ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 65 ให้ผมนำของไปให้ / ตอนที่ 66 พังรถคันนั้นให้ฉัน

ตอนที่ 65 ให้ผมนำของไปให้ / ตอนที่ 66 พังรถคันนั้นให้ฉัน

ตอนที่ 65 ให้ผมนำของไปให้

ครืด ครืด เสียงนั้นได้ยินชัดเจนเมื่ออยู่ในห้องประชุมอันเงียบสงบ…

นัยน์ตาสีดำดุจน้ำหมึกกลอกมายังหางตาอย่างอัตโนมัติแล้วค่อยๆ ปรายตามองหนึ่งครั้งนั้นยิ่งทำให้ทุกคน ณ ที่นั่นตื่นตัวจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก

อวี๋ซงยกโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างเลิ่กลั่ก กลับพบว่ามันเป็นโทรศัพท์ของคุณผู้ชายของเขาแถมตัวหนังสือที่โชว์หราอยู่นั่นก็คือ “ฝานซิง”

เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก หลังจากแอบใคร่ครวญอยู่สองวินาที สุดท้ายเขาก็เดินไปรับโทรศัพท์ตรงมุมของห้องประชุมโดยไม่สนสายตาของผู้คนที่กำลังตื่นตระหนก

“ครับ คุณหนูเฉิน”

“อวี๋ซง?” เสียงอันว่างเปล่าเธอแว่วมาตามสาย

อวี๋ซงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ครับ คุณหนูเฉิน คุณผู้ชายกำลังประชุมอยู่ครับ”

เฉินฝานซิงปิดประตูรถเสียงดัง ปั้ง “โอเค ตอนนี้ฉันอยู่กับคุณท่านป๋อ คุณรีบมาที่จัตุรัสซินซื่อเจี้ยด่วนเลย…”

อวี๋ซงตะลึงไปก่อนจะตอบรับ “…ครับ!”

หลังจากวางสายไปแล้ว อวี๋ซงรีบก้าวไปหยุดตรงหน้าป๋อจิ่งชวนแล้วโน้มตัวรายงานเบาๆ ที่ข้างหู

“คุณผู้ชาย เป็นสายของคุณหนูเฉินครับ ตอนนี้เธอกำลังอยู่กับนายหญิงที่จัตุรัสซินซื่อเจี้ย ฟังจากน้ำเสียงแล้วไม่ค่อยชอบมาพากล…เธอบอกให้ผมไปที่นั่นแล้วให้นำของบางอย่างไปให้…”

ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วสูง “อืม”

หลังจากนั้นเฉินฝานซิงก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารถของเฉินเชียนโหรว

“แกคิดจะทำบ้าอะไร”

“ฉันก็แค่อยากจะสอนความเป็นคนให้กับพวกเธอ! สอนให้เธอรู้ว่าคุณค่าของชีวิตคืออะไร”

ซูเหิงขมวดคิ้วแน่น ก้าวขึ้นมาบังหลินเฟยเฟยและเฉินเชียนโหรวไว้ จ้องมองเฉินฝานซิงอย่างคิดไม่ตก

“ฝานซิง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ว่าตามตรงก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไรวันนี้ขอให้แล้วกันไปไม่ได้เหรอ”

“แล้วกันไป?” เฉินฝานซิงกวาดมองเขาอย่างเยือกเย็น “ลืมที่ฉันบอกกับนายไปแล้วหรือไง ตั้งแต่ฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลวันนั้น เรื่องระหว่างฉันกับเฉินเชียนโหรวก็ไม่มีคำว่า ‘เลิกแล้วต่อกัน’ อยู่ในตัวเลือก”

ใบหน้าซูเหิงเต็มไปด้วยความจนใจ “ฝานซิง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังโกรธฉันอยู่ แต่…เธอช่วยใจเย็นๆ ลงหน่อยไม่ได้เหรอ”

เฉินฝานซิงเม้มปากผินหน้าไปอีกทางพร้อมกับรอยยิ้มถากถางตรงมุมปากที่ปิดไม่มิด

“ที่นี่ไม่มีเรื่องของฉันกับนาย แต่ถ้านายอยากยื่นมือเข้ามาร่วม ฉันก็ไม่มีทางเลือก”

อีกด้านหนึ่งหลินเฟยเฟยกำลังจ้องมองเฉินฝานซิงอย่างขุ่นเคือง “ให้ไปสองแสนถือว่าไว้หน้าแล้วนะที่เชียนโหรวไม่คิดติดใจพวกแก คิดจะเหยียบจมูกขึ้นหน้า [1] กันใช่ไหม!”

“เหอะ ฉันว่าเธอแค่ไม่พอใจมากกว่า คิดว่าสองล้านแปดเมื่อกี้ยังน้อยไป ถึงได้อยากตักตวงจากพวกเราอีกหน่อยใช่ไหมล่ะ”

“อยากได้เงินก็บอกตรงๆ เลยสิ ยังไงซะก็เป็นศิษย์เก่าร่วมสถาบันกันมาสองปี ให้เธอยืมสักนิดสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไม่แน่อาจเป็นความสุขของฉันก็ได้ บอกว่าไม่ต้องคืนก็ไม่ต้องคืนล่ะ เธอคิดว่ามันคุ้มไหมเนี่ยที่อุตส่าห์เสียแรงชนเครื่องเคลือบ [2] แล้วรีดไถแบบนี้”

หลินเฟยเฟยพูดเองเออเองไปฝ่ายเดียว น้ำเสียงอัดแน่นไปด้วยความเหน็บแนมและหยามเหยียด

เฉินฝานซิงไม่สะทกสะท้านสีหน้าไร้อารมณ์ปล่อยให้หลินเฟยเฟยโชว์เดี่ยวไมโครโฟนไปคนเดียว

“นายหญิงคะ…”

อีกด้านหนึ่งไหลหรงทนฟังต่อไปไม่ไหว ดูจากรถที่คนกลุ่มนี้ขับแล้ว ถ้าไม่ใช่คนมีฐานะก็เป็นพวกผู้ดี ผู้หญิงของสองคนนั่นมองยังไงก็ดูเป็นลูกคุณหนู มาถึงขั้นนี้แต่ทำไมกลับมีความคิดต่ำๆ ได้ขนาดนี้

หญิงชราซึ่งหันหลังให้แก่คนเหล่านั้นตั้งแต่ต้น เมื่อได้ยินเสียงของไหลหรงที่พูดแล้วเงียบไปเธอจึงยกมือขึ้นยั้งคำพูดของไหลหรงด้วยท่าทีนิ่งสงบ

“ช้าก่อน รอดูว่าหนูฝานซิงจะจัดการยังไง!”

“แต่ว่า…”

“ผ่านอะไรมาตั้งเยอะ หากอยู่ต่อหน้าคนพวกนั้นแล้วยังปล่อยตัวเองถูกรังแกได้อีก งั้นเธอก็คงไม่สมเป็นสะใภ้บ้านสกุลป๋อของเรา!”

ตอนที่ 66 พังรถคันนั้นให้ฉัน

“ผ่านอะไรมาตั้งเยอะ หากอยู่ต่อหน้าคนพวกนั้นแล้วยังปล่อยตัวเองถูกรังแกได้อีก งั้นเธอก็คงไม่สมเป็นสะใภ้บ้านสกุลป๋อของเรา!”

“ค่ะ นายหญิง” น้ำเสียงหนักแน่นของนายหญิงทำให้หญิงรับใช้ไม่พูดอะไรต่อ

สิบนาทีให้หลัง โออาร์วีคันสีดำก็ได้มาจอดอยู่ข้างๆ รถของเฉินฝานซิงอย่างรวดเร็ว

ตามมาด้วยรถอีกคันที่เคลื่อนมาจอดติดๆ

นั่นคือ มายบัคที่เงียบสงบ

อวี๋ซงกระโดดลงมาจาก มายบัคคันนั้นก่อนที่เฉินฝานซิงจะเดินเข้าไปหา

“คุณหนูเฉิน” เขาเอ่ยพลางโน้มคำนับ

“ของที่บอกให้คุณเอามา ได้เอามาหรือเปล่า”

“นำมาแล้วครับ”

เขาตอบก่อนจะถอยไปยังรถโออาร์วีคันนั้นแล้วยกมือขึ้นให้สัญญาณ

ประตูของรถโออาร์วีคันนั้นก็เปิดออกทันที ชายร่างกำยำห้าคนในชุดสูทสีดำทยอยเดินกันลงมา ทุกคนมีค้อนสีเงินวาวถืออยู่ในมือ

ท่าทางดุดันนั้นทำเอาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตื่นตระหนกจนถอยกรูกันไปคนละก้าว

“ไม่ทราบว่า…คุณหนูเฉินให้ผมพาคนพวกนี้มาทำไมกันครับ”

ตอนโทรคุยกันเฉินฝานซิงก็ไม่ได้บอกอะไร แค่บอกให้เขาพาบอดี้การ์ดมาให้สักสี่ห้าคนและให้นำเครื่องมือมาด้วย

เขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ในเมื่อคุณผู้ชายอนุญาตแล้วก็เลยพามาได้

แต่มันก็น่าสงสัยอยู่ดี

เฉินฝานซิงยกมุมปากขึ้นอย่างเยือกเย็น หยิบกระเป๋าเงินออกมาจากรถแล้วหยิบเช็คขึ้นมาเขียนจำนวนเงินลงไปมูลค่าแปดล้านห้าแสน ก่อนจะเดินไปหยุดลงตรงหน้าเฉินเชียนโหรว

“แปดล้านห้า! รับไป”

“พี่คิดจะทำอะไร”

เฉินเชียนโหรวกำลังมองคนที่ลงมาจากรถเหล่านั้นด้วยหัวใจระส่ำ

สีหน้าตื่นตระหนก หันมองเฉินฝานซิงอย่างหวาดระแวง

ภายในใจคาดเดาไปในทางที่ไม่เป็นสิริมงคล…

คนพวกนี้ถูกจ้างมาให้ทำร้ายเธอเหรอ

แต่ว่าเฉินฝานซิงกลับไม่สนใจเธอ เธอจับเช็คใบนั้นยัดใส่มือของเชียนโหรวโดยไม่ตอบคำถามใดๆ

จากนั้นก็เดินไปยังคนที่เดินลงมาจากรถโออาร์วีเหล่านั้น สองแขนยกขึ้นกอดอกแล้วหลบไปอีกทาง แล้วเชิดคางไปยังรถที่จอดอยู่ข้างๆ เฉินเชียนโหรว

แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไร้อารมณ์ว่า

“พังรถคันนั้นให้ฉัน!”

“…”

“…”

ต่างคนต่างก็อึ้งรับประทาน

บอดี้การ์ดเหล่านั้นเองก็ชะงักไปเช่นกัน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่ได้หูฝาดพวกเขาก็ได้ตรงเข้าไปอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าเรียบเฉยง้างค้อนในมือขึ้นทุบลงไปยังกระจกหน้ารถ

กระจกได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที

“อ๊ายยย”

เฉินเชียนโหรวร้องเสียงแหลม ซูเหิงปรี่เข้าไปโอบเธอและหลินเฟยเฟยให้พ้นทาง

เสียงทุบนั้นดังสนั่นหวั่นไหว คนที่ห้อมล้อมกันเขายิ่งมากันมากขึ้น

เสียงเกรียวกราวที่ดังขึ้นกว่าเก่าไม่อาจกลบเสียงทุบรถที่ดัง ตึ้งตึ้ง ลงไปได้

สีหน้าเฉยเมยของหญิงชราค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างสบายใจ

อวี๋ซงที่อยู่ข้างๆ ก็อับอายจนเหงื่อตก ยกมือขึ้นมาถูจมูกอย่างอดไม่ได้

นี่เขาพลาดอะไรไปงั้นเหรอ?

คุณหนูเฉินกลายเป็นคนห้าวหาญแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ซื้อเฟอร์รารี่แล้วจากนั้นก็ทำให้มันกลายเป็นเศษเหล็กกองหนึ่งไปเสียตรงนั้นเลย?

สุดยอดไปเลย!

บุคคลแรกแห่งประวัติการณ์!

เฉินเชียนโหรวมองรถแสนรักตาค้างอีกไม่นานมันคงจะกลายเป็นเศษเหล็กไปต่อหน้าต่อตาเธอ หลังจากที่คนเหล่านั้นจากไปแล้วเธอจึงค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา

ฝ่ามือกำเช็คที่เฉินเชียนโหรวเพิ่งยัดใส่มือเธอมาเมื่อครู่เอาไว้แน่น

โกรธจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

อวี๋ซงเดินไปหยุดตรงหน้ารถมายบัค แล้วโน้มตัวลงไปแนบหน้าต่างรถก่อนจะพูดว่า “คุณผู้ชายครับ คุณหนูเฉินพังรถเฉินเชียนโหรวไปแล้วครับ!”

“ฉันรู้แล้ว”

เสียงทุ้มต่ำและราบเรียบแว่วดังมาจากในตัวรถ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความพึงพอใจเล็กน้อย

——

[1] เหยียบจมูกขึ้นหน้า ชี้ถึงฝ่ายหนึ่งให้เกียรติแต่อีกฝ่ายกลับไม่สนและยิ่งได้ใจ

[2] ชนเครื่องเคลือบ หมายถึงการสร้างสถานการณ์ว่าโดนรถชนแล้วเรียกร้องค่าเสียหาย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

Status: Ongoing

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้

เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้

ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด!

“การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน