ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 3 รีบๆ มีเหลนให้ฉันอุ้มสักทีสิ!

ตอนที่ 3 รีบๆ มีเหลนให้ฉันอุ้มสักทีสิ!

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 3 รีบๆ มีเหลนให้ฉันอุ้มสักทีสิ!
ทั้งคู่ที่คุยกันอยู่หันไปมองยังต้นทาง ปรากฏให้เห็นร่างของชายหนุ่มในชุดสูทราคาแพง ร่างสูงโปร่งเยื้องย่างด้วยท้วงทีที่สุขุมเขายกมือขึ้นจัดทรงผมก่อนเล็กน้อยแล้วตรงมายังบุคคลทั้งสอง

เรียวคิ้วยาวถึงขมับ จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบางและเฉียบคม นัยน์ตาสีนิลดุจน้ำหมึกฉาบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เสียงทุ้มต่ำราบเรียบค่อยๆ ดังขึ้น

“โมโหใครอยู่ครับคุณย่า”

แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบลงเข้าทางข้างลำตัวยิ่งขับให้รูปร่างดูล่ำสัน ท่วงท่าการเคลื่อนกายทั้งท่าเดินและการแกว่งมือล้วนแสดงออกถึงความรักในศักดิ์ศรีและความภูมิฐาน

หญิงชราจ้องมองหลานชายอย่างพึงใจ เธอหันไปส่งสายตาให้กับหญิงรับใช้ ไหลหรงเห็นดังนั้นก็รีบเดินออกไปอย่างเร่งรีบ

ชายหนุ่มย่อตัวลง คว้ามือของนายหญิงมากุมเอาไว้ พลางจ้องมองไปยังสาวเหลือน้อยที่นั่งบุ้ยปากไม่พอใจก่อนเสียงทุ้มจะหลุดขำออกมา

“ใครหน้าไหนมันกล้าทำให้คุณย่าอารมณ์เสีย หลานชายคนนี้จะไปสั่งสอนมันให้เอง!”

หญิงชราเบ้ปาก “นอกจากคนไม่เอาไหนอย่างแกแล้วจะมีใครอีกล่ะ?! รีบๆ มีเหลนให้ฉันอุ้มสักทีสิ!”

นัยน์ตาสีนิลกลอกกลิ้งไปมาด้วยความระอา

“คุณย่าครับ ผมเพิ่งกลับประเทศมาจะไปหาสาวที่ไหนมาอุ้มท้องเหลนให้คุณย่าละครับ”

หญิงชราทำเสียงฟึดฟัด “จะกี่เดือนกี่ปี แกก็อ้างของแกแบบนี้ตลอด!”

เธอว่าพลางทำแก้มป่อง เบือนหน้าไปทางที่เฉินฝานซิงยืนอยู่

ไหลหรงได้เดินไปหยุดตรงหน้าเธอเรียบร้อยแล้ว เมื่อเด็กสาวทอดมองมาทางนี้หญิงชราจึงได้ยกแขนขึ้นโบกมือไปมาส่งให้เธอ

แม้จะระแวงอยู่บ้าง แต่เฉินฝานซิงก็ยอมเดินตามไหลหรงไปอย่างว่าง่าย

ป๋อจิ่งชวนหยัดกายขึ้นทอดมองหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งที่ไหลหรงกำลังพาเดินมาทางนี้

สีหน้าตาซีดเซียวไม่ได้บดบังความงดงามของเธอเลยแม้แต่น้อย ขณะที่เดินมาชุดคนป่วยตัวโคร่งที่เธอสวมอยู่ก็พัดกระพืออย่างหนักจนทำให้เห็นว่าร่างกายภายใต้เสื้อผ้านั้นบอบบางเพียงใด

ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำเปลือกไม้เพ่งมองดวงหน้าของหญิงสาวที่ใกล้เข้ามาทุกที

เมื่อเฉินฝานซิงใกล้เข้ามา เขาก็สบตาเข้ากับแววตาระแวงปนสับสนพอดี นั่นจึงทำให้เขาค่อยๆ ละสายตาออกมา

ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อขึ้นใจจิตใจ คงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับผู้หญิงที่ไม่มีท่าทีหวั่นไหวเมื่อได้สบตากับเขา

ยิ่งไปกว่านั้นแววตาของเธอที่มองมายังเขาเพียงชั่วอึดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นคุณย่าของเขาแทน

สายตาแสนเย็นชาและเฉยเมยคู่นั้นไม่เพียงแต่ทำให้เขาประหลาดใจแต่ยังทำให้ความรู้สึกผิดหวังปลิวว่อนอยู่ในอก

เขาอึ้งสนิท มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อยในองศาที่เบาบางยากที่จะสังเกตเห็น

“คุณยายเรียกหนูมามีอะไรหรือเปล่าคะ”

เฉินฝานซิงโน้มตัวขณะพูด น้ำเสียงอิดโรยและอ่อนโยนตามแบบฉบับของคนป่วย

ทำให้นัยน์ตาของป๋อจิ่งชวนที่ยืนอยู่ข้างกันทอแสงประกายวูบวาบ

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดขณะพูดคุยสำหรับผู้ที่นั่งวีลแชร์นั่นก็คือการเงยหน้าเพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อกระดูกหลังคอของท่านได้

เขาเองก็ระวังเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่บอกก็รู้ว่าการอยู่ในอิริยาบถแบบนี้มันลำบากขนาดไหน

มันแทบไม่ต่างกับกระบวนยืนม้าสี่เรียบเลยก็ว่าได้

แล้วผู้หญิงผอมบางคนนี้…

รอยยิ้มในดวงตาของหญิงชราดูอิ่มเอมขึ้น เธอคว้ามือของเฉินฝานซิงเข้ามา จ้องมองใบหน้าของเด็กสาวไปพลางผงกศีรษะซ้ำๆ

“เอ้อ ไม่เลว ไม่เลว ไม่เลวเลยจริงๆ!”

เฉินฝานซิงยังคงไม่เข้าใจ ได้เพียงรักษามารยาทและไม่หลุดยิ้มเฝื่อนออกไป

“เด็กน้อย ไม่ต้องห่วงนะย่าน่ะไม่ใช้คนเลวร้ายอะไรหรอก แค่อยู่คนเดียวแล้วมันน่าเบื่อไปหน่อย เห็นหนูเข้าแล้วรู้สึกถูกชะตา ก็เลยให้คนไปเรียกมาหาน่ะ อาจจะดูบุ่มบ่ามไปหน่อย ไม่โกรธย่าเนอะ!”

สีหน้ายินดีเผชิญหน้ากับหญิงชราพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ หนูเองก็ตัวคนเดียวเหมือนกัน”

ขณะที่พูดนั้น ความขมขื่นก็ปรากฏให้เห็นในดวงตาสุกใสของเด็กสาว หญิงชราคว้ามือของเธอมากุมไวแล้วตบลงไปเบาๆ อย่างนึกเอ็นดู

“เด็กดี เธอชื่ออะไรจ๊ะ”

“ฝานซิงค่ะ เฉินฝานซิง”

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

Status: Ongoing

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้

เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้

ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด!

“การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท