– เป็นจากโลกเป็นดาว
————————————————————————————————————
เทียนหลางนั่งมองผลึกเลือดพันปีที่อยู่ในมือพร้อมกับคิดถึงเหตุผลที่มันมาอยู่ในโลกใบนี้ เพราะผลึกเลือดนั้นจำเป็นจะต้องมีสองสิ่งที่จำเป็นสำหรับการตกผลึกนั่นก็คือ 1. ความหนาแน่นของปราณในสถานที่นั้น และ 2. เลือด หรือแก่นอสูรในระดับต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นในดาวดวงนี้ไม่น่าจะมีพวกมันในขณะที่เขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่นั้นเฟิงหยวนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
”คุณกำลังดูอะไรอยู่ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ชูผลึกเลือดพันปีในมือให้กับเฟิงหยวนดู
”เจ้านั่นมันอยู่ในตัวของขุนพลอสูรงั้นเหรอ ?”
”ใช่ ปกติแล้วพวกอสูรโบราณจะมีแก่นอสูรของตัวมันเองแต่แก่นอสูรของเจ้าขุนพลยักษ์นั่นกลับกลายเป็นผลึกเลือดพันปีได้ยังไงก็ไม่รู้”
เฟิงหยวนที่ได้ยินก็ลูบคางตัวเองเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”มันมีความเป็นไปได้ไหมที่เจ้าขุนพลนั่นหลบหนีจากสงครามมาที่ดาวนี้จากนั้นก็ซ่อนตัวพร้อมกับสกัดเลือดพันปีไปด้วย”
เทียนหลางที่ได้ยินก็คิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”มันก็เป็นไปได้ แต่เพราะดาวดวงนี้มีจำนวนปราณเบาบางอย่างมากการที่จะสกัดผลึกเลือดพันปีนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เว้นแต่….”
”เว้นแต่อะไรงั้นเหรอ ?”
”ดาวดวงนี้อาจมีสมบัติ หรือพื้นที่พิเศษอะไรบางอย่างที่มีปราณหนาแน่น หรือเปลี่ยนคุณสมบัติของสมบัตินั้นๆ อะไรบางอย่างได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฟ่านหลินก็งุนงงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
”มันมีสมบัติแบบนั้นด้วยเหรอ ?”
เทียนหลางส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้น
”ถ้าเป็นสมบัตินั้นผมไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าเป็นพื้นที่พิเศษก็น่าจะมีความเป็นไปได้อยู่”
”คุณจะค้นหามันหรือเปล่า ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็โบกมือไปมาเพื่อเป็นการแสดงปฏิเสธ
”ไม่เอาหรอก ผมขี้เกียจเกินกว่าจะไปหามัน ไหนจะต้องดูแลคุณ พ่อกับแม่และก็ธุรกิจของเราอีกเรื่องวุ่นวายเยอะเกินไปผมไม่มีเวลาทำแบบนั้นหรอก”
”แน่ใจงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนถามออกมาด้วยความไม่เชื่อ เทียนหลางที่ได้ยินก็หันกลับมาตอบทันที
”คุณไม่คิดจะเชื่อสามีคุณเลยเหรอ ?”
”ถึงฉันจะเชื่อคุณก็เถอะ แต่อีกไม่นานคุณก็ต้องหามันอยู่ดีฉะนั้นจะให้ฉันเชื่อคุณได้ยังไง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ผมจะไม่หามันหรอกน่า ถ้าหากผมจะเจอมันก็คงเป็นเพราะโชคชะตานั่นแหละ”
”ให้มันจริง”
เฟิงหยวนพูดพร้อมกับเดินไปที่เตียงเทียนหลางที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มพร้อมกับเดินไปกอดเธอจากด้านหลัง
”คุณมากอดฉันทำไมเนี่ย”
เมื่อได้ยินคำถามเทียนหลางก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
”วันนี้ผมเหนื่อยมากเลย ขอกอดคุณหน่อยนะ”
”ออกไปเลย”
เฟิงหยวนพูดพร้อมกับเอามือดันเทียนหลางออกไปเบาๆ เทียนหลางเมื่อเห็นแบบนั้นก็ได้ใจเขาอุ้มเธอขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิงก่อนจะพาเธอไปที่เตียง
…………………………………………………………………………………………………………………
”เธอพูดจริงงั้นเหรอ !!”
ผู้หญิงงดงามที่อยู่ตรงหน้าของผู้อาวุโสหลินพูดขึ้นเสียง ผู้อาวุโสหลินพยักหน้าก่อนจะยืนยัน
”ฉันมั่นใจท่านเจ้าสำนัก”
เมื่อเธอได้ยินคำยืนยันก็แสดงสีหน้าลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”เป็นไปได้ยังไงที่จะมีคนที่อยู่ในระดับเหนือกว่าเซียน”
ผู้อาวุโสหลินที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาด้วยความลังเลเล็กน้อย
”หรือว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นคนของนิกายลึกลับกันคะ ?”
เจ้าสำนักได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ก็อาจจะเป็นไปได้ มีสำนักและนิกายลึกลับมากมายซ่อนตัวอยู่ในเงามืดฉะนั้นการที่เขาจะมาจากนิกายลึกลับก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง”
ผู้อาวุโสหลินพยักหน้าก่อนจะถาม
”แล้วเราจะเอายังไงกับเขาดีคะ ?”
”ผูกมิตรกับเขาเอาไว้ ถ้าหากเขาอยู่ในระดับที่เหนือกว่าเซียนจริงอย่างที่เจ้าว่าก็ไม่ควรจะไปทำให้เขาไม่พอใจ”
ผู้อาวุโสหลินที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า
”เข้าใจแล้วค่ะท่านเจ้าสำนัก เช่นนั้นฉันขอตัว”
เจ้าสำนักพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากที่ผู้อาวุโสหลินออกไปจากห้องเจ้าสำนักก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้น
”การที่คนของนิกายลึกลับปรากฏตัวในโลกภายนอกแบบนี้อำนาจที่ค้ำจุนโลกเบื้องหลังอยู่จะต้องสั่นคลอนเป็นแน่ แต่บางทีก็อาจจะเป็นโอกาสของเรา”
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับหลายสำนักและส่วนใหญ่นั้นพวกเขาเห็นการต่อสู้ของเทียนหลางกับเฟิงหยวนที่เกาะแห่งนั้น พวกเขาหวาดกลัวพลังของเทียนหลางกับเฟิงหยวนไม่น้อย แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเพราะคำบอกเล่าจากผู้บ่มเพาะเร่ร่อนเหล่านั้น
มีผู้บ่มเพาะหลายคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้แต่สำหรับ 4 สำนักใหญ่นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่อย่างมากเรียกได้ว่าเป็นความวุ่นวายเลยก็ว่าได้เพราะหลายร้อยปีมานั้นพวกเขาเชื่อว่าระดับการบ่มเพาะสูงสุดก็คือระดับเซียนแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่ามีระดับที่อยู่เหนือกว่าเซียนไปอีกขั้นดังนั้นนี่จึงถือเป็นเรื่องใหญ่มากและสร้างความวุ่นวายไปทั่วทั้งสำนัก