี่ฝางด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ลากหลี่ฝางออกมาจากห้องพิธี
“พลังของนายเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นแล้วใช่มั้ย?” ส้าวส้วยขมวดคิ้วพลางถาม
ถึงแม้ว่าหลี่ฝางจะไม่รู้ว่าเรื่องที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ตายกับเรื่องที่พลังของตนเพิ่มขึ้นอีกขั้นมันเกี่ยวอะไรกัน แต่ก็พยักหน้าตามความจริง
“เฮ้อ นายรู้มั้ยตอนหลังเซียนผู้ยิ่งใหญ่เอาอะไรให้นายดื่ม? นั่นคือยาล้างไขกระดูก ขอแค่นายดื่มมันเข้าไป ร่างกายนายก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ขณะเดียวกันพลังก็จะเพิ่มขึ้น และสำเร็จ ความเร็วในการฝึกพลังของนายก็จะเร็วกว่าเมื่อก่อนมากๆ ”
“ยาล้างไขกระดูกเกี่ยวอะไรกับการตายของเซียนผู้ยิ่งใหญ่?”
ตอนที่หลี่ฝางดมกลิ่นหอมของยาล้างไขกระดูกก็รู้เดาได้เลยว่าของสิ่งนี้ต้องเป็นสมบัติของมวลมนุษย์แน่ๆ แต่แค่เขาไม่เข้าใจ เรื่องที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ตายเกี่ยวอะไรกับสิ่งนี้?
“เกี่ยวมากเลยแหละ นั่นคือสิ่งที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ใช้ยาคมจิตหลิงหลงของเขาทำมันออกมา”
ส้าวส้วยส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ และบอกความจริงกับหลี่ฝาง ทันใดนั้นหลี่ฝางก็ชะงักนิ่งอยู่กับที่ ครึ่งค่อนวันกว่าจะดึงสติกลับมาได้
เขาคิดไม่ถึงเลย ว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่จะถึงขั้นเอายาคมจิตหลิงหลงของตนออกมาทำยาล้างไขกระดูกให้เขา
“ทำไมนายไม่ห้ามเขา!ถ้าฉันรู้ว่ายาล้างไขกระดูกใช้ยาคมจิตหลิงหลงของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ทำออกมา ตีให้ตายฉันก็ไม่ดื่มมันหรอก!”
หลี่ฝางในตอนนี้หงุดหงิดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เดิมทีเขายังดีใจที่พลังของเขานั้นแข็งแกร่งสูงขึ้นไปอีกขั้น แล่หลังจากได้ยินข่าวนี้อารมณ์ของเขาก็ดิ่งลงทันที
ถ้าหากเขารู้ว่าการที่เขาจะมีพลังเพิ่มขึ้นจะต้องแลกกับชีวิตของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ เขายินดียอมใช้เวลาฝึกยุทธไปอีกสิบปี แต่จะไม่ยอมดื่มยาล้างไขกระดูกนั่น