NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1408 ห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตาย

บทที่ 1408 ห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตาย

“ไป๋เห้อ!นายเลิกโวยวายได้แล้ว!เซียนผู้ยิ่งใหญ่ได้จากไปแล้ว นายให้ท่านจากไปอย่าเงียบๆ ไม่ได้หรือไง? !”

ไป๋หลินที่อยู่ข้างๆ เห็นท่าทีเขาไม่รู้ความ เลยโมโหจนสะบัดมือตบหน้าเขาไปหนึ่งที พลางดุเขาเสียงแหบ

ไป๋เห้อที่โดนตบนิ่งอยู่กับที่ไปครึ่งนาทีเต็มๆ จากนั้นถึงได้เอามือขึ้นมาปิดหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนหายใจไม่ออก

“เธอพูดอะไรมั่วๆ เมื่อกี้ไม่ใช่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ จะเป็นเขาได้ยังไง นี่เพิ่งจะผ่านไปสามวันเอง เขาไม่นานจะไปเร็วแบบนี้ เธอให้ฉันเข้าไปหาเขาเถอะ มันต้องมีทางสิ เธอให้ฉันเข้าไป ขอร้องพวกเธอล่ะให้ฉันเข้าไปเถอะ!”

จนสุดท้ายไป๋เห้อก็คุกเข่าลงกับพื้นอ้อนวอนพวกไป๋หลิน น้ำตาเม็ดใหญ่หยดลงมาจากใบหน้าเขา อารมณ์ความทุกข์นี้แพร่ไปยังทุกคนที่อยู่ที่นี่

ไม่รู้ว่าคร่ำครวญไปนานเท่าไหร่ สุดท้ายไป๋เห้อก็ร้องพอแล้ว ร้องเหนื่อยแล้ว ดวงตาสองข้างบวมจนดูไม่ได้ เสียงก็แหบจนพูดไม่ออก

“พวกนายไม่ต้องห้ามฉันแล้ว ฉันใจเย็นลงแล้ว ตอนนี้ให้ฉันเข้าไปจัดแจงเสื้อผ้าแทนเซียนผู้ยิ่งใหญ่เถอะ”

ไป๋เห้อใส่สองมือพยุงเข่าตัวเอง ลุกขึ้นยืนจากพื้น จากนั้นก็ปัดฝุ่นและดินบนเสื้อผ้าตัวเองจนสะอาด พลางมองไป๋หลินและฝืนยิ้มอยากทรมาน

“นาย……เข้าไปส่งเซียนผู้ยิ่งใหญ่ดีๆ สักครั้งเถอะ……”

อารมณ์ของไป๋หลินก็ไม่ได้ดีไปกว่าสักเท่าไหร่ เธอกวักมือเรียกไป๋เห้อ และเห็นด้วยกับคำที่เขาพูด

เซียนผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีทายาท ไป๋เห้อก็เหมือนกับลูกของเขา ตามธรรมเนียม คนเฒ่าจากไปแล้ว ต้องให้ลูกหลานมาสวมชุดแทนเขาให้เรียบร้อย ให้ผู้เฒ่าได้ไปสู่สุคติ

ไป๋เห้อเดินเข้าไปในห้องของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ พลางมองเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งท่าสมาธิบนเตียง ชั่วพริบตาก็ร้องไห้โฮขึ้นอีกครั้ง

เซียนผู้ยิ่งใหญ่ในตอนนี้หลับตาลง นอกจากสีเลือดฝาดที่ปากดูจางลงไปแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนกับตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ทุกอย่าง

ยังไงไป๋เห้อก็ไม่เชื่อว่าคนที่ยังดีๆอยู่แล้ว นั้นไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว

“เซียนผู้ยิ่งใหญ่!” ไป๋เห้อพุ่งเข้าไปที่เตียงของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ หลังจากตะโกนร้องเสียงดังก็เริ่มร้องไห้โฮขึ้นมา

ไป๋หลินที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงร้องไห้ใจแหลกสลายของเขา ก็ซุกเข้าไปในอกของส้าวส้วย และร้องไห้โฮ

งานศพของเซียนผู้ยิ่งใหญ่จัดขึ้นอย่างรัดกุม ตกแต่งห้องโถงเซ่นไหว้อย่างง่ายๆ จากนั้นไป๋เห้อก็เผาศพของเซียนผู้ยิ่งใหญ่

ในเย็นวันนั้นหลี่ฝางก็ได้เดินออกมาจากอ่างน้ำยา ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ตอนนี้เขาได้มาถึงขั้นที่สูงขึ้นแล้วเขามีความสามารถรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกได้

ตอนที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่จากไปเขารู้สึกถึงพลังงานแปรปรวนบางอย่าง จากนั้นในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ เดินออกจากอ่างน้ำยา มองเห็นโคมไฟและม่านสีขาวที่แขวนอยู่บนผนัง ความรู้สึกไม่ดีในใจเขาก็ยิ่งทวีคูณ

หลี่ฝางเร่งฝีเท้า เดินไปยังห้องโถงด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

“นี่มันเรื่องอะไร? ใครตาย? ทำไมถึงได้แขวนโคมขาวล่ะ?”

หลี่ฝางเดินเข้ามาในห้องโถง และถามทุกคนอย่างร้อนรน ส้าวส้วยกับกู่ยี่เทียนเห็นเขา ตอนแรกก็ดีใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานนัยน์ตาก็มืดมนลงอีกครั้ง

“ไป๋เห้อ ไป๋หลิน ทำไมพวกนายใส่ชุดไว้ทุกข์? เซียนผู้ยิ่งใหญ่ล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”

หลี่ฝางมองไปตรงหน้าที่เซ่นไหว้ เห็นไป๋เห้อกับไป๋หลินสวมชุดไว้ทุกข์คุกเข่าอยู่ ใจก็หล่นวูบ

เซียนผู้ยิ่งใหญ่คงไม่ได้เสียแล้วใช่มั้ย?

“หลี่ฝาง นายไปเถอะ พวกเราภูเขาหลินไม่ต้อนรับนายแล้ว”

ถึงแม้ว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่จะยินดีมอบยาคมจิตหลิงหลงเอาไปปรุงยาล้างไขกระดูกให้หลี่ฝาง แต่ในใจของไป๋เห้อก็ยังคงเกิดความแค้นต่อหลี่ฝางอยู่ดี

ถ้าหากหลี่ฝางไม่มาหาเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าหากหลี่ฝางไม่อยากไปพาหลี่ต๋าคางกลับมา แบบนั้นเซียนผู้ยิ่งใหญ่คงไม่ต้องเสียเวลาและเสียแรงช่วยขามากขนาดนี้ และก็ไม่ต้องเอายาคมจิตหลิงหลงของตนออกมาปรุง เป็นยาล้างไขกระดูกให้เขา

สาเหตุที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่จากไป ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะหลี่ฝางทำ ไป๋เห้อบอกให้ตนเองทำใจเผชิญหน้ากับหลี่ฝางอย่างใจเย็นไม่ได้จริงๆ

ได้ยินที่ไป๋เห้อพูด หลี่ฝางก็รู้ว่าที่เขาคาดเดานั้นเป็นเรื่องจริง ทันใดนั้นสีหน้าก็ย่ำแย่ลง มองส้าวส้วยที่อยู่ด้านข้างพลางถาม

“ส้าวส้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่ามีคนฉวยโอกาสตอนที่ฉันไม่อยู่ลงมือกับเซียนผู้ยิ่งใหญ่เหรอ?”

ส้าวส้วยมองหลี่ฝางด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ลากหลี่ฝางออกมาจากห้องพิธี

“พลังของนายเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นแล้วใช่มั้ย?” ส้าวส้วยขมวดคิ้วพลางถาม

ถึงแม้ว่าหลี่ฝางจะไม่รู้ว่าเรื่องที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ตายกับเรื่องที่พลังของตนเพิ่มขึ้นอีกขั้นมันเกี่ยวอะไรกัน แต่ก็พยักหน้าตามความจริง

“เฮ้อ นายรู้มั้ยตอนหลังเซียนผู้ยิ่งใหญ่เอาอะไรให้นายดื่ม? นั่นคือยาล้างไขกระดูก ขอแค่นายดื่มมันเข้าไป ร่างกายนายก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ขณะเดียวกันพลังก็จะเพิ่มขึ้น และสำเร็จ ความเร็วในการฝึกพลังของนายก็จะเร็วกว่าเมื่อก่อนมากๆ ”

“ยาล้างไขกระดูกเกี่ยวอะไรกับการตายของเซียนผู้ยิ่งใหญ่?”

ตอนที่หลี่ฝางดมกลิ่นหอมของยาล้างไขกระดูกก็รู้เดาได้เลยว่าของสิ่งนี้ต้องเป็นสมบัติของมวลมนุษย์แน่ๆ แต่แค่เขาไม่เข้าใจ เรื่องที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ตายเกี่ยวอะไรกับสิ่งนี้?

“เกี่ยวมากเลยแหละ นั่นคือสิ่งที่เซียนผู้ยิ่งใหญ่ใช้ยาคมจิตหลิงหลงของเขาทำมันออกมา”

ส้าวส้วยส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ และบอกความจริงกับหลี่ฝาง ทันใดนั้นหลี่ฝางก็ชะงักนิ่งอยู่กับที่ ครึ่งค่อนวันกว่าจะดึงสติกลับมาได้

เขาคิดไม่ถึงเลย ว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่จะถึงขั้นเอายาคมจิตหลิงหลงของตนออกมาทำยาล้างไขกระดูกให้เขา

“ทำไมนายไม่ห้ามเขา!ถ้าฉันรู้ว่ายาล้างไขกระดูกใช้ยาคมจิตหลิงหลงของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ทำออกมา ตีให้ตายฉันก็ไม่ดื่มมันหรอก!”

หลี่ฝางในตอนนี้หงุดหงิดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เดิมทีเขายังดีใจที่พลังของเขานั้นแข็งแกร่งสูงขึ้นไปอีกขั้น แล่หลังจากได้ยินข่าวนี้อารมณ์ของเขาก็ดิ่งลงทันที

ถ้าหากเขารู้ว่าการที่เขาจะมีพลังเพิ่มขึ้นจะต้องแลกกับชีวิตของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ เขายินดียอมใช้เวลาฝึกยุทธไปอีกสิบปี แต่จะไม่ยอมดื่มยาล้างไขกระดูกนั่น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท